บทที่ 18 ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด!
บทที่ 18 ผลประโยชน์ที่ไม่คาดคิด!
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ซื่อหวินก็เหมือนจะได้สติกลับคืนมา
เขาไม่ได้นั่งอยู่บนพื้นนานนัก
เมื่อมองไปยังศพของซู่เอ๋อโก่วเขาก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบลุกขึ้นยืน
"เงิน! ซู่เอ๋อโก่วต้องซ่อนเงินเอาไว้ที่บ้านแน่ๆ เพราะมันเป็นเงินที่ได้มาจากศพในเหมืองหิน"
"แล้วเงินพวกนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ?"
ซื่อหวินมองไปรอบๆ
บ้านของซู่เอ๋อโก่วเรียกได้ว่ามีแค่ฝาผนัง สภาพทรุดโทรม ว่างเปล่า แล้วจะมีที่ไหนที่ซ่อนเงินจำนวนมากได้?
ซื่อหวินขมวดคิ้ว
เขาเริ่มคิดทบทวนคำพูดของซู่เอ๋อโก่วและไม่เสียใจเลยที่ปล่อยให้เขาตายเพราะเสียเลือดมาก
ถ้าหากเขาถามถึงที่ซ่อนเงิน ซู่เอ๋อโก่วก็ต้องใช้มันมาต่อรองกับเขาแน่นอน
เป้าหมายของซื่อหวินคือฆ่าซู่เอ๋อโก่วส่วนเงินนั้นเป็นแค่ของแถม ถ้ามีอยู่จริงก็ดี ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร
ซื่อหวินจึงเริ่มค้นหาในบ้านอย่างละเอียดอีกครั้ง
ตู้ใบเดียวในบ้านก็เก่าและผุพังจนไม่น่าจะซ่อนเงินไว้ได้
เขาพยายามคิดว่า ถ้าหากเขาเป็นซู่เอ๋อโก่วเขาจะเอาเงินจำนวนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน?
"เดี๋ยวนะ ในครัวล่ะ?!"
ดวงตาของซื่อหวินเป็นประกาย
เขารีบเดินเข้าไปในครัวทันที
ครัวในบ้านของซู่เอ๋อโก่วนั้นรกและมีกลิ่นเหม็นอับ
สายตาของเขาจับจ้องไปที่เตาถ่านในครัว
บนเตามีหม้ออยู่สองใบซึ่งเป็นใบใหญ่และใบเล็ก
ซื่อหวินค้นหาบริเวณตรงนั้นอยุ๋ครู่หนึ่ง
ในที่สุดเขาก็เจอเงินที่ซ่อนอยู่ใต้หม้อใบเล็ก
เงินจำนวนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้า
ถ้าหากไม่สังเกตให้ดีก็คงหาไม่เจอ
ใครจะไปคิดว่าอันธพาลอย่างซู่เอ๋อโก่วจะมีเงินซ่อนไว้ในบ้านมากมายขนาดนี้!
เงินจำนวนนี้ถูกหลอมเป็นแท่งๆจนหนักเอาการ
แต่ละแท่งน่าจะมีค่าประมาณสิบตำลึง
ทั้งหมดมีสิบสามแท่ง ซึ่งหมายความว่ามีเงินทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบตำลึง!
เมื่อได้เห็นเงินจำนวนมากตรงหน้า แม้แต่ซื่อหวินที่สุขุมเยือกเย็นก็อดไม่ได้ที่จะหายใจถี่ขึ้น
หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ เขาเคยประสบกับสถานการณ์ที่แม้แต่เงินเพียงเล็กน้อยก็หาได้ยากยิ่ง
พี่สาวของเขาต้องขายตัวเองเป็นทาสให้กับตระกูลหวังเพื่อแลกกับเงินเพียงสิบตำลึง
แต่ตอนนี้เขามีเงินมากถึงหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงแล้ว!
เงินจำนวนนี้มันช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขาได้อย่างมาก
เพราะที่โรงฝึกดัชนีทอง ซื่อหวินยังไม่ได้จ่ายเงินค่าฝึกครึ่งเดือนหลัง
ถ้าหากเขาไม่จ่ายก็จะถูกไล่ออก
แต่ตอนนี้เขามีเงินแล้วซึ่งทำให้เขาโล่งใจได้อย่างมาก
เงินจำนวนนี้ไม่น่าจะมาจากศพในเหมืองหิน เพราะซื่อหวินเคยเห็นศพนั้นมาก่อน
ศพนั้นไม่มีเงินอยู่เลย ดังนั้นจึงน่าจะเป็นไปได้ว่าซู่เอ๋อโก่วค้นพบอะไรบางอย่างจากศพแล้วเอาไปขายจึงได้เงินมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้
ซื่อหวินค้นหาในบ้านของซู่เอ๋อโก่วจนพบกับผ้าขาดๆผืนหนึ่ง
เขาใช้ผ้าขาดๆห่อเงินหนึ่งร้อยสามสิบตำลึงเอาไว้ก่อนจะออกจากห้องครัวไป
เมื่อเห็นศพของซู่เอ๋อโก่วนอนอยู่บนพื้น ศพนั้นนอนแน่นิ่งและส่งกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่ว
ซื่อหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาอยากจะจัดการกับศพให้เรียบร้อย
แต่ด้วยสภาพร่างกายของเขาตอนนี้คงไม่อาจทำได้
อีกทั้งตอนนี้เขาก็เริ่มหายใจหอบและเริ่มหมดแรงแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องรีบกลับไปรักษาแผลที่แขนให้เร็วที่สุด
"ฟุ่บบ!"
ซื่อหวินรีบออกจากบ้านของซู่เอ๋อโก่วไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนศพของซู่เอ๋อโก่วก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้น
ถึงจะมีคนมาเจอเข้าก็น่าจะไม่เป็นอะไร เพราะเมืองหลิวตอนนี้วุ่นวายมาก
ซู่เอ๋อโก่วเองก็ไม่ใช่คนที่สำคัญอะไร ถึงจะตายไปก็คงไม่มีใครมาสนใจ
ซื่อหวินแบกห่อผ้าที่ห่อเงินเอาไว้และใช้ผ้าขาดๆปิดบังดาบที่ปักอยู่บนแขน
หลังจากนั้นเขาเดินตรงไปยังร้านหมอ
เขาเข้าใจดีว่าบาดแผลแบบนี้รักษาเองที่บ้านไม่ได้ ถ้าเกิดพลาดไปติดเชื้อในยุคนี้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!
ดังนั้น ซื่อหวินจึงตรงไปที่ร้านหมอทันที
ร้านหมอนี้เป็นร้านเล็กๆซึ่งไม่มีคนมากนัก
ในร้านมีแค่หมอสูงวัยอายุห้าสิบกว่าๆกับลูกศิษย์สองสามคนที่กำลังจัดยาอยู่
ซื่อหวินเดินโซเซเข้ามาในร้านด้วยใบหน้าซีดเผือดและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
หมอเฉินเหลือบไปมองร่างกายของซื่อหวินก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า
"เจ้าเป็นอะไรมางั้นรึ?" หมอเฉินถาม
ซื่อหวินเตรียมเงินหนึ่งตำลึงเอาไว้แล้ว
"ป้าบ!"
ซื่อหวินวางเงินสิบตำลึงลงบนโต๊ะเสียงดัง จนหมอเฉินกับลูกศิษย์ต่างเบิกตากว้างและจ้องมองเงินก้อนนั้นด้วยตาไม่กะพริบ
ซื่อหวินเปิดผ้าขาดๆที่ปิดแผลบนไหล่ออกและพูดด้วยเสียงทุ้มหนักทีละคำ "รักษาแผลให้ข้าทีและหายามารักษาให้ข้าด้วย ถ้าทำได้เงินสิบตำลึงนี้ข้ายกให้พวกเจ้า"
"หะ...ห้ะ?"
เงินสิบตำลึงนี้เป็นสิ่งล่อใจที่ยากจะปฏิเสธได้
ยิ่งซื่อหวินเต็มไปด้วยเลือดและมีดาบปักอยู่บนไหล่อย่างชัดเจนแบบนี้อีก
หมอเฉินจึงรู้ทันทีว่าเขาคงเป็นพวกนอกรีตที่ใช้ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
คนแบบนี้ไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้
ถ้าหากปฏิเสธไป ใครจะรู้ว่าซื่อหวินจะทำอะไรกับเขาในภายหลังบ้าง?
หมอเฉินจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วและตวาดเหล่าลูกศิษย์ทันที
"พวกเจ้ายังยืนบื้ออะไรกันอยู่?! รีบไปเอาตำรับยารักษาแผลของท่านอาจารย์บรรพบุรุษมาเร็วเข้า!"
"ขะ..ขอรับท่านอาจารย์!"
เมื่อลูกศิษย์ได้สติกลับมา พวกเขาจึงรีบไปทำตามคำสั่งทันที
ซื่อหวินเอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลงเพื่อพยายามอดทนต่อความเจ็บปวด
ในที่สุดหมอเฉินก็ดึงดาบที่ปักอยู่บนไหล่ออก
และเลือดก็ไหลทะลักออกมาในทันที
โชคดีที่หมอเฉินนั้นมีความสามารถด้านการแพทย์สูง นอกจากนี้ยาของเขาก็ได้ผลดีมาก
หลังจากทายาลงไปไม่นานเลือดก็หยุดไหล
หมอเฉินรักษาอยู่นานเกือบสองชั่วยามจนเขาเกือบจะหมดแรง
หลังจากนั้นเขาได้จัดยาบำรุงให้ซื่อหวินอีกหลายขนานพร้อมกับบอกว่า "เมื่อกลับไปที่บ้านแล้ว เจ้าจะต้องทายาที่แผลทุกวัน และกินยาบำรุงเลือดตามที่สั่งแล้วพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นานแผลของเจ้าก็จะหายเป็นปกติเอง"
ซื่อหวินพยักหน้า
เขาหยิบห่อผ้ากับยาที่เตรียมไว้ก่อนจะลุกขึ้นและเตรียมตัวออกจากร้านไป
แต่เมื่อไปถึงหน้าประตู เขาก็หยุดลงและหันหลังให้หมอเฉินก่อนจะถามว่า
"หมอเฉิน ถ้าหากมีคนมาถามเรื่องนี้ ท่านจะต้องตอบว่าอย่างไร?"
หมอเฉินตอบอย่างไม่ลังเล "วางใจเถิด วันนี้ข้าและลูกศิษย์กำลังจัดยาอยู่ไม่ได้ออกมารับคนไข้เลย"
ซื่อหวินพยักหน้าอย่างพอใจ เงินสิบตำลึงนั้นคือค่าปิดปาก
แม้ว่าซู่เอ๋อโก่วจะเป็นแค่อันธพาลแต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้
เมื่อจ่ายเงินปิดปากแล้ว หมอเฉินก็คงจะไม่พูดอะไรที่เป็นเบาะแสเกี่ยวกับเขา
ซื่อหวินจึงรีบออกจากร้านหมอและหายตัวไปในความมืด
ร่างของเขาหายลับไปในพริบตา
"ท่านอาจารย์ นี่เขา..." ลูกศิษย์คนหนึ่งกำลังจะพูด แต่ก็ถูกหมอเฉินขัดจังหวะ
"ชู่ว!" หมอเฉินปราม "จงจำไว้ว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เดือนนี้ข้าจะให้เงินเดือนของพวกเจ้าเพิ่มเป็นสองเท่า!"
ลูกศิษย์ทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า พวกเขาจึงไม่ถามอะไรต่อ