บทที่ 12 : เอาชีวิตรอดในโรงเรียนเวทมนตร์ ในฐานะนักเวท
ฉันดีใจที่พวกหัวเหล็กรู้เรื่องได้เร็ว!
"..."
ไม่มีใครมีความสุขที่ได้รับคำชมจากอาจารย์ใหญ่หัวกะโหลกนี้
อีฮานแทบจะได้ยินเสียงเยาะเย้ยในน้ำเสียงของเขา
'โดยปกติแล้ว นักเรียนจากมังกรครามมักจะช้าที่สุดในการเข้าใจสถานการณ์‘
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้อาจารย์ใหญ่กำลังชมอย่างจริงใจ สถาบันต้อนรับนักเรียนใหม่ทุกปี และคนที่ถูกจัดให้อยู่มังกรครามมักจะปรับตัวช้าที่สุดเสมอ
คนที่เร็วที่สุดคือนักเรียนของเต่ามรกต พวกเขามักจะเป็นลูกของพ่อค้า สามัญชน และขอทาน ดังนั้นพวกเขาจึงปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้อย่างรวดเร็วมาก
รองลงมาคือนักเรียนของพยัคฆ์ขาว เนื่องจากครอบครัวของพวกเขาเป็นอัศวิน พวกเขาเองก็แข็งแรงมากและสามารถทนต่อสภาพอันโหดร้ายได้
เมื่อเทียบกันแล้ว นักเรียนที่อยู่ในมังกรครามเป็นทายาทของขุนนางที่มั่นคง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาเติบโตมาอย่างทะนุถนอม ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะปรับตัวช้าที่สุด
อาจารย์ใหญ่ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าพวกเขาจะหาอะไรกินได้ภายในเพียงไม่กี่วัน ที่จริงแล้ว มันค่อนข้างน่าชื่นชมทีเดียว
'เขาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือเปล่า?'
ดวงตาสีฟ้าของอาจารย์ใหญ่กะโหลกจับจ้องไปที่อีฮาน
ในฐานะจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ สัญชาตญาณของเขาไม่เคยผิดพลาด ถึงแม้ว่ามันจะผิด เขาก็จะบังคับให้มันถูกต้อง
โชคดีที่เขาคาดการณ์เกี่ยวกับอีฮานได้ถูกต้อง และความประทับใจแรกของเขาก็แม่นยำ
'มานาเพียงอย่างเดียวไม่ได้กำหนดว่าใครจะเหมาะที่จะเป็นจอมเวท'
เขามองอีฮานในแง่ดีไม่ใช่เพียงเพราะมานาที่มีมากของเขา แน่นอนว่านั่นก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วย แต่บางอย่างเกี่ยวกับอีฮานที่ได้ดึงดูดความสนใจของอาจารย์ใหญ่
เขาไม่คิดว่าคนที่เปิดกว้างขนาดนี้จะเกิดจากตระกูลวาร์ดานาซที่ให้คุณค่ากับจารีตประเพณีอย่างมาก
'การเปิดกว้างและไม่มีอคติ นั่นจะเป็นแสงสว่างที่นำทางจอมเวทไปตามเส้นทางของพวกเขา'
และนั่นคือสิ่งที่เขาปรารถนาจะสอนนักเรียน
ขนมปังแข็งและข้าวปั้นเย็นๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่นำไปสู่จุดหมายนั้น แม้ว่าเขาจะสนุกกับการดูพวกเด็กๆทุกข์ทรมานอยู่บ้าง
'ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าที่นี่หนาวนิดหน่อย'
อีฮานรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที ถึงแม้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ในห้องกลับเย็นแปลกๆ
***
"ท่านครับ พวกเราเข้าใจว่าเราต้องคิดวิธีหาอาหารกินเองถ้าเราอยากเติบโตเป็นจอมเวท แต่ทำไมเราต้องเรียนเรื่องจริยธรรมด้วยครับ?"
สมกับเป็นคนจากมังกรคราม มีแต่คนที่เกิดมาเป็นขุนนางเท่านั้นที่จะมีความกล้ามากพอที่จะพูดต่อหน้าอาจารย์ใหญ่หัวกะโหลก
อาจารย์ใหญ่พยักหน้ากะโหลกและตอบด้วยเสียงที่อ่อนโยน
คำถามยอดเยี่ยมมาก ทำไมเราต้องเรียนจริยธรรม? ลองตอบคำถามนั้นด้วยตัวเองสิ
"...พวกเราเดาไม่ออกเลยครับ ท่าน"
ก็เพราะว่าเมื่อบัณฑิตของสถาบันออกไปก่อปัญหาข้างนอก จักรพรรดิบ้านั่นก็จะมาตามหาฉันเพื่อขอคำอธิบาย!!!
นักศึกษาปีหนึ่งปิดหูเมื่ออาจารย์ใหญ่หัวกะโหลกตะโกนสุดเสียง
ถ้ารุ่นพี่ของพวกเธอไม่ไปก่อปัญหาข้างนอก! พวกเราก็ไม่ต้องจัดการเรียนการสอนวิชานี้! เข้าใจไหม พวกหัวเหล็ก!?
"..."
ทำไมต้องมีวิชาจริยธรรม พวกเธอถามงั้นเหรอ!? ถ้าหนึ่งในผู้ช่วยใกล้ชิดของฝ่าบาทมาขอคำอธิบาย เราก็ต้องแสดงให้เห็นอย่างน้อยว่าเรากำลังพยายามไม่ก่อปัญหา ไม่งั้นพวกเธอทุกคนจะถูกส่งไปแขวนคอ! นั่นเป็นคำตอบที่เพียงพอหรือยัง พวกหัวเหล็ก!?!
"ค-ครับ/ค่ะ ท่าน!!"
นักเรียนที่ถามคำถามพยักหน้าซ้ำๆ เมื่อถูกครอบงำด้วยแรงกดดันที่อาจารย์ใหญ่แผ่ออกมา
จอมเวทเป็นตัวก่อปัญหาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และเราไม่มีทางรู้ว่าพวกเขาจะเกรี้ยวกราดเมื่อไหร่ และอย่าโกหกฉันว่าพวกเธอนั้นจะแตกต่าง! นั่นจะยิ่งทำให้ฉันโมโหมากขึ้นไปอีก! ต่อไปเมื่อพวกเธอได้รับอนุญาตให้ออกนอกมหาวิทยาลัย พวกเธอจะได้เห็นว่าพวกเธอก่อปัญหามากแค่ไหน ตอนนี้เปิดหนังสือหน้า 1 และอ่านออกเสียงดังๆ!!
"ข้าจะไม่ใช้เวทมนตร์ต่อต้านสามัญชน!!"
อีกครั้ง!!
"ข้าจะไม่ใช้เวทมนตร์ต่อต้านสามัญชน!!"
'นี่จะได้ผลจริงๆ เหรอ?' อีฮานคิดในใจ 'แบบนี้จะไม่ยิ่งทำให้ปัญหาแย่ลงเหรอ...'
***
นักเรียนคาดว่าชั้นเรียนจะน่าเบื่อ
และพวกเขาก็คิดผิดถนัด
ชั้นเรียนจริยธรรมน่าเบื่อยิ่งกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้เสียอีก
"ต้องล้อเล่นแน่ๆ...ทำไมนี่ถึงเป็นวิชาบังคับด้วย..."
"คอฉันเจ็บไปหมด..."
ผ่านบทเรียนวันนี้ ฉันหวังว่าเมล็ดพันธุ์แห่งความเมตตาจะงอกงามในตัวพวกเธอแต่ละคน
"ครับ..."
"ผม/หนูรู้สึกถึงผลลัพธ์แล้วค่ะ/ครับ..."
และต่อไป ฉันต้องการผู้ช่วยสองคนสำหรับชั้นเรียนนี้ มีใครอาสาไหม?
อาจารย์ใหญ่ถามด้วยเสียงอ่อนโยน ซึ่งทำให้มันฟังดูน่ากลัวยิ่งกว่าที่ควรจะเป็น
"..."
ดวงตาของนักเรียนกวาดมองไปมา พยายามไม่ให้เป็นผู้ถูกเลือก ลิชจึงยิ้มเยาะ
แน่ใจนะว่าไม่มีใครอยากอาสา? พวกเธอจะเสียใจนะ รู้ไหม?
"ผมอยากอาสาครับ"
คนที่ยกมือคือ อีฮาน
อาจารย์ใหญ่หัวกะโหลกรู้สึกผิดหวังที่เขาไม่สามารถดูนักเรียนบิดตัวด้วยความไม่สบายใจต่อไปได้
อา หัวเหล็กจากตระกูลวาร์ดานาซ ชอบทำงานสินะ?
"ถ้าผมสามารถช่วยเหลือศาสตราจารย์ที่ผมเคารพอย่างสุดซึ้งได้ นั่นไม่ใช่เกียรติอันยิ่งใหญ่หรอกหรอครับ?"
"วาร์ดานาซ...!"
"ช่างเป็นคนใจดีอะไรเช่นนี้..."
การกระทำของอีฮานสร้างความซาบซึ้งให้กับนักเรียนของมังกรครามอย่างลึกซึ้ง
เมื่อวานนี้ เขาจัดงานบาร์บีคิวให้กับนักเรียนที่หิวโหย และตอนนี้เขากำลังก้าวออกมารับกระสุนแทนคนอื่น
ตระกูลวาร์ดานาซทำหน้าที่เป็นหนึ่งในเสาหลักของจักรวรรดิ ไม่เคยมีคำพูดใดที่จริงไปกว่านี้เลยครับ!
คำพูดว่างเปล่าพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับฉัน และยังทำฝให้ฉันรู้สึกรำคาญซ่ะด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ โอกาสมักจะมาหาคนที่แสวงหามันเท่านั้น
อาจารย์ใหญ่รู้ว่าอีฮานกำลังคิดอะไร
ผ่านชั้นเรียนของยูรีกอร์ อีฮานได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งที่มีผลประโยชน์มากมายในการช่วยเหลือ คือ ศาสตราจารย์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ เมื่อพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกบริเวณสถาบัน การเอาใจศาสตราจารย์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้ว่านั่นจะหมายถึงการประจบประแจงคนบ้าที่รู้จักกันในนามอาจารย์ใหญ่หัวกะโหลกก็ตาม
"ผมจะทำงานจนกระดูกผุผังเลยครับ!"
'และหวังว่าจะได้เกรดดีๆ'
"อีฮาน นายบ้าหรือไง?" ไกนานโดถามอย่างร้อนรนด้วยเสียงกระซิบ
นักเรียนคนอื่นๆ ที่ได้ยินเรื่องนี้ตอบแทนเขา
"ใครจะรู้ว่าอาจารย์ใหญ่คนนั้นจะทำอะไรกับพวกเราถ้าไม่มีใครอาสา? วาร์ดานาซกำลังพยายามรับเคราะห์แทนทีม"
"ถ-ถ้างั้น...ฉันก็ต้อง..."
หลังจากลังเลอย่างหนัก ไกนานโดพยายามจะลุกขึ้น แต่ดูเหมือนขาของเขาจะติดอยู่กับที่
'ขยับสิ ขา ขยับ!'
ในฐานะขุนนาง เขาต้องลุกขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ เขาเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่อีฮานต้องการด้วย
'ฉันต้องช่วยเพื่อนของฉัน...'
งั้นหัวเหล็กอีกคนจะเป็นเจ้าเด็กจากดาร์การ์ด เอาล่ะ ฉันเดาว่าพวกเขาคงรู้อะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับการจัดระเบียบเอกสาร
"ขอบคุณสำหรับคำชมครับ"
ในขณะที่ไกนานโดยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร คนอื่นก็อาสาไปแล้ว
อาซาน ดาร์การ์ด เด็กชายที่ถูกหมูป่าเป่าปลิวไปในบทเรียนวิชาปรุงยา
"?"
อีฮานจ้องมองอาซานด้วยความสงสัย เขาไม่คาดคิดว่าอาซานจะอาสาทำงานนี้
'เขากำลังมุ่งหวังสิ่งเดียวกับฉันหรือเปล่า?'
อาซานปรับแว่นโดยดันมันขึ้นเล็กน้อย
"วาร์ดานาซ ถ้าเป็นนาย ฉันแน่ใจว่านายรู้ว่าทำไมฉันถึงอาสา"
"แต่ฉันไม่รู้นะ?" อีฮานตกใจ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนอื่นกำลังคิดอะไร?
"หา นายไม่รู้เหรอ? ฉันกำลังพยายามตอบแทนนายที่ช่วยฉันครั้งที่แล้วไง!" อาซานดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
'จะมีเหตุผลอื่นอะไรอีกล่ะ?' ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะถาม
"โอ้...ฉันเข้าใจแล้ว นายรู้ไหม นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นจริงๆ นะ" (อีฮาน)
"ไร้สาระ ดาร์การ์ดจะต้องชำระหนี้เสมอ"
ฉันดีใจที่พวกเธอสองคนเข้ากันได้ดี แต่มีงานให้พวกเธอทำ
"?"
นี่คือรายการข้อควรระวังด้านความปลอดภัย เราต้องการพวกเอกสารพวกนี้สำหรับชั้นเรียนถัดไป ดังนั้นคัดลอกมันด้วยมือและแจกจ่ายให้เพื่อนๆ ของพวกเธอ
"..."
อาซานไม่ยอมรับคำสั่งของอาจารย์ใหญ่อย่างง่ายๆ
"อาจารย์ใหญ่ครับ"
มีอะไรหรือ?
"จากความเข้าใจของผม... มันจะเร็วกว่าถ้าท่านใช้คาถาคัดลอกแทน การให้พวกเราคัดลอกดูเหมือนจะไม่มีประสิทธิภาพ" (อาซาน)
ฉันรู้ นั่นแหละประเด็น
"..." (อาซาน)
อีฮานแน่ใจว่าอาซานดูเหมือนพร้อมจะฆ่าใครสักคน
***
-- ขอโทษนะ
-- ฉันอยากช่วยนะ แต่...
โยแนร์ ไกนานโด และนักเรียนคนอื่นๆ ออกจากห้องเรียนพร้อมกับพูดขอโทษ พวกเขาอยากช่วย แต่อาจารย์ใหญ่หัวกะโหลกหยุดพวกเขาไว้
สองคนพอแล้ว! ไปให้พ้น!
ผลที่ได้คือ อีฮานและอาซานถูกทิ้งไว้ตามลำพังในห้องเรียนเพื่อคัดลอกบันทึก
"ฉันยอมรับไม่ได้...อาจารย์ใหญ่บ้านั่น...ให้พวกเราทำอะไรที่ไร้ประสิทธิภาพขนาดนี้!"
'เขาอาจจะคลั่งจริงๆ สักวันหนึ่ง'
อาซานกำลังขยับมือพลางพึมพำอย่างโกรธแค้น เมื่อเห็นแบบนี้ อีฮานก็รู้สึกกังวล
จริงๆ แล้ว เขารู้ว่าทำไมอาจารย์ใหญ่ถึงให้พวกเขาทำแบบนี้
'เขากำลังบอกพวกเราให้เรียนรู้เวทมนตร์ ถ้าเราไม่อยากทำงานต่ำต้อย'
คำสั่งของอาจารย์ใหญ่ฟังดูบ้าๆ ในตอนแรก แต่เขารู้ว่ามีเหตุผลที่ดีอยู่เบื้องหลัง
แต่ปัญหาคืออาจารย์ใหญ่คาดหวังมากเกินไปจากพวกเขา…
พวกเขายังไม่สามารถร่าย <แสงสว่าง> ได้อย่างถูกต้อง แล้วพวกเขาจะใช้คาถาเขียนอัตโนมัติได้อย่างไรกัน?
'ไม่มีคำใบ้อะไรเลยเหรอ?'
