ตอนที่แล้วบทที่ 29 จากไป มุ่งสู่เจียงหนาน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 ทดสอบหลิวเหลียง

บทที่ 30 เจ้าเป็นคนของข้าแล้ว


มู่ยุนเหยารู้สึกโล่งอก ดีที่แม่ไม่ได้ยืนกรานจนเกินไป นางเหลือบมองหลี่ซื่อด้วยสายตาเย็นชา "ย่า หากท่านยังมีชีวิตรอด อีกหนึ่งปีครึ่งให้หลัง ท่านสามารถไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ บางทีอาจมีคนอยากช่วยท่านแก้แค้นข้าก็ได้"

"เหยาเอ๋ย เหยา เจ้าอย่าทิ้งย่าไป วิญญาณพ่อของเจ้าบนสวรรค์คงเสียใจนัก... เหยา อย่าไปนะ... มู่ยุนเหยา เจ้าอีตัวแสบ ขอให้เจ้าตายอย่างทรมาน ตายอย่างทรมาน!"

มู่ยุนเหยาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วค่อยๆ ถอยกลับมา "เกือบลืมไปเสียแล้ว ย่า เมืองหลินเจียงอยู่ใกล้เมืองอิ่นเกินไป เพื่อความไม่ประมาท ต่อไปนี้ท่านไม่ต้องพูดอีกแล้ว"

"เจ้า... เจ้าจะทำอะไร... อย่าเข้ามา อย่าเข้ามานะ... อ๊าก..."

มู่ยุนเหยาโยนมีดเปื้อนเลือดเข้าพุ่มไม้ แล้วลุกขึ้นยืนค่อยๆ จัดชายกระโปรง "บาปกรรมที่ฟ้าลิขิตยังพอหลีกเลี่ยงได้ แต่บาปกรรมที่ตนเองก่อไม่อาจรอดพ้น"

"อึก... ฮือๆ..."

มู่ยุนเหยาออกจากป่า เดินไปคล้องแขนซูชิง "แม่ เราไปกันเถอะ เราทำดีที่สุดแล้ว"

ซูชิงพยักหน้า "อืม"

ทั้งสองค่อยๆ เดินเข้าเมือง โดยไม่ได้สร้างความสนใจให้ใคร

เมืองหลินเจียงเมื่อเทียบกับเมืองอิ่นแล้ว มีผู้คนหลากหลายกว่า ถนนหนทางและอาคารบ้านเรือนก็กว้างขวางและสง่างามกว่า ที่นี่มีท่าเรือ เส้นทางน้ำเชื่อมต่อทั้งเหนือใต้

จากที่นี่ใช้เส้นทางน้ำเข้าสู่เมืองหลวงซีหลิงใช้เวลาเพียงสองวันครึ่ง ไปทางใต้สู่แม่น้ำหุยเจียง เส้นทางน้ำเชื่อมโยงทั่วทุกทิศ สามารถเดินทางไปได้ทั่วเจียงหนาน ด้วยเหตุนี้จึงรวมพ่อค้าและผู้คนจากทั่วสารทิศ ทำให้สภาพแวดล้อมค่อนข้างวุ่นวายสับสน

มู่ยุนเหยาก็มาเมืองหลินเจียงเป็นครั้งแรก นางหาโรงเตี๊ยมระดับกลาง จ่ายค่าห้องแล้วเข้าพัก "แม่ พักผ่อนก่อนนะ ลูกจะลงไปดูข้างล่างว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะซื้อมาให้"

"เหยา ที่นี่เราไม่รู้จักใคร เจ้า..."

"แม่ไม่ต้องกังวล ตอนนี้ลูกมีสภาพแบบนี้ ออกไปเดินบนถนนคงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรอก แม่ไม่เห็นหรือว่าเมื่อกี้เด็กรับใช้ที่พาเราขึ้นมา เกือบจะไล่ลูกออกไปเพราะคิดว่าเป็นขอทาน"

ซูชิงยื่นมือไปบีบแก้มนาง "เจ้านี่ นิสัยซุกซนขึ้นทุกวัน"

มู่ยุนเหยาเงยหน้าให้ซูชิงบีบแก้ม ยิ้มกริ่มทำเป็นโง่ "ซุกซนแค่ไหนก็ยังเป็นลูกของแม่ อยากไม่รับก็ไม่ได้"

ซูชิงอดยิ้มไม่ได้พลางปล่อยมือ เห็นรอยนิ้วแดงๆ บนใบหน้าของนาง ก็อุทานด้วยความตกใจ "เจ้าเด็กคนนี้ แม่บีบเจ็บทำไมไม่บอก" นางรู้ว่าผิวของลูกบอบบาง ตั้งใจออกแรงเบาๆ แต่กลับทำให้แดงไปทั้งแถบ

"ไม่เป็นไรหรอกแม่ ลูกยังไม่รู้สึกเลย" มู่ยุนเหยาพูดพลางยื่นมือไปดึงแก้มตัวเอง

"เจ้าเด็กนี่ ปล่อยเร็ว ปล่อยสิ"

มู่ยุนเหยาหรี่ตายิ้มหัวเราะ "แม่ ลูกไปละ แม่รออยู่ที่นี่นะ อย่าออกไปไหนเด็ดขาด"

"ได้"

ลงบันไดมา มู่ยุนเหยาเดินออกถนนตรงไปที่มุมกำแพง นั่งยองๆ ข้างขอทานคนหนึ่ง ยิ้มกริ่มทักทาย "เฮ้ น้องชาย เจ้ารู้จักแถวนี้ดีไหม"

ขอทานอายุไม่มาก ราวสิบห้าสิบหกปี ได้ยินคำถามก็มองมู่ยุนเหยาอย่างเหนื่อยอ่อน "รู้จักสิ เป็นอะไรหรือ"

"ท่าเดินเรือที่ไหนน่าเชื่อถือที่สุดล่ะ"

"เจ้าถามทำไม ถึงน่าเชื่อถือเจ้าก็ขึ้นไม่ได้หรอก" ขอทานแสดงท่าทางดูถูก กำลังจะหันหน้าหนี ก็เห็นมู่ยุนเหยาหยิบเหรียญทองแดงสองเหรียญออกมา เป่าๆ ใส่ เขารีบนั่งตัวตรงตอบอย่างกระตือรือร้น "ที่น่าเชื่อถือที่สุดต้องเป็นท่าเรือซุ่นทงของตระกูลโจว มีทั้งเรือโดยสาร เรือสินค้า เรือบรรทุก แต่ราคาแพงหน่อย"

มู่ยุนเหยาโยนเหรียญทองแดงให้ แล้วลุกเดินไปทางท่าเรือ นางต้องไปสำรวจก่อน การเดินทางไปเจียงหนานใช้เวลานาน อีกทั้งอยู่บนน้ำ หากเกิดเรื่องขึ้นจะยุ่งยาก

ขณะกำลังเดิน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงต่อรองราคา

"แค่คนเดียว เจ้าเรียกยี่สิบตำลึง นายหน้า เจ้าโลภมากเกินไปแล้ว"

"ท่านดูสิ นี่ใช่คนธรรมดาที่ไหน ดูรูปร่าง ดูท่าทาง เขามีวรยุทธ์ ซื้อกลับไปเฝ้าบ้านคุ้มกันภัยได้เลย"

"ผอมแห้งแรงน้อยเหมือนคนจะตายอยู่แล้ว ยังจะมีวรยุทธ์อีก เฮอะ ยี่สิบตำลึง รอให้ขายไม่ออกเถอะ!"

"เอ่อ ท่านครับ อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป ต่อรองกันได้ สิบห้าตำลึง เอ้า สิบตำลึง..."

มู่ยุนเหยาเหลือบมองโดยบังเอิญ พอเห็นคนที่ถูกมัดมือมัดเท้านอนอยู่บนพื้น ก็ชะงักฝีเท้าทันที คนผู้นี้... คนผู้นี้... นางรีบเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูให้ชัดขึ้น แต่ถูกนายหน้าผลักจนเซ

"ขอทานที่ไหนมา ไปให้พ้น!"

มู่ยุนเหยาเงยหน้า เตะนายหน้าทีหนึ่ง "นายหน้า ตาบอดหรือไง ไม่รู้จักข้าหรือ"

นายหน้าถูกเตะจนงง เงยหน้ามองมู่ยุนเหยาอย่างพินิจ กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เมื่อครู่มองผ่านๆ เห็นแต่ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่พอมองใกล้ๆ ถึงเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามีริมฝีปากแดงฟันขาว ดวงตาดำขลับเปล่งประกาย มีกลิ่นอายสูงศักดิ์ ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

"โอ้ คุณชายน้อย ท่านแต่งตัวแบบนี้ทำไมกัน กำลังเล่นอะไรอยู่หรือ ข้าน้อยตาถั่วไม่รู้จักเทวดา อย่าถือสาเลยนะขอรับ"

"ยุ่งจริง คนผู้นี้ขายเท่าไหร่"

"คุณชายน้อยช่างมีสายตาดีจริงๆ คนผู้นี้เพียงยี่สิบตำลึงเท่านั้น ท่านดูสิ มีวรยุทธ์ พาออกไปจะได้หน้าได้ตามาก"

มู่ยุนเหยาเดินเข้าไปใกล้ ใช้เท้าเตะคนที่นอนอยู่บนพื้นเบาๆ "เงยหน้าขึ้นมา ถ้าเหมาะสมข้าจะซื้อเจ้า"

คนบนพื้นเงยหน้า เผยดวงตาเย็นชาว่างเปล่า

มู่ยุนเหยารู้สึกสะท้าน ราวกับมีคมดาบปาดผ่านแผ่นหลัง ใช่เขาจริงๆ องครักษ์ที่ซื่อสัตย์และไม่กลัวต่อเจ้าชายแคว้นจิ้นที่สุด! หลังจากที่นางกลายเป็นสนมของเจ้าชายแคว้นจิ้น นางมักเห็นเขายืนเงียบๆ อยู่หลังเจ้าชาย ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงองครักษ์ธรรมดา แต่ในงานเลี้ยงครั้งนั้น นางได้เห็นเขาชักดาบสังหารผู้ลอบสังหาร คมดาบราวกับสายน้ำ ดาบเดียวมาจากทิศตะวันตก งดงามราวกับปาฏิหาริย์

ภายหลังนางได้ยินสาวใช้คุยกันว่า องครักษ์คนนี้ถูกเจ้าชายแคว้นจิ้นซื้อมาจากข้างถนน ว่ากันว่าใช้เงินเพียงสิบตำลึง นางเคยสังเกตเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แค่ครั้งเดียว เมื่อเขาเงยหน้ามองมา ดวงตาว่างเปล่าและเย็นชา ราวกับซ่อนความโหดร้ายนองเลือดไว้ทั้งผืนฟ้า ทำให้นางขนลุกด้วยความหวาดกลัว กลับห้องไปฝันร้ายติดต่อกันสองคืน ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้ามองเขาอีก

"คุณชายน้อย เป็นอย่างไรบ้าง พาออกไปช่างน่าเกรงขามเสียจริง!"

"ห้าตำลึง ถ้ายอมข้าก็จะซื้อเขา"

"ไม่ได้ ไม่ได้ ห้าตำลึงน้อยเกินไป"

"ไม่ขายก็ช่างเถอะ" มู่ยุนเหยาพูดจบก็หันหลังจะเดิมจากไป นายหน้ารีบก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าว "คุณชายน้อย เพิ่มอีกหน่อย เพิ่มอีกหน่อยก็ขายให้ท่าน"

"งั้นก็หกตำลึง ไม่มากกว่านี้แล้ว"

"นี่... ตกลง คุณชายน้อย นี่คือสัญญาขายตัว ท่านเก็บไว้ให้ดี"

มู่ยุนเหยาหยิบเงินหกตำลึงโยนให้ แล้ววิ่งไปหาคนที่นอนอยู่บนพื้น นั่งยองๆ ลง "ข้าใช้เงินหกตำลึงซื้อเจ้ามา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเรียกเจ้าว่าหกตำลึง"

นายหน้าเดินมาแก้เชือกส่งให้มู่ยุนเหยา "คุณชายน้อย คนผู้นี้เป็นของท่านแล้ว"

มู่ยุนเหยาเตะขาเขาเบาๆ "ตายหรือยัง ถ้ายังไม่ตายก็ลุกขึ้น ตามข้ามา" พูดจบก็ไม่รอเขา เดินจากไปทันที เดินไปสิบกว่าก้าว ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลัง นางหรี่ตาลง ดูเหมือนว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ แม้แต่สวรรค์ก็เมตตานาง ทำให้นางได้พบกับองครักษ์คนสนิทในอนาคตของเจ้าชายแคว้นจิ้น ต้องบอกว่าโชคชะตาช่างเล่นตลกเสียจริง แต่นางชอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด