บทที่ 171 ราตรีสังหาร!
ในตลอดช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนที่ผ่านมา หลัวเฉิงพบว่ายิ่งคุณภาพของวิญญาณที่กลืนกินนั้นสูงมากเท่าไหร่ วิชามังกรแท้ก็จะยิ่งทะลวงระดับได้รวดเร็วขึ้นมากเท่านั้น!
ปราณมังกรในตันเถียนเขาคล้ายกำลังส่งสัญญาณว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง หากเขาสามารถกลืนวิญญาณยุทธ์ระดับห้าดาวอีกสองดวง วิชามังกรแท้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับสามได้สำเร็จ!
ใช้เวลาเพียงไม่นาน หลัวเฉิงก็กลืนกินวิญญาณยุทธ์ของเฉาชิงและคนอื่นๆ เสร็จสิ้นแล้ว
“ต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน!”
หลัวเฉิงเงยหน้าขึ้นทอดสายตาบนท้องฟ้า
ในยามนี้ เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆบางๆ และดวงจันทร์ก็ถูกมวลเมฆาอำพรางไปกว่าครึ่ง ทั่วทั้งผืนป่ามืดมิด มีเพียงเสียงคำรามคำรณของสัตว์อสูรที่แว่วยินมาให้ได้สดับรับฟังเป็นระยะ
กลางคืนคือเวลาที่ประหนึ่งสรวงสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร!
เมื่อตระหนักแล้วว่าการอยู่ที่นี่ย่อมไม่ปลอดภัย ร่างหลัวเฉิงจึงพุ่งปราดเข้าไปท่ามกลางป่าอันมืดทึบด้วยความเร็วประหนึ่งภูตผีวิญญาณ
โฮก!
ไม่นานหลังจากที่หลัวเฉิงกังจากไป เสียงคำรามของสัตว์อสูรก็กังวานขึ้น
เงาดำทะมึนขนาดใหญ่หลายตัวตามกลิ่นคาวเลือดจนโผล่มาจากป่าทึบ พวกมันกลืนกินร่างของ เฉาชิงและคนอื่นๆ อย่างรวดเร็ว โดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่กระดูก!
บนเกาะชิงอวิ๋นในเวลากลางคืน อันตรายรอบด้านที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ก็เพิ่มขึ้นอีกทวี ทั่วทุกหนแห่งในผืนป่าคล้ายจะมีร่องรอยการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรนานาชนิด
ทันทีที่หลัวเฉิงวิ่งห่างออกไปราวหนึ่งลี้ เขาก็ถูกสัตว์อสูรสองตัวเข้าโจมตีอย่างฉับพลัน พานให้ต้องชะลอฝีเท้าลง
“ดูท่าคงต้องหาสถานที่ปลอดภัยในการใช้ทะลวงวิชามังกรแท้เสียแล้ว”
หลัวเฉิงฟันศีรษะหมาป่าอสูรทั้งสองจนสะบั้นขาดด้วยกระบี่เดียว จากนั้นก็ตกฝีเท้าพุ่งล่างออกจากพื้นที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว
เกาะชิงอวิ๋นในยามวิกาลนั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากมายสุดคณานับ ทั่วทุกมุมบริเวณบนเกาะล้วนเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่ออกไล่ล่าในยามราตรี
ด้วยแต้มล่าสัตว์อสูรหมื่นแต้มนี้ หลัวเฉิงมั่นใจว่าได้เข้าสู่สามอันดับแรกในการทดสอบชิงอวิ๋นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่คิดเสียเวลาไล่ล่าสัตว์อสูรอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้คือการทะลวงวิชามังกรแท้ให้เร็วที่สุด
ฟึบ! ฟึบ!……
ในเวลาเดียวกันนี้ เสียงฝีเท้ามากมายก็ดังขึ้น
เพียงไม่ถึงเสี้ยวอึดใจก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งร่างออกจากปาก กลุ่มนั้นมีกันทั้งหมดเจ็ดคน ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่!
“เฮ… นั่นมันหลัวเฉิงไม่ใช่หรือ!”
“หากสังหารเขาจะกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกโดยตรง!”
เมื่อคนทั้งเจ็ดเห็นหลัวเฉิง แววตาพวกเขาก็เต็มไปด้วยความโลภและอำมหิต
บุรุษหนุ่มที่มีบาดแผลเป็นบนใบหน้ากล่าวว่า “หลีกไป หัวของมันเป็นของข้า!”
“ฮึ่ม! หวังเต้า เจ้าอย่าได้ลำพองใจไป! แม้เจ้าจะแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ แต่เจ้าก็ไม่ได้มีฝีมือสูงส่งกว่าพวกเรามากนัก ไยข้าต้องฟังเจ้าด้วย”
“ใครจะเป็นคนได้หัวของมัน ก็อยู่ที่ความสามารถของคนผู้นั้นเป็นอย่างไร!”
“ตกลง!”
ทั้งเจ็ดคนเป็นเพียงกลุ่มที่ถูกตั้งขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นหลัวเฉิงทั้งหมดก็ล้วนตกอยู่ในความโลภอันหาที่สุดมิได้
หลัวเฉิงขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้มีเจตนาจะสังหารเขาอย่างเต็มเปี่ยม
เคร้ง!
เขาชักกระบี่ออกมาแล้วโบกสะบัดอย่างกะทันหัน จบการเคลื่อนไหวต้นไม้ขนาดใหญ่ราวสองคนโอบก็หักโค่นลงทันที
หลัวเฉิงชี้กระบี่ตนไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นแล้วตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปให้พ้น!”
“ฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? รู้หรือไม่ว่ากล่าวสิ่งใดออกมา!” ชายหนุ่มผู้มีแผลเป็นหัวเราะอย่างเหยียดหยาม
แต่ทันใด หนึ่งในเจ็ดนักกระบี่หนุ่มก็ถึงกับหน้าถอดสี แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
หลังกล่าววาจาเช่นนั้น นักกระบี่หนุ่มก็เร่งฝีเท้าหนีเข้าไปในป่าทึบโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย
ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นนักกระบี่จากโลกภายนอกที่ฝีมือเข้าขั้นยอดนักกระบี่แล้ว แต่เพลงกระบี่ของชายผู้นั้นกลับไม่อาจเทียบได้กับเพลงกระบี่ของหลัวเฉิง!
นักกระบี่ที่ฝึกฝนจนเข้าขั้นยอดนักกระบี่นั้นน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง และพลังต่อสู้ของพวกเขาก็มิใช่ธรรมดา แม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกันไม่อาจเทียบเคียงได้!
“เฮอะ! เจ้าคนไร้ค่า”
ชายหนุ่มที่มีแผลเป็นสบถ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดุร้าย “ไปเสียได้ก็ดี เท่านี้ก็มีคู่แข่งลดลงไป หนึ่ง…”
ฉัวะ!
วาจาของบุรุษหนุ่มผู้มีแผลเป็นยังไม่ทันจะสิ้นคำ แสงกระบี่วาวเย็นยะเยือกก็ส่องประกายกะทันหัน พานให้น้ำเสียงชายผู้นั้นชะงักขาดในทันที
ด้วยตอนนี้ มีกระบี่เล่มหนึ่งแทงทะลวงหน้าผากเขาอยู่
“ในเมื่อเจ้าไม่ไป สิ่งเดียวที่รอพวกเจ้าอยู่ที่นี่คือความตายเท่านั้น!”
หลัวเฉิงกวาดสายตามองอีกห้าคนที่เหลือ
รอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งห้าพลันแข็งทื่อ คล้ายกับดวงวิญญาณถูกกระชากออกจากร่าง
อ๊า! อ๊า! อ๊า!
เพียงไม่กี่ลมหายใจ ท่ามกลางป่าทึบก็ปรากฏศพผู้คนขึ้นอีกห้า
หลัวเฉิงสังหารคนเหล่านี้โดยไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว หลังจากกลืนกินวิญญาณยุทธ์แล้ว เขาก็หยั่งลึกเข้าไปในป่าอีกครั้ง
ค่ำคืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นราตรีแห่งการสังหาร
เกาะชิงอวิ๋นยามนี้ เต็มไปด้วยเสียงคำรณของสัตว์อสูรกังวาลไปทั่วหุบเขาและพื้นที่ราบ ทุกอาณาบริเวณล้วนเต็มไปด้วยเสียงแห่งการห้ำหั่น สายลมยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บพัดโชยคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด