บทที่ 264: กระฉับกระเฉงและเด็ดเดี่ยว (ตอนที่ 1)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 264: กระฉับกระเฉงและเด็ดเดี่ยว (ตอนที่ 1)
ซุนเฉิงตื่นขึ้นในอพาร์ตเมนต์ที่คุ้นเคย นี่อาจเป็นการนอนที่หลับลึกที่สุดเท่าที่เขาจำได้
เขาลืมตาขึ้น มองนาฬิกาบนผนังแล้วบิดขี้เกียจ
เมื่อคืนหลังกลับจากฐานไทเกอร์คิงริดจ์ เขาก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะทำอะไร
ความอ่อนเพลียรุมเร้าจนเขาเผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว
ฐานหนึ่งที่ยังสร้างไม่เสร็จไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย แม้จะใส่หน้ากากป้องกันแก๊สพิษก็ไม่ช่วย ระบบระบายอากาศยังไม่สมบูรณ์ กลิ่นวัสดุก่อสร้างยังคงหลงเหลือ ทำให้เป็นอันตรายเกินกว่าจะค้างคืน
ซุนเฉิงจึงจำต้องจากมาในยามวิกาล โชคดีที่เขาซื้อรถกระบะไว้ก่อนหน้า
อพาร์ตเมนต์ใหม่ที่เขาเช่าก็อยู่ไม่ไกลจากฐานนัก เมื่อกลับถึงก็ยังไม่เที่ยงคืน
การนอนหลับพักผ่อนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
ร่างกายของเขากลับมาคุ้นชินเช่นเดิม ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อคืนก่อนเลือนหายไปจนหมด...
เรื่องนี้ทำให้ซุนเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หากทุกอย่างราบรื่น เขาก็จะไปใช้ชีวิตในโลกทรานส์ฟอร์เมอร์อีกนาน แต่หากมันส่งผลเสียต่อร่างกายในโลกแห่งความจริง เขาคงต้องคิดทบทวนใหม่ว่าจะเดินทางข้ามไปมาระหว่างสองโลกดีหรือเปล่า
หลังจากตื่นนอน เขาก็ยืดเส้นยืดสายบนระเบียง ซุนเฉิงยกเก้าอี้มานั่ง เหม่อมองท้องฟ้า ปล่อยใจให้ล่องลอย
ทว่า เสียงท้องร้องก็ดังขึ้น ดึงสติเขากลับสู่โลกความจริง เขาไม่ใช่เฟรนซี่ผู้เป็นหุ่นยนต์จักรกลอีกต่อไปแล้ว
เขาจึงลุกขึ้นอย่างงัวเงีย เข้าไปล้างหน้าล้างตาในบ้าน จากนั้นก็สวมเสื้อสบายๆ หยิบกระเป๋าสตางค์กับเสี่ยวหวู่ออกไป
พอเดินไปตามถนนใกล้ ๆ จนมาถึงร้านอาหารเช้าที่กำลังคึกคัก
ด้วยความหิวโหย เขาจึงสั่งซาลาเปาเพิ่มอีกหนึ่งเข่งกับชาน้ำมัน รสชาติของมันถูกปากยิ่ง ช่วยให้เขาเพลิดเพลินกับมื้อเช้าได้อย่างสบายอารมณ์
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เขาหยิบซาลาเปาลูกที่สอง เสี่ยวหวู่ก็ส่งเสียงออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านในของเขา
"นายท่าน มีสายเรียกเข้า..."
ในร้านอาหารเช้าที่วุ่นวาย เสียงที่คมชัดอย่างกะทันหันดึงดูดสายตาคนโดยรอบ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่กลับทำเป็นเหมือนคุ้นเคยกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว
ในปี 2016 เสียงเรียกเข้าแปลกๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนในประเทศจีน ทำให้ไม่มีใครรู้ถึงความพิเศษของเสี่ยวหวู่เลย
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ซุนเฉิงก็วางตะเกียบลงอย่างไม่เต็มใจ หยิบผ้าเช็ดทำความสะอาดเปียกหนึ่งห่อออกจากกระเป๋า ทำความสะอาดนิ้วและปากของเขา จากนั้นจึงนำเสี่ยวหวู่ออกมาเพื่อรับสาย
"สวัสดี..."
"สวัสดีครับ คุณซุน? หวังลู่พูดครับ ผมได้รับโทรศัพท์เช้าวันนี้จากมหาวิทยาลัยหนานกง พวกเขาบอกว่าพวกเขาได้เตรียมการเกี่ยวกับเรื่องที่คุณพูดถึงครั้งที่แล้ว พวกเขาต้องการให้เราเตรียมตัวด้วย แต่ทางฝ่ายนู้นไม่ได้ให้รายละเอียดทางโทรศัพท์ คุณคิดจะไปที่นั่นด้วยตัวคุณเองไหมครับ?"
หวังลู่?!
ด้วยความทรงจำที่ขัดแย้งกันสองชุดในใจของเขา ซุนเฉิงจึงเกิดความสับสนชั่วขณะเมื่อได้ยินชื่อนี้ ในโลกแห่งความเป็นจริง เขาเป็นเพียงมนุษย์และไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจักรกลเหมือนเฟรนชีที่มีความสามารถในการประมวลผลหลักเหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์
โชคดีที่หวังลู่พูดรายละเอียดหลายอย่างออกมาด้วย เขาจึงพอจำเค้าลางอีกฝ่ายได้บ้าง
หลังจากรำลึกได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็นึกออก
ชายที่ชื่อหวังลู่ เป็นผู้จัดการทั่วไปที่เขาจ้างทางออนไลน์สำหรับการจัดการก่อตั้งบริษัทไซเบอร์ตรอนเทคโนโลยี
ซุนเฉิงได้ขอให้รีเวนจ์ทำการตรวจสอบประวัติทางออนไลน์ของเขา หวังลู่ อายุ 35 ปีในปีนี้ ถึงแม้จะยังเด็ก แต่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางของเว็บไซต์ในประเทศจีนมาหลายปีแล้ว แม้จะไม่โดดเด่นในการบริหารจัดการบริษัทอินเทอร์เน็ต โปรโมชั่น และโปรโมท แต่เขาก็พอมีความเข้าใจในด้านพวกนี้อยู่บ้าง
หลังจากไตร่ตรองคำพูดของหวังลู่อย่างรอบคอบ ในที่สุดซุนเฉิงก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
เขาตอบกลับทันที "ผู้จัดการหวัง มหาวิทยาลัยหนานกงโทรมาที่บริษัทงั้นสินะ? โอเค ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปที่บริษัทเร็วๆ นี้ มาคุยรายละเอียดกันตอนที่เราเจอกันนะ!"
"ตกลงครับคุณซุน ผมจะรอคุณที่บริษัท"
หวังลู่แสดงกิริยา วาจาฉะฉานตรงใจเขา ไม่เยิ่นเย้อ ยุติบทสนทนาด้วยถ้อยคำสุภาพเพียงไม่กี่ประโยค
ซุนเฉิงเก็บโทรศัพท์ลง หวนกลับมาลิ้มรสอาหารเช้าที่รอคอยอีกครา ทว่า ความคิดของเขากลับไม่ได้อยู่ที่อาหารตรงหน้าอีกต่อไป
การกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงจากโลกของทรานส์ฟอร์เมอร์สในครั้งนี้ แม้จะกะทันหัน แต่จริงๆ แล้วเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่วางไว้ของเขา
อีกโลกหนึ่งนั้น ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก มีทั้งดีเซปติคอนส์และออโต้บอทส์ เหล่าจักรกลจากดาวไซเบอร์ตรอน โลกใบนั้นยังนำมาซึ่งโอกาสอันนับไม่ถ้วนให้กับซุนเฉิง
ทว่า โอกาสมาพร้อมความเสี่ยงเสมอ ชั่วเวลาสั้นๆ ในโลกทรานส์ฟอร์เมอร์ส เขากลับสร้างศัตรูไว้แทบทุกฝ่ายที่อาจจะทำได้
กองกำลังมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุดในโลก สหรัฐอเมริกา ออโตบอทผู้พเนจรจากดาวไซเบอร์ตรอน และสิ่งมีชีวิตจักรกลจากดาวดวงเดียวกัน ดีเซปติคอน ซึ่งบ้าคลั่งและอันตรายยิ่งกว่าออโตบอท
ซึ่งตัวดีเซปติคอนนั้นน่ากลัวกว่าอย่างยิ่ง!
คิดดูสิ ผู้นำเมกะทรอน หรือที่รู้จักกันในชื่อ "นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน" ไม่ลังเลใจในแผนการของตัวเองสักนิดเดียว เขาถึงกับวางแกล้งตายโดยยืมมือของมนุษย์
เขาใช้เวลาหลายศตวรรษในการวางแผน ทั้งหมดนี้เพื่อจุดประสงค์เดียว นั่นคือการเอาชนะอาจารย์และศัตรูของเขา "ท่านผู้นำฟอลเลน" ซึ่งแม้แต่เมกะทรอนเองก็ยอมรับว่าไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
แต่เพราะการแทรกแซงอย่างกะทันหันของซุนเฉิง ตอนนี้แผนของเมกะทรอนจึงมีช่องโหว่ที่สำคัญอยู่
แม้จะไม่ต้องคิดมาก ซุนเฉิงก็รู้ว่าตอนนี้ผู้นำเผด็จการของดีเซปติคอนต้องมีความแค้นต่อเขาอย่างสุดซึ้ง ผลลัพธ์ที่รอเขาอยู่ย่อมสามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดาย
สถานการณ์ที่เลวร้ายลงนี้ทำให้เขารู้สึกว่าแม้แต่บนโลกในอีกโลกหนึ่ง มันก็แทบจะไม่มีที่ปลอดภัยเหลืออยู่แล้ว
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ไม่อาจย้อนกลับได้ เขารู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงทุนลงแรงในการจัดการที่หลบภัยสุดท้ายของเขาอย่างจริงจัง นั่นคือโลกแห่งความเป็นจริง
นั่นเป็นเหตุผลที่ในครั้งนี้เขาได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างกะทันหัน
การเคี้ยวอาหารช่วยผ่อนคลาย และยังช่วยให้คิดทบทวนได้ดีขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่ในแผ่นดินจีนมีธรรมเนียมการสนทนากันบนโต๊ะอาหารมาเนิ่นนาน
ขณะที่เขารับประทานอาหารเช้าอย่างสบายๆ ลิ้มรสชาติแสนอร่อย จิตใจของซุนเฉิงก็มุ่งไปที่การวางแผนและจัดเตรียมการกระทำของเขาในโลกแห่งความเป็นจริง
อาหารเช้าค่อยๆ หายไปทีละคำ แผนการและการเตรียมการต่างๆ ค่อยๆ ก่อรูปขึ้นในที่สุด เมื่อกลืนชาเจียวจิ้มน้ำมันคำสุดท้ายลงคอ ซุนเฉิงก็หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมุมปาก
"เจ้าของร้าน เก็บเงินด้วย!"
ในใจของเขา แผนการอันเป็นรูปธรรม พร