ตอนที่แล้วตอนที่ 4: จากบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6: สำนักขนนกร่วงโรย

ตอนที่ 5: ถูกโจมตี


ตอนที่ 5: ถูกโจมตี

พวกเขาสี่คนเปิดฉากโจมตีทันที

หญิงสาวเย้ายวนทำการร่ายวิชาด้วยมือ แล้วหนามเพลิงจึงมีความยาวเพิ่มขึ้นอีกหลายฉื่อ

“หนามเพลิงคลั่ง… เล่นมันเลย!”

หนามยาวกลายเป็นลำแสงในพริบตาขณะลากหางเปลวเพลิงเข้าโจมตีอวิ๋นหนิงซวง

ในเวลาเดียวกัน อีกสามคนต่างใช้วิชาของตัวเอง

ชายวัยกลางคนผู้ถือพัดพับโบกสะบัดมาทางอวิ๋นหนิงซวงผ่านอากาศธาตุจนเกิดลมกระโชกแรง

ชายชราหลังค่อมตบสัมภาระตรงหน้า ซึ่งภายในนั้นมีหุ่นเชิดไม้ ทันทีที่ได้รับคำสั่ง หุ่นเชิดจึงทะยานขึ้นสู่ท้องนภาแล้วกระโจนเข้าใส่พร้อมเขี้ยวเล็บ มันถึงกับเป็นวิชาหุ่นเชิด

ชายร่างกำยำถือดาบใหญ่ในมือขณะพลังวิญญาณพลุ่งพล่าน แล้วเปลิวเพลิงจึงเข้าปกคลุมก่อนปราณดาบเพลิงจะระเบิดออกมา

อวิ๋นหนิงซวงยังมีท่าทีปกติ นางเพียงแตะเท้าอย่างนุ่มนวลก็ออกมาจากเรือ ร่างสีขาวประหนึ่งกระต่ายวิญญาณปราดเปรียวขณะหลบการโจมตีจากหนามเพลิงคลั่งไปด้านข้าง จากนั้นจึงส่งปราณกระบี่แหลมคมไปทางหญิงสาวเย้ายวนเพื่อกดดันให้ทำการปัดป้องจนต้องทำการยกเลิกหนามเพลิงคลั่งชั่วคราว

ทันทีที่ปราณดาบเพลิงพุ่งเข้ามา แล้วกระบี่ยาวสีขาวราวหิมะจึงลอยออกจากมือของนางก่อนจะกลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าชายร่างกำยำ แม้อีกฝ่ายจะถอยครั้งแล้วครั้งเล่าจนถึงขั้นยกดาบปัดป้อง แต่กระบี่กลับรวดเร็วเกินไปจนแทงเข้าที่หน้าอก ทำให้ปราณกระบี่คมปลาบแผ่ซ่านไปทั่วแขนขาและกระดูกของชายผู้นั้นจนเกิดความเจ็บปวดแสนสาหัส

“อาวุธวิเศษขั้นสูงสุด!”

เสียงร้องด้วยความประหลาดใจหลุดออกมาจากปากของชายร่างกำยำราวกับต้องการเตือนสติพวกพ้อง แต่ชายวัยกลางคนผู้ถือพัดพับเพิ่งได้ยินในจังหวะที่ร่างสีขาวฉีกผ่านสายลมร้อน แล้วมือเย็นเยียบจึงกดเข้ามาที่ลำคอ ผู้ฝึกตนวัยกลางคนรีบถอยเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีถึงตาย ในเวลาเดียวกันก็ฟาดฟันดาบยาวในมือออกไปประหนึ่งใช้กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว [1]

เท้าของอวิ๋นหนิงซวงขยับอย่างรวดเร็วขณะทำการย่างก้าวอย่างแปลกประหลาด เพียงพริบตานางจึงพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับฟาดดาบยาวด้วยมือข้างหนึ่งจนเกิดเสียงอื้ออึง จากนั้นจึงถอยหลังแล้วใช้มืออีกข้างคว้าไหล่ของชายวัยกลางคนเอาไว้

“เหอะ… จับเจ้าได้แล้ว”

ผู้ฝึกตนวัยกลางคนมีท่าทีหวาดกลัว

กร็อบ!

“อ๊าก…”

เสียงกระดูกหักผสมกับเสียงกรีดร้องของชายร่างกำยำสะท้อนไปทั่วท้องนภา

“ช่วยข้าด้วย!”

แกร้กแกร้กแกร้ก!

ในที่สุดหุ่นเชิดก็มาถึง…

ผู้ฝึกตนวัยกลางคนรู้สึกมีหวังขึ้น แต่วินาทีต่อมา อวิ๋นหนิงซวงทำการร่ายวิชาด้วยหลังมืออย่างเด็ดขาด

มือยักษ์สีทองข้างหนึ่งที่มิอาจทำลายได้ปรากฏขึ้นจากที่ใดไม่ทราบ แล้วหุ่นเชิดที่เผยเขี้ยวเล็บออกมาจึงถูกตบลงกับพื้นจนกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที พลังวิญญาณของมันสูญสิ้นจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

ชายชราหลังค่อมผู้อยู่ไม่ไกลกระอักโลหิตออกมาด้วยความเคียดแค้น

ถึงอย่างไรมันไม่ใช่วิชาหุ่นเชิดดั้งเดิม!

“ไม่…”

ศีรษะหนึ่งลอยขึ้นไปในท้องนภา!

ลูกตาของสามคนที่เหลือหดลงอย่างมาก พวกเขาไม่คาดคิดว่าอวิ๋นหนิงซวงจะร้ายกาจขนาดนี้

“ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ นางไม่ได้อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบสองแล้ว” หญิงสาวเย้ายวนมองร่างของสหายที่แยกออกจากกันแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศก

พวกเขาสี่คนรับภารกิจมาจากสำนัก ตอนแรกคิดว่าพวกเขาสี่คนที่อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบสองจะสามารถจัดการอวิ๋นหนิงซวงผู้อยู่ระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย เพื่อเป็นการป้องกันอวิ๋นหนิงซวงหลบหนี พวกเขาถึงขั้นใช้เงินจำนวนมากเพื่อเช่าธงค่ายกลกักศัตรู

“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องเอาตัวนางไปให้ได้ หากปล่อยให้สร้างรากฐานขึ้นมาก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก การกำจัดนางก็จะยิ่งยากขึ้นจนพวกเราตกเป็นเหยื่อเสียเอง”

หญิงสาวเย้ายวนรีบถ่ายทอดคำสั่ง แม้นางจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่คน แต่อีกสามคนพร้อมรับฟังการตัดสินใจของนาง “กุ่ยเหล่าโถว เชาฮั่นจือ รีบแสดงวิชาดีที่สุดออกมา ไม่งั้นพวกเราสามคนได้มีจุดจบเหมือนกับจื่อชูเชิงแน่”

“เยี่ยนจี ข้ามีวิธีอยู่ แต่ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสักพัก พวกเจ้าสองคนต้องปกป้องข้า” ชายชราหลังค่อมเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก พวกเขาไม่อวดดีเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“กุ่ยเหล่าโถว หากเจ้ามีวิชาอะไรก็รีบงัดออกมา ถ้าทำสำเร็จ ข้าจะยอมหลับนอนกับเจ้าอีกก็ได้!” ดวงตาของหญิงสาวเย้ายวนทอประกาย นางทราบดีว่าแม้กุ่ยเหล่าโถวจะอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณ แต่ก็มีการฝึกฝนมาหลายสิบปีจนครอบครองวิชาลับบางอย่าง

“คิคิ… เช่นนั้นเจ้าตั้งตาดูได้เลย”

ชายชราหลังค่อมโยนกระเป๋าในมือทิ้งขณะวางไม้ค้าไว้ตรงหน้าพร้อมกับขยับมือเพื่อสร้างผนึก แล้วพลังวิญญาณมืดมิดจึงพลุ่งพล่านออกมาจากแขนขาของเขาขณะทะลวงเข้าสู่แผ่นหลังประหนึ่งงูดุร้าย

หลังค่อมของเขาค่อยขยายใหญ่ขึ้นประหนึ่งบางสิ่งกำลังจะทะลุออกจากผิวหนัง แล้วกลิ่นอายชั่วร้ายจังปกคลุมอากาศธาตุ

“ช่างเป็นวิชาที่ชั่วร้ายนัก!” อวิ๋นหนิงซวงสะบัดมือ แล้วกระบี่ยาวจึงบินกลับมาอยู่ในมือก่อนจะขยับร่างพุ่งเข้าหาชายชราหลังค่อม นางสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ด้านหลังชายชราหลังค่อม

ดาบใหญ่เคลื่อนลงมาจากท้องนภาเพื่อขวางทางอวิ๋นหนิงซวงเอาไว้ ชายร่างกำยำผู้เสียแขนไปแล้วกำลังพึมพำบางอย่าง แล้วเปลวเพลิงบนดาบใหญ่ที่เป็นอาวุธวิเศษยิ่งดุร้ายประหนึ่งโลหิต

“ตาย!”

กระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดฉีกผ่านเปลวเพลิง แล้วอวิ๋นหนิงซวงจึงเคลื่อนผ่านไปพร้อมกดฝ่ามือซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองลงบนศีรษะของชายร่างกำยำ แล้วผู้ชายคนนั้นก็เริ่มหลั่งโลหิตออกจากรูทวารทั้งเจ็ดทันที

“อวิ๋นหนิงซวง หยุดเดี๋ยวนี้… ไม่งั้นข้าจะฆ่าผีน้อยทั้งสามนี้”

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบถึงหญิงสาวเย้ายวนอ้อมมาที่เรือเพื่อจับพวกหวังฝูทั้งสามมาเป็นตัวประกันโดยไม่คำนึงถึงสถานะของพวกเขาที่เป็นผู้ฝึกตนเป็นเซียน

งูเพลิงวิญญาณสามตัวถูกแขวนอยู่ตรงหน้าทั้งสาม หวังฝูรู้สึกไม่สบายใจยิ่งจากการถูกแผดเผาทั่วร่างขณะสาปแช่งนางมารที่อยู่ข้างกาย ส่วนหวังเฟิงมุดหัวอยู่ในเรือขณะสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้พร้อมกับพึมพำไปมา “ข้าอยากกลับบ้าน ข้าอยากกลับบ้าน…”

โจวเผิงไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากัน ร่างจ้ำม่ำของเขากำลังสั่นอย่างต่อเนื่องก่อนจะล้มลงตรงขอบเรือ แล้วกลิ่นเหม็นบางอย่างได้ลอยออกมาจากกางเกง

“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมจำนนเพียงเพราะจับเด็กมนุษย์สามคนเป็นตัวประกันงั้นหรือ? เหลวไหล” อวิ๋นหนิงซวงคลายมือออก แล้วชายร่างกำยำจึงกระแทกกับพื้นด้วยสภาพการตายที่น่าอเนจอนาถ

นางปัดมือสีขาวราวกับหยกที่สูญเสียแสงสีทองไปแล้วขณะจับจ้องหญิงสาวเย้ายวน

“หากเจ้ายอมจำนนจริง ข้าจะยอมปล่อยผีน้อยสามคนนี้ไป หาไม่แล้วผีน้อยสามคนนี้จะต้องตายต่อหน้าข้าอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นหัวใจเต๋าที่สมบูรณ์แบบของเจ้าจะต้องมีมลทินอย่างเลี่ยงไม่ได้” หญิงสาวเย้ายวนตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง “เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?”

“ข้าไม่เคยเดิมพัน…” อวิ๋นหนิงซวงส่ายหน้าขณะสะบัดมือ แล้วกระบี่ยาวซึ่งเป็นอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดจึงปักลงกับพื้น

ใบหน้าของหญิงสาวเย้ายวนเผยความยินดีออกมา

“สมกับเป็นเซียนอวิ๋นหนิงซวง…”

แต่นางไม่ได้สังเกตเลยว่าภายในเรือลำนั้นมีเข็มเงินขนาดสามฉื่อที่ดูไม่สะดุดตาขยับเล็กน้อย จากนั้นจึงลอยขึ้นแล้วสั่นไหวไปมา

หวังฝูบังเอิญเห็นเข็มเงินเข้าพอดี เขาเคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเซียนมามากจนพอเดาได้ว่ามันมีความข้องเกี่ยวกับเซียนงดงามผู้นั้น

“นี่ ปล่อยข้านะยัยผู้หญิงตัวเหม็น…” หวังฝูตะโกนใส่หญิงสาวเย้ายวน

“เจ้าผีน้อย เมื่อกี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ…” สีหน้าของหญิงสาวเย้ายวนพลันเย็นชาขึ้นมา

“ยัยผู้หญิงตัวเหม็น ข้าบอกว่าเจ้าขี้เหร่ ขี้เหร่และตัวเหม็น เหมือนแมลงเน่าในห้องน้ำข้าเลย” คำพูดของหวังฝูสร้างความตกตะลึงจนแม้แต่หวังเฟิงกับโจวเผิงยังอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น

“พี่น้องของข้า… แบบนี้มันเหมือนเล่นโคมไฟในห้องน้ำเลย เจ้าคิดว่ายังตายเร็วไม่พออีกหรือ…”

“เจ้าผีน้อยสารเลว!” หญิงสาวเย้ายวนเดือดดาลยิ่ง “ข้าฆ่าเจ้าก่อนแล้วกัน!”

นางสะบัดมือ แล้วงูเพลิงสีแดงจึงแผดเผาไปทางหวังฝู

ฟิ่ว!

เข็มเงินขนาดสามฉื่อในเรือลอยออกมาพร้อมกันขณะแทงเข้าที่หลังหัวของหญิงสาวเย้ายวนในพริบตา แล้วลูกตาของหญิงสาวเย้ายวนจึงหดลงก่อนพลังชีวิตเลือนหาย เมื่อเข็มเงินทะลวงออกจากหน้าผากแล้ว นางก็ไม่อาจพูดจาสั่งเสียก่อนตายได้สักคำ

“ฮ่า ที่เขียนไว้ในหนังสือเป็นความจริงด้วย วายร้ายตายเพราะพูดมากเกินไปจริงด้วย” หวังฝูงยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องราวในหนังสือที่โรงเรียน จากนั้นจึงรู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่หน้าอก

“เจ็บเจ็บเจ็บ…”

“ท่านเซียนช่วยด้วย ท่านเซียนช่วยข้าด้วย!”

ทว่าหลังจากหญิงสาวเย้ายวนถึงแก่ความตายแล้ว งูเพลิงจึงปราศจากผู้ควบคุมอีกต่อไป แล้วงูเพลิงพิษจึงตกลงบนตัวหวังฝูก่อนจะแผดเผาทั่วเสื้อผ้าตรงหน้าอกของหวังฝู ลามไปถึงเลือดเนื้อประหนึ่งหนอนแมลงวันบนกระดูกข้อเท้า

งูเพลิงพิษจึงไหลหลั่งเข้าสู่ร่างของหวังฝูโดยไม่มีอุปสรรคอะไร

“ท่านเซียนช่วยด้วย…”

มือเย็นเยียบข้างหนึ่งสัมผัสที่แผ่นหลังของหวังฝู เป็นอวิ๋นหนิงซวงนั่นเอง “หยุดเห่าหอนเสียที ข้าได้ยินแล้ว”

ลมหายใจเย็นเยือกพุ่งเข้าสู่ร่างกายจากด้านหลัง แล้วหวังฝูจึงสัมผัสได้ว่าความรู้สึกแสบร้อนในหน้าอกดีขึ้นมาก แต่มันก็แค่นั้น ลมหายใจร้อนยังคงอยู่

“พิษเพลิงเข้าสู่ร่างกายแล้ว แถมเจ้ายังเป็นมนุษย์ การที่ยังมีชีวิตรอดมาได้นับว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว แต่อย่าเพิ่งขยับ ร่างกายของเจ้าอ่อนแอเกินกว่าที่จะทานทนพลังวิญญาณจำนวนมากได้ หนทางเดียวที่จะคลายพิษเพลิงได้คือการขับมันออกมาทีละน้อยเท่านั้น” อวิ๋นหนิงซวงรู้สึกจนใจ แต่นางก็ประทับใจในตัวของเด็กชายนามหวังฝูผู้นี้ นอกจากไม่กลัวจนฉี่ราดกางเกงยามตกเป็นตัวประกันของแมลงเน่าจากสำนักเพลิงคลั่งแล้ว ยังหยิบยื่นความช่วยเหลือให้อีกด้วย

หากไม่ใช่เพราะหวังฝูต่อว่าอีกฝ่าย นางคงไม่สามารถนำอาวุธวิเศษที่ซ่อนอยู่ในเรือออกมาได้อย่างง่ายดายปานนี้

อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดสิ่งที่อยู่ด้านหลังชายชราหลังค่อมจึงทะลุออกมา

[1]: เป็นกลยุทธ์ที่ศัตรูรวบรวมกำลังไว้เป็นจุดศูนย์กลางของกองทัพ ทำให้มีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด