บทที่ 1 ขาพิการ!
บทที่ 1 ขาพิการ!
แคว้นต้าเฉียนปีที่ 9 แห่งรัชศกเทียนฉือ เดือน 8
เมืองหยวนประสบภัยแล้ง แผ่นดินไหวเกิดขึ้นผู้คนอดอยากล้มตายนับไม่ถ้วน
วันที่ 19 เดือน 8 หลี่ถงคนทรงเจ้าเล่ห์แห่งเมืองหยวนได้ก่อตั้งลัทธิสามวิสุทธิ์ซึ่งทำการล่อลวงผู้คนและทำการก่อกบฏ
ภายในสามเดือน เมืองต่างๆได้ถูกรุกรานไปถึงสิบเก้าเมืองซึ่งทำให้เมืองหยวนตกอยู่ในความโกลาหล!
ภายใต้อิทธิพลของลัทธิสามวิสุทธิ์แห่งเมืองหยวน ดินแดนต่าง ๆทั่วแคว้นต้าเฉียนจึงเกิดการจลาจลวุ่นวายไปทั่ว!และทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนกำลังสั่นคลอน!......
"น้ำ ขอน้ำหน่อย"
ภายในห้องมืดสลัวมีแสงสว่างรำไรส่องเข้ามา
ซื่อหวินค่อยๆฟื้นจากอาการมึนงง เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนเขารู้เพียงแค่ว่าเขากำลังกระหายน้ำอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างราวกับมีบางสิ่งถูกยัดเข้าไปในหัวของเขาอย่างรุนแรง
"พี่หวินในที่สุดพี่ก็ตื่นแล้วเหรอ?!"
ซื่อฮุ่ยร้องออกมาด้วยความดีใจ เธอรีบวางงานที่ทำอยู่แล้วเช็ดมือก่อนที่จะรีบนำน้ำมาให้ซื่อหวินดื่ม
ซื่อหวินพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นไปดื่มน้ำแต่เมื่อลุกขึ้นได้เขาก็เซและล้มลงกับพื้น
ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นขึ้นมาจากเท้าขวาของเขา
เขาลืมตาและมองไปที่ขาขวาก่อนที่จะเห็นว่าขาขวาของเขาถูกตรึงไว้ด้วยแผ่นไม้และมีผ้าสีดำพันอยู่รอบๆแผ่นไม้นั้น
"ขาของข้าเป็นอะไรไปน่ะ?"
เสียงของซื่อหวินแหบแห้ง
"พี่หวินดื่มน้ำก่อนเถอะ"
ซื่อฮุ่ยป้อนน้ำให้ซื่อหวินดื่ม
น้ำจากซื่อฮุ่ยนั้นทำให้ลำคอของซื่อหวินรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาจึงมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าอย่างละเอียด
เมื่อดูจากอายุแล้วเธอยังดูไม่ค่อยมีอายุมากนัก
เธอสวมผ้าสีเทาซีดจากการซักหลายครั้งมีรูปร่างผอมบางแต่ใบหน้ายังพอให้เห็นเค้าความงามอยู่บ้าง
เพียงแต่ว่าเธอดูเหมือนว่าจะขาดสารอาหารจนทำให้ผิวพรรณออกเหลือง
"เธอคือ..."
ซื่อหวินสงสัยเล็กน้อยเพราะเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูแปลกหน้าแต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ซื่อฮุ่ยหน้าซีดเล็กน้อยและดูเหมือนจะประหม่า
เธอรีบจับมือซื่อหวินแล้วพูดเสียงดังว่า
"พี่หวินพี่เป็นอะไรไปน่ะ? พี่จำน้องสาวคนที่สองไม่ได้แล้วเหรอ? ข้าเป็นน้องสาวของพี่นะ..."
"น้องสาวคนที่สอง..."
ภาพความทรงจำบางอย่างแว่บเข้ามาในหัวของซื่อหวิน
ทันใดนั้นเขาก็ปวดหัวอย่างรุนแรงจนอดไม่ได้ที่จะกุมศีรษะ
หน้าผากเริ่มปกคลุมไปด้วยเหงื่อจำนวนมาก
เมื่อเห็นซื่อหวินเจ็บปวดเช่นนี้ซื่อฮุ่ยจึงรู้สึกหมดหนทางจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งความเจ็บปวดในหัวของซื่อหวินก็เริ่มบรรเทาลงและในที่สุดซื่อหวินก็รู้ว่าเธอเป็นใคร
ปรากฎว่าเขาได้ข้ามโลกมาซึ่งที่นี่ไม่ใช่โลกที่เขาคุ้นเคยอีกต่อไป
"น้องสาวคนที่สอง…ข้าจำได้แล้ว"
"ข้าทำงานอยู่ที่เหมืองหินแล้วจู่ๆก็มีหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาทับข้า"
"หลังจากนั้น..ข้าก็จำอะไรไม่ได้แล้ว"
"น้องสาวคนที่สอง ขาของข้าเป็นอะไรไปงั้นรึ? ข้ารู้สึกว่าขาของข้านั้นมันไร้ความรู้สึกไปแล้ว..."