อีฮานยังยึดมั่นในความเชื่อที่ว่าลิชจะมีจิตสำนึกอยู่บ้าง เขาตัดสินใจมองไปรอบๆ ห้องเรียนที่ว่างเปล่า
"วาร์ดานาซ นายกำลังทำอะไรน่ะ?" อาซานถามอย่างสงสัย
อีฮานกำลังค้นหาสิ่งของในห้องเรียน
"ฉันกำลังดูว่ามีอะไรที่เราสามารถเอาไปได้บ้างไหม"
"นายแน่ใจเหรอว่าเราได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้น?" (อาซาน)
"ไม่มีใครบอกว่าเราทำไม่ได้" (อีฮาน)
"แต่นั่นมันขโมยนะ..." (อาซาน)
"นายคิดว่านี่เป็นห้องเรียนของใคร?" (อีฮาน)
"ฉันคิดว่าบางครั้งการขโมยก็โอเค…" (อาซาน)
อาซานลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อช่วยอีฮาน
'ใช้เวลาเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ที่คนเราจะหลงกลออกจากเส้นทางที่ถูกต้อง'
ทุกคนที่เข้ามาในสถาบันนี้จะต้องมีสกรูหลวมที่ไหนสักที่ไม่ว่าจะมีสถานะอย่างไร
"เจออะไรดีๆ บ้างไหม?"
"ก็นะ ฉันเจอกระดาษบางแผ่น อาจจะต้องใช้มันสักวัน งั้นเอาไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวนะ…มีกุญแจอยู่ที่นี่"
แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่ากุญแจนั้นใช้สำหรับอะไร แต่เขาก็ตัดสินใจเก็บมันไว้ก่อน
"นายรู้ไหมว่ามันใช้สำหรับอะไร?" อาซานถาม
"ไม่ แต่ฉันอาจจะรู้ในอนาคต" (อีฮาน)
"ใช่...เป็นเหตุผลที่ดี"
อาซานประทับใจกับความใจเย็นของเขา
ตั๊ก-
เมื่อพวกเขาเปิดลิ้นชักสุดท้าย มานาบางส่วนไหลออกมาจากมัน ตามด้วยเสียง
ถ้าพวกเธอสามารถเปิดลิ้นชักนี้ได้ แสดงว่าพวกเธอหยุดทำลายข้อมือของตัวเองอย่างโง่ๆ และตัดสินใจใช้สมองของพวกเธอ หวังว่าจะไม่ใช้เวลานานเกินไป! มันเป็นงานที่โง่เขลาตั้งแต่แรก และยิ่งใช้เวลานานเท่าไหร่ในการคิดออก ความฉลาดของพวกเธอก็ยิ่งน่าสงสารเท่านั้น!
"..."
"..."
นี่คือคาถาวงแหวนที่ 1 <การควบคุมระดับต่ำ> เรียนรู้มันซะ และทำให้เร็ว ไม่งั้นพวกเธอจะต้องคัดลอกด้วยมือเป็นจำนวนมากตลอดทั้งเทอม
นี่คือแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ของอาจารย์ใหญ่
สองนักเรียนรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาเริ่มคลอ...
"วาร์ดานาซ ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงพยายามสอนเวทมนตร์ให้เราด้วยวิธีนี้? มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกตั้งเยอะในการทำมัน!" อาซานกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธ
เขาจินตนาการว่าจะได้เรียนเวทมนตร์ภายใต้ผู้สอนที่ใจดี แต่ที่นี่เขากลับถูกบังคับให้เรียนรู้มันเพื่อความอยู่รอด
นี่มันอะไรกันแน่!?
อาซานพูดต่อ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก
"วาร์ดานาซ ฉันแน่ใจว่านายจะเห็นด้วยกับฉัน เราไปร้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่กันเถอะ ถ้าเราแสดงให้เขาเห็นว่าเราจริงจังแค่ไหน เขาต้องเปลี่ยนใจแน่! ...วาร์ดานาซ??"
"โทษที ว่าไงนะ?" อีฮานหันไปมองเขา
เขาจดจ่ออยู่กับการเตรียมตัวเรียนรู้คาถาจนพลาดสิ่งที่อาซานพูดไป