บทที่ 10 วิชาขว้างมีด!
บทที่ 10 วิชาขว้างมีด!
ซื่อหวินอ้าปากค้างราวกับมีคำพูดมากมายในใจแต่สุดท้ายก็ส่ายหัว "ซื่อฮุ่ย ต่อไปอย่าออกไปข้างนอกตามลำพังนะ ถ้าเกิดไอ้สวะ ซู่เอ๋อโก่วแอบจับตามองดูพี่อยู่ละ?"
ซื่อหวินรู้ว่าซื่อฮุ่ยพยายามอย่างหนัก
เพียงเพื่อหาเงินค่าฝึกวิทยายุทธครึ่งเดือนหลังให้เขา
ซื่อฮุ่ยเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้า ไม่รู้ว่าฟังเข้าใจหรือเปล่า
"หวินเอ๋อร์ เจ้ายังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม?"
"วันนี้ซื่อเหลียนกลับมาพร้อมกับเอาขาไก่มาให้เจ้าด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่อุ่นให้นะ"
ซื่อฮุ่ยรีบไปก่อไฟทำอาหาร
ซื่อหวินมองดูเงาของซื่อฮุ่ยที่กำลังยุ่งอยู่ ก็เงียบลง
"ซู่เอ๋อโก่วยังคงเป็นภัยต่อข้าอยู่และยังเป็นภัยคุกคามที่ใกล้เข้ามาทุกที"
"ตอนนี้อาจจะยังสามารถปิดบังซู่เอ๋อโก่วได้ แต่อีกไม่นานคงจะปิดบังไม่ได้แล้ว"
"และการฝึกฝนด้วยความเร็วแบบนี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะไปถึงคอขวด"
"อาจจะสิบวัน ยี่สิบวัน หรือแม้กระทั่งหนึ่งเดือน"
"แต่ถึงจะฝึกฝนสำเร็จ ข้าจะมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นจริงหรือ?"
ซื่อหวินส่ายหัว
นั่นมันก็ไม่แน่
เพราะการฝึกฝนนี้เป็นแค่การสร้างพื้นฐาน
ถึงจะฝึกฝนสำเร็จ พลังก็คงจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ซื่อหวินยังขาพิการ
คนที่มีขาพิการ ในด้านพลังต่อสู้แล้วย่อมอ่อนแอกว่าคนอื่นมาก
ดังนั้น ถ้าหากต้องการรับมือกับซู่เอ๋อโก่ว เขายังคงต้องหาวิธีอื่น
"ร่างกายของข้าในตอนนี้ หากใช้การต่อสู้ระยะประชิดเพื่อจัดการซู่เอ๋อโก่วนั่นคงแทบจะเป็นไปไม่ได้"
"หรือว่า…จะวางยาให้ตายๆไปซะเลย?"
ซื่อหวินนึกถึงการวางยาพิษ
แต่เขาก็ส่ายหัวและปฏิเสธความคิดนี้
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะซื้อยาพิษมาได้อย่างไร?
ถึงซื้อมาได้แล้วจะทำอะไรต่อได้?
เขาจะวางยาพิษซู่เอ๋อโก่วได้อย่างไร?
นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในวันเดียว
"หากต่อสู้ระยะประชิดไม่ได้ งั้นก็ยิงธนูเพื่อสังหารจากระยะไกล"
"จริงสิ นอกจากการต่อสู้ระยะประชิดแล้วก็ยังมีอาวุธอื่นๆอยู่อีกนี่"
ดวงตาของซื่อหวินเป็นประกาย
ใช่แล้ว อาวุธลับ!
อาวุธลับในตำนาน!
ธนูถือว่าเป็นสิ่งของควบคุมซึ่งไม่ใช่ว่าจะซื้อกันได้ง่ายๆ
แต่ถึงไม่มีธนูก็ยังมีดาบบิน!
ในความทรงจำของเขา เคยมีจอมยุทธคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธลับ
ดาบบินของหลี่น้อยนั้นหากถูกเขวี้ยงออกไปแล้ว มันไม่เคยพลาดเป้าเลยสักครั้ง!
แต่ดาบบินของหลี่น้อยนั้นมีพลังภายใน ซึ่งแน่นอนว่าซื่อหวินยังไม่มีพลังภายใน
แต่เขามีวงแหวนสีแดง!
วิชาดาบบินนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่ฝึกขว้างดาบต่อไปเรื่อยๆเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป เขาจะต้องฝึกฝนวิชาดาบบินให้สำเร็จ
อย่างน้อย ความแม่นยำในการขว้างดาบก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อถึงตอนนั้น การฆ่าซู่เอ๋อโก่วก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เพราะซู่เอ๋อโก่วก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น
"ใช่แล้ว ฝึกขว้างดาบ!"
เมื่ออยู่ที่บ้าน เขาจะไม่มียาวิเศษของโรงฝึกดัชนีทอง ดังนั้นซื่อหวินจึงไม่สามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง
ไม่เช่นนั้น มือของเขาก็จะใช้การไม่ได้
เมื่อซื่อหวินคิดแล้วจึงลงมือทำทันที
เขาใช้ฟางสานเป็นเป้าในบ้าน
ส่วนดาบบิน อันนี้ถือว่าหายากไปสักหน่อย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใช้ใบเคียวที่หักแทนไปก่อน
ใบเคียวที่หักนั้นมีชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะค่อนข้างเหมือนดาบบิน
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเตรียมการเท่านั้น
หากต้องการฝึก "วิชาดาบบิน" จริงๆ
แค่ซื่อหวินฝึกฝนเพื่อสะสมประสบการณ์ไปวันๆ เขาจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
ดังนั้นแล้ว เขายังคงต้องพึ่งพลังของวงแหวนสีแดง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องพึ่งพลังของวงแหวนสีเขียวเพื่อเร่งความเร็วในการฝึก!
แน่นอนว่า เขาจะต้องมีความเชี่ยวชาญในวิชาดาบบินสักเล็กน้อยก่อน
จริงๆแล้ว ซื่อหวินก็พอจะเข้าใจกุญแจสำคัญในการสร้างความเชี่ยวชาญแล้ว
อาทิเช่น การฝึกฝนอย่างถูกต้องเพียงหนึ่งครั้ง
เพียงแค่ฝึกฝนได้อย่างถูกต้องเพียงหนึ่งครั้ง ก็จะสามารถสร้างความเชี่ยวชาญได้
แต่วิชาดาบบินนั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย
การฝึกฝนแบบวิทยายุทธที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักของโรงฝึกดัชนีทอง
นั่นได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันได้ผล
แล้ววิชาดาบบินล่ะ?
นี่เป็นเพียงจินตนาการของซื่อหวินเท่านั้น
แต่จินตนาการนี้ก็มีพื้นฐานจริงอยู่บ้าง
มันคล้ายๆกับการปาเป้า
ซื่อหวินแค่อยากปาดาบให้โดนเป้าหมายเท่านั้น
เขาแค่ต้องปาให้โดนจุดศูนย์กลางของเป้าหนึ่งครั้ง ก็น่าจะถือว่าสำเร็จ
และแน่นอนว่า สิ่งที่ซื่อหวินคาดเดานั้นถูกต้องหรือไม่ เขาก็ยังต้องทดลองดูจริงๆสักครั้งก่อน
ดังนั้น ซื่อหวินจึงเริ่มถอยห่างออกไป
เขาถอยห่างออกไปเป็นระยะประมาณสิบห้าก้าว
ซื่อหวินถอยไปจนเกือบสุดห้องแล้ว
บ้านของซื่อหวินมีขนาดเล็กมาก
ซื่อหวินมองดูเป้าที่วางเอาไว้
แม้จะเป็นระยะแค่สิบห้าก้าว แต่จริงๆแล้วมันก็ค่อนข้างไกลพอสมควร
การจะปาให้โดนเป้าหมายหนึ่งครั้งได้ตรงเป้านั้นยังเป็นเรื่องที่ยากมาก
ยิ่งไปกว่านั้น แรงที่ซื่อหวินใช้ขว้างดาบก็อาจไม่พอที่จะปาไปโดนเป้า
ดังนั้น ซื่อหวินจึงขยับเข้าไปใกล้ขึ้นอีกหน่อย
เขาขยับขึ้นไปประมาณเจ็ดก้าว
"อืม ตำแหน่งนี้ดูท่าน่าจะเหมาะสมที่สุด"
"แรงของข้าน่าจะพอที่จะปาให้เข้าเป้าได้"
"ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มฝึกเลยดีกว่า"
ซื่อหวินสูดหายใจเข้าลึกๆ
แล้วขว้างใบเคียวออกไป
"ฟิ้ววว"
แน่นอนว่าครั้งแรกนั้นพลาดเป้า
เขาปาใบเคียวออกไปไม่โดนเป้าเลยด้วยซ้ำ
แต่ซื่อหวินก็ไม่ท้อแท้
เพราะเขาแค่ต้องปาให้โดนสักครั้งก็เพียงพอ
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สี่ครั้ง ห้าครั้ง...
วิชาดาบบินนั้นยากมากจริงๆ
นอกจากนี้ ระยะเจ็ดก้าวก็ยังถือว่าค่อนข้างไกล
ซื่อหวินได้ฝึกปาใบเคียวไปกว่าสามสิบกว่าครั้ง
เขาปาไปเรื่อยๆจนแขนเริ่มชาไปท่อน
และในที่สุดเขาก็ปาโดนเป้าหนึ่งครั้ง!
"ในที่สุดก็โดนแล้ว"
"ไม่รู้ว่ามีร่องรอยของวิชาดาบบินเกิดขึ้นบ้างหรือยัง?"
ซื่อหวินสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วตั้งสมาธิทันที วงแหวนสีแดงสองวงได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาอย่างรวดเร็ว
ภายใต้แสงสีแดง ได้ปรากฏเงาของคนที่กำลังฝึกขว้างดาบ
นี่คือร่องรอยของวิชาดาบบิน
"สำเร็จแล้ว!"
ซื่อหวินดีใจมาก
เมื่อมีร่องรอยของวิชาดาบบิน ที่เหลือก็ง่ายสำหรับเขาแล้ว
เขาเพียงแค่รออีกสามวันให้วงแหวนสีเขียวฟื้นพลัง แล้วใช้พลังของวงแหวนสีแดงเพื่อเร่งความเร็วในการฝึกได้ทันที
แต่ซื่อหวินก็ไม่ได้ฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่วงวแหวนสีแดง
เขายังคงฝึกขว้างใบเคียวต่อไป
เขาฝึกไปจนกระทั่งดึกมาก ซื่อหวินจึงผลอยหลับไป
ในช่วงเช้าตรู่ ซื่อฮุ่ยก็เตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
จริงๆแล้วมันก็แค่แป้งเปียกหนึ่งชามที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะสภาพครอบครัวก็เป็นซะแบบนี้
โชคยังดีที่โรงฝึกมีอาหารกลางวันให้หนึ่งมื้อ
ในทุกวัน ซื่อหวินจะไปโรงฝึกด้วยความหิว แล้วตอนกินข้าวกลางวันก็จะ "จัดเต็ม"
จริงๆแล้ว ศิษย์ในโรงฝึกดัชนีทองก็ทำแบบนี้กันทุกคน
ดังนั้นแล้วในทุกวัน ทางโรงฝึกจึงต้องใช้อาหารกลางวันจำนวนมาก
เพราะพวกเขาทุกคนก็ล้วนเป็น "นักกิน"
"ซื่อฮุ่ย ข้าไปโรงฝึกก่อนนะ"
"จำไว้นะ อย่าออกไปข้างนอกเด็ดขาด"
"ถึงจะออกไปข้างนอก ก็ต้องรอให้ข้ากลับมาแล้วออกไปด้วยกันเท่านั้น" ซื่อหวินกำชับซื่อฮุ่ยอีกครั้ง
"ได้สิหวินเอ๋อร์" ซื่อฮุ่ยรู้ว่าซื่อหวินเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอมาก เธอจึงพยักหน้ารับคำ
ซื่อหวินใช้ไม้เท้าค้ำยันและเดินกะเผลกไปทางโรงฝึกดัชนีทอง
ในช่วงเช้าตรู่นี้ จ้าวหงเองก็มาถึงโรงฝึกดัชนีทองแล้ว
เมื่อเห็นซื่อหวิน จ้าวหงจึงทักทายก่อน
"เจ้าหวิน ทายซิว่าเมื่อกี้ใครมา?" จ้าวหงทำท่าทางลึกลับ
"ใครมารึ?" ซื่อหวินก็สงสัย
เขากำลังเตรียมตัวฝึกฝน
ที่โรงฝึก ซื่อหวินไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว
"ฮึๆๆ ท่านเจ้าโรงฝึกมาไงล่ะ!"
"และไม่ใช่แค่เจ้าโรงฝึกเท่านั้นนะที่มา แต่เขายังพาผู้หญิงอีกคนหนึ่งมาด้วย"
"ผู้หญิงคนนั้นสวยมากจริงๆ ขนาดข้ายังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย"
"แต่คนที่เจ้าโรงฝึกพามานั้นคงไม่ธรรมดาเป็นแน่"
ถึงจ้าวหงจะพูดมากแต่ก็ไม่ได้พูดพล่อยๆ
ผู้หญิงที่เจ้าโรงฝึกพามานั้นจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?