ซื่อหวินมองไปที่ขาขวาของเขา
เมื่อครู่เขารู้สึกเจ็บปวดที่ขาขวาแต่มันเป็นความเจ็บปวดที่มาจากบริเวณหัวเข่า
ส่วนน่องและฝ่าเท้าขวานั้นดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกใดๆเลย
สีหน้าของซื่อฮุ่ยมืดมนลงเล็กน้อยรวมถึงแววตาของเธอที่หลบเลี่ยงซึ่งสิ่งนี้ทำให้ซื่อหวินรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
ดังนั้นจึงรีบดึงผ้าสีดำและแผ่นไม้ออก
"พี่หวินอย่านะพี่..." ซื่อฮุ่ยพยายามห้าม
แต่มันก็ไม่สามารถหยุดซื่อหวินได้และเมื่อซื่อหวินถอดแผ่นไม้ออกเขาก็เห็นเท้าขวาของเขาตั้งแต่น่องลงไปถึงฝ่าเท้านั้นอ่อนปวกเปียกจนแทบจะไร้ความรู้สึก
แม้แต่ตอนที่ซื่อหวินบีบน่องและฝ่าเท้าอย่างแรงเขาก็ยังไม่รู้สึกอะไร
"นี่ขาของข้าพิการแล้วงั้นเหรอ?" ซื่อหวินรู้สึกสับสนมาก
ทั้งที่เพิ่งข้ามโลกมาแต่เขากลับกลายเป็นคนพิการไปแล้วเนี่ยนะ?
ในที่สุดซื่อฮุ่ยก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
เธอสะอื้นไห้ออกมาแล้วพูดว่า "พี่หวินน้องสาวอย่างข้ามันไร้ประโยชน์ ข้าไม่สามารถหาหมอดีๆมารักษาขาของพี่ได้..."
ซื่อหวินไม่ได้ยินคำพูดที่เหลืออีกเลย
หลังจากนั้นท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงซึ่งซื่อหวินกำลังนั่งเหม่ออยู่ในห้อง
ซื่อฮุ่ยมองซื่อหวินอยู่ครู่หนึ่งและเมื่อเห็นว่าซื่อหวินไม่ต้องการพูดคุยใดๆเธอจึงกลับไปซักผ้าต่อ
ซื่อฮุ่ยนั้นหาเลี้ยงชีพด้วยการเย็บเสื้อผ้าและซักผ้าให้คนอื่นซึ่งเธอได้รับค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังชีวิต
"มาแล้วรึ!..."
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังโวยวายมาจากข้างนอก
"ขอต้อนรับท่านอาจารย์ชิงหยวน..."
ซื่อหวินพยายามคลานไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอกในยามพลบค่ำซึ่งเขาเห็นว่ามีขบวนคนสวมชุดเต๋ากำลังเดินขบวนอยู่ในเมือง
ดูเหมือนว่าจะมีขุนนางและผู้มีฐานะในเมืองร่วมอยู่ในขบวนด้วยซึ่งชายหญิงที่สวมชุดเต๋ากำลังสวดภาวนาบางอย่างอยู่ตลอดทาง และยังถือผ้ายันต์รูปสามเหลี่ยมแจกจ่ายให้ทุกบ้านอยู่
ซื่อฮุ่ยเองก็วิ่งไปที่ประตูและ "แย่ง" ผ้ายันต์รูปสามเหลี่ยมมาได้หนึ่งอันจากฝูงชน
ใบหน้าของซื่อฮุ่ยเผยรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาขณะที่เธอรีบวิ่งกลับบ้าน
เธอยื่นผ้ายันต์รูปสามเหลี่ยมที่เพิ่งแย่งมาให้ซื่อหวินพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า
"พี่หวินนี่คือผ้ายันต์ปัดเป่าภัยร้ายของอาจารย์ชิงหยวนนะ ข้าได้ยินมาว่าศักดิ์สิทธิ์มาก"
"ช่วงนี้พี่เจอแต่เรื่องร้ายๆดังนั้นพกผ้ายันต์นี้ติดตัวไว้ข้าว่ามันจะต้องช่วยปัดเป่าภัยร้ายให้กับพี่ได้แน่ๆ"
ซื่อหวินขมวดคิ้ว เขามองไปที่คนที่แจกผ้ายันต์ว่าทำไมดูเหมือนพวกหลอกลวง?
นอกจากนี้การกระทำที่ชัดเจนว่าเป็นการซื้อใจคนแบบนี้เหล่าขุนนางในเมืองไม่สนใจเลยงั้นหรือ?
"น้องสาวคนที่สอง อาจารย์ชิงหยวนเป็นใครกัน?" ซื่อหวินถาม
ซื่อฮุ่ยดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้ดี เธอจึงอธิบายว่า
"พี่หวินท่านอาจารย์ชิงหยวนนั้นมีพลังที่วิเศษมาก ข้าได้ยินมาว่าท่านถูกเชิญมาเพื่อทำพิธีขอฝนจากทางการ"
"ช่วงนี้แถวเมืองหลิวของเราเกิดภัยแล้งติดต่อกันจนทำให้พืชผลเสียหายหมด ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปผลที่ตามมาคงจะแย่มาก"
"ขอฝนรึ? ท่านอาจารย์ชิงหยวนคนนั้นจะทำให้เมืองหลิวฝนตกได้จริงๆเหรอ?"
"ถ้ามีพลังขนาดนั้นเมืองหยวนคงไม่แล้งมา 3 ปี จนเกิดความวุ่นวายไปทั่วแบบนี้หรอก"
ซื่อหวินพูดพลางหัวเราะอย่างเย็นชา
ในยุคสมัยที่วุ่นวายแบบนี้มักจะมีพวกนักต้มตุ๋นมาสร้างเรื่องอยู่เสมอ
"พี่หวินอย่าพูดจาเหลวไหลสิ ยันต์ผ้ายันต์ปัดเป่าภัยร้ายของท่านอาจารย์ชิงหยวนน่ะศักดิ์สิทธิ์มากนะ..."
ซื่อฮุ่ยดูเหมือนจะเชื่อว่าอาจารย์ชิงหยวนจะขอฝนได้จริงๆ
"ยันต์ปัดเป่าภัยร้ายงั้นเหรอ..." ซื่อหวินหยิบยันต์ที่ว่าขึ้นมาดูซึ่งบนยันต์นั้นมีสัญลักษณ์แปลกๆอยู่จริงๆ
แถมมันยังมีกลิ่นหอมแปลกๆอีกด้วย
แต่จากกลิ่นและสัญลักษณ์แปลกๆก็ไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่านั้น
"หืม กลิ่นนี่มัน..."
แต่เมื่อซื่อหวินได้กลิ่นหอมจากยันต์สามเหลี่ยมเขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที
แม้ว่ากลิ่นหอมนี้ดูเหมือนจะหอมออกมาจางๆแต่มันกลับช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้
เมื่อครู่นี้เขายังรู้สึกเหนื่อยๆจนอยากจะหลับ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน
"ในยันต์สามเหลี่ยมนี่น่าจะใส่เครื่องหอมอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ..."
ซื่อหวินคิดและโยนยันต์สามเหลี่ยมทิ้งไป
แต่ถ้ายันต์สามเหลี่ยมช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้มันก็คงไม่ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว
ดังนั้นเขาจึงเก็บยันต์สามเหลี่ยมกลับเข้ามาไว้ในอกเสื้อ
ซื่อหวินที่ตอนนี้รู้สึกสดชื่นก็เริ่มคิดได้บ้างว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็คงต้องยอมรับมัน
ซึ่งตอนนี้ตระกูลซื่อก็เหลือเพียงเขาที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียว
ดังนั้นเขาจึงต้องเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้
ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะต้องปล่อยให้น้องสาวคอยซักผ้าและหาเลี้ยงเขาไปแบบนี้ตลอดชีวิต
ซื่อหวินนอนอยู่บนเตียงมาหลายวันจนร่างกายอ่อนแอไปหมด
จนถึงตอนนี้เขาก็เริ่มพอที่จะขยับตัวได้บ้างดังนั้นเขาจึงอยากจะออกกำลังกายขึ้นมา
ถึงแม้ว่าขาขวาจะพิการแต่แขนก็ยังใช้การได้ ดังนั้นเขาจึงลองวิดพื้นดูเพื่อออกกำลังกล้ามเนื้อแขน
แต่หลังจากที่เขาเพิ่งวิดพื้นไปได้ครั้งเดียวเท่านั้น…
"หืม?"
ทันใดนั้นซื่อหวินก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อยและจู่ๆก็มีวงแหวนแสงสองวงปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา!