บทที่ 19 ความประหลาดใจของพี่สาวทั้งสอง!
บทที่ 19 ความประหลาดใจของพี่สาวทั้งสอง!
ท้องฟ้าในขณะนี้เริ่มมืดลง
ซื่อฮุ่ยยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเหมือนเช่นเคย
แต่เธอก็คอยมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นระยะๆ
น่าเสียดายที่ข้างนอกนั้นมืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็นเลย
ซื่อฮุ่ยจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
ฟ้ามืดขนาดนี้แล้วแต่ทำไมซื่อหวินถึงยังไม่กลับบ้านอีก?
ตามปกติ ซื่อหวินน่าจะต้องกลับมาถึงบ้านแล้ว
ดังนั้นเธอจึงอดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซื่อหวินระหว่างทางกลับบ้านหรือเปล่า?
ซื่อฮุ่ยในตอนนี้แทบจะนั่งไม่ติด
เธอนึกถึงตอนกลางวันที่ได้เห็นศพของคนเร่ร่อนที่นอนเรียงรายอยู่ข้างถนนเป็นระยะๆซึ่งทำให้เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เธอเองก็ไม่อยากให้ซื่อหวินเป็นอะไรไปเหมือนกับ
ในขณะที่ซื่อฮุ่ยกำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้นเอง
"แกร๊ก"
เสียงไขกุญแจบ้านได้ดังขึ้น
จากนั้นซื่อหวินจึงผลักประตูเข้ามา
ใบหน้าของซื่อฮุ่ยฉายแววดีใจและรีบวิ่งออกมาจากห้องที่ซ่อนตัวอยู่ทันที
"น้องหวิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว"
ซื่อฮุ่ยดีใจมาก แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าที่ซีดเซียวไร้เลือดฝาดของซื่อหวินและรอยเลือดเปรอะเปื้อนตามตัวกับผ้าพันแผลที่ไหล่ขวา เธอจึงรีบเข้าไปประคองซื่อหวินทันที
ซื่อหวินที่เพิ่งผ่อนคลายเกือบจะเซล้มลง
"เจ้าหวิน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? นี่เจ้า..."
ซื่อฮุ่ยร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
ซื่อหวินมองพี่สาวของเขาด้วยความรู้สึกโล่งใจ
เขาจับมือของเธอเบาๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเอง"
"ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆในบ้านด้วยความหวาดกลัวอีกแล้วล่ะ เพราะตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้ว!"
ซื่อฮุ่ยตกใจมาก เธอเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
"เจ้าหวิน หรือซู่เอ๋อโก่วนั่น..."
ซื่อหวินตอบด้วยแววตาเย็นชา "พี่จะไม่ได้เจอกับซู่เอ๋อโก่วอีกแล้ว..."
ซื่อฮุ่ยมองไปที่บาดแผลบนไหล่ของซื่อหวินหลังจากนั้นจึงมองไปที่รอยเลือดทั่วตัวเขา
น้ำตาของเธอเริ่มคลอและเธอก็พอจะเดาได้ว่าซื่อหวินไปทำอะไรมา
......
หลังจากนั้นผ่านไปหนึ่งคืน
จนกระทั่งในเช้าวันรุ่งขึ้น
ซื่อหวินตื่นขึ้นมาพบกับอาหารเช้าร้อนๆที่ซื่อฮุ่ยกำลังทำอยู่ในครัว
เมื่อเห็นซื่อหวินตื่นขึ้นมาแล้ว ซื่อฮุ่ยจึงรีบนำโจ๊กเนื้อหนึ่งชามพร้อมไข่ต้มสองฟองมาให้
ซึ่งนี่ถือเป็นอาหารเช้าที่ "หรูหรา" มาก เพราะปกติแล้วพวกเขาจะกินแค่ขนมปังแห้งหรือส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่ได้กินอะไรเลย
แต่ตอนนี้ซื่อหวินได้มอบเงินส่วนใหญ่กับให้ซื่อฮุ่ยดูแล ดังนั้นเขาจึงมีอาหารเช้าดีๆกินอย่างในวันนี้
"น้องหวิน เจ้ารีบกินตอนร้อนๆนะ ตอนนี้เจ้ากำลังบาดเจ็บและร่างกายก็อ่อนแอลงมาก ดังนั้นต้องกินให้หมดด้วยล่ะ"
ซื่อหวินพยักหน้า แล้วเริ่มดื่มด่ำกับอาหารเช้าสุดหรู (สำหรับเขา)
หลังจากที่กำจัดภัยคุกคามอย่างซู่เอ๋อโก่วไปได้ เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก
"แกร๊ก"
เสียงประตูเปิดออก
ซื่อเหลียนพี่สาวคนโตได้กลับมาที่บ้านแล้ว
"พี่เหลียนกลับมาแล้วเหรอ มานั่งกินข้าวเช้ากันก่อนเร็ว"
ซื่อฮุ่ยรีบยกอาหารเช้าของตัวเองไปให้ซื่อเหลียน
ซื่อเหลียนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
อาหารเช้างั้นรึ?
เธอไม่ได้กินอาหารเช้ามานานแล้ว
ดังนั้นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารเช้าที่ดูหรูหราขนาดนี้
เธอเองก็รู้จักซื่อฮุ่ยดีว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ซื่อฮุ่ยจะ "ฟุ่มเฟือย" ขนาดนี้ เพราะอาหารเช้าเป็นสิ่งที่คนรวยเท่านั้นที่มีสิทธิ์กิน
ซื่อเหลียนกวาดสายตามองไปรอบๆแล้วก็เห็นซื่อหวินทันที
แม้ว่าซื่อหวินจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แต่ผ้าพันแผลที่ไหล่ก็ยังเห็นได้ชัด
"น้องหวิน นี่เจ้าบาดเจ็บมางั้นเหรอ?"
"หรือว่าซู่เอ๋อโก่วทำร้ายเจ้าอีกแล้วน่ะ?!" ซื่อเหลียนนึกถึงซู่เอ๋อโก่วเป็นคนแรก
"พี่เหลียน ไม่ใช่ซู่เอ๋อโก่วหรอกที่ทำร้ายข้า แต่เป็นข้าที่ไปหาเขาถึงที่เลยต่างหาก"
"หลังจากนี้ไป พี่เหลียนจะไม่ได้เจอกับซู่เอ๋อโก่วอีกแล้ว..."
ซื่อหวินไม่ได้ปิดบังอะไร เขาเล่าเรื่องที่ไปดักรอซู่เอ๋อโก่วที่บ้านและฆ่าเขาให้ซื่อเหลียนฟัง
ซื่อเหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอจ้องมองซื่อหวินอย่างพินิจ
แววตาของเธอมีความรู้สึกแปลกๆแต่ก็มีความยินดีปนอยู่ด้วย
ความรู้สึกแปลกๆนั้นเป็นเพราะซื่อหวินที่เธอรู้จักไม่เคยมีความกล้าแบบนี้มาก่อน
ในบรรดาพี่น้องตระกูลซื่อ ซื่อเหลียนต่างหากที่ดูเหมือนผู้ชายมากที่สุด
แต่ตอนนี้เธอรู้สึกดีมากที่ซื่อหวินมีความกล้าและความเด็ดเดี่ยวซึ่งนั่นหมายความว่าเขา "โตขึ้น" และมีความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชายแล้ว
แต่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ซื่อหวินเองก็เกือบตายไปแล้วจากการต่อสู้กับซู่เอ๋อโก่วอย่างเอาเป็นเอาตาย
หากเป็นอย่างที่ซื่อหวินเล่ามา ถ้าหากพลาดไปแม้แต่นิดเดียว คนที่ตายก็คือซื่อหวินและยิ่งไปกว่านั้นเขายังขาพิการอีก
"น้องหวิน ต่อไปห้ามทำอะไรเสี่ยงๆแบบนี้อีกนะ ถ้าหากจะฆ่าซู่เอ๋อโก่วจริงๆเจ้าน่าจะชวนข้าไปด้วย ถ้าพวกเราพี่น้องร่วมใจกัน แค่ซู่เอ๋อโก่วคนเดียวก็จัดการได้สบายแล้ว"
ซื่อหวินยิ้มบางๆและไม่ตอบอะไร
เขาเคยคิดที่จะไปจัดการซู่เอ๋อโก่วกับซื่อเหลียน
แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นเพราะเหตุผลที่ว่านี่เป็นเรื่องระหว่างเขากับซู่เอ๋อโก่ว
ไม่ว่าเขาจะตายหรือซู่เอ๋อโก่วจะตาย เรื่องนี้ก็จะจบลงและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอื่น
แต่ถ้าหากเขาชวนซื่อเหลียนไปด้วย แล้วเกิดซื่อเหลียนตายขึ้นมาล่ะ?
ซู่เอ๋อโก่วจะปล่อยซื่อฮุ่ยไปงั้นหรือ?
เมื่อถึงตอนนั้น ตระกูลซื่อก็อาจจะถูกฆ่าล้างตระกูลได้เลยด้วยซ้ำ!
เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว สุดท้ายซื่อหวินจึงตัดสินใจที่จะไปจัดการซู่เอ๋อโก่วด้วยตัวเขาเองเพียงคนเดียว
ซื่อเหลียนลุกขึ้นและเดินวนไปมาในห้อง ทันใดนั้นเธอก็หยุด
สายตาของซื่อเหลียนนั้นคมกริบมาก
เธอจ้องมองซื่อหวินแล้วถามว่า "น้องหวิน แล้วเจ้าจัดการกับศพของซู่เอ๋อโก่วยังไงรึ?"
ซื่อหวินส่ายหัว "ข้าไม่ได้จัดการกับศพของมันหรอก ตอนนี้ศพของมันก็คงจะเย่าเปื่อยอยู่ในบ้านของมันนั่นแหละ"
ซื่อเหลียนส่ายหัว "ไม่ได้นะ! ถ้าเป็นแบบนี้จะมีปัญหาตามมาภายหลังแน่!"
"งั้น... ข้าจะไปที่บ้านซู่เอ๋อโก่วอีกครั้งตอนนี้เพื่อจัดการศพของมันให้เรียบร้อยดีไหม?"
ซื่อเหลียนรู้ว่าซื่อหวินนั้นขาพิการ ดังนั้นจึงน่าจะจัดการกับศพได้ยาก
"ตอนนี้เลยเหรอ?" ซื่อหวินขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว "พี่เหลียน ถ้าหากพี่ไปตอนนี้มันอาจจะทำให้เรื่องที่ข้าทำถูกเปิดเผยได้ หรืออาจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ ถ้าหากมีคนพบศพของซู่เอ๋อโก่วแล้วมีคนเห็นว่าพี่ไปที่นั่นแล้วโยงมาถึงข้า พวกเราจะตกอยู่ในอันตรายทุกคนเลยนะ"
คำพูดของซื่อหวินนั้นทำให้ซื่อเหลียนใจเย็นลง
จริงอย่างที่เขาว่า ถ้าหากเธอไปที่บ้านซู่เอ๋อโก่วอีกครั้งตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะจัดการศพได้หมดจดหรือไม่
แค่มีคนเห็นเธอระหว่างทางก็อาจจะทำให้สาวมาถึงซื่อหวินได้
ดังนั้น ถ้าหากปล่อยให้ศพของซู่เอ๋อโก่วเน่าอยู่ในบ้าน พอเวลาผ่านไปนานเข้า ร่องรอยต่างๆก็อาจจะหายไปเอง
"น้องหวิน เจ้าพูดถูกจริงๆ ถ้าหากข้าไปตอนนี้ก็มีแต่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้เปล่าๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังประมาทไม่ได้"
"ซู่เอ๋อโก่วน่าจะภายในใต้อำนาจของหลิวเยี่ยแห่งแก๊งสามพยัคฆ์ แม้ว่าจะเป็นการอยู่เพื่อผลประโยชน์ แต่ถ้าหลิวเยี่ยเกิดให้ความสำคัญกับซู่เอ๋อโก่วขึ้นมาล่ะ? ดังนั้นแล้วเจ้าจะต้องรีบรักษาร่างกายให้หายแล้วกลับไปฝึกฝนวิทยายุทธ์ต่อ"
ซื่อหวินพยักหน้า "พี่เหลียน ข้าเองก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปฝึกต่อที่โรงฝึกดัชนีทอง และครั้งนี้ที่บ้านซู่เอ๋อโก่วข้าได้บางอย่างมาโดยที่ไม่คาดคิดด้วย..."
ซื่อหวินเล่าเรื่องที่เขาได้เงินมาหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงให้ซื่อเหลียนฟัง
สีหน้าของซื่อเหลียนเปลี่ยนไป ครั้งนี้เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง
เงินกว่าร้อยตำลึง!
นั่นมันเป็นเงินก้อนโตเลยนะ!
ถึงแม้ว่าเธอจะยอมขายตัวเองให้กับตระกูลหวัง ก็เธอได้แค่สิบตำลึงต่อเดือนเท่านั้นเอง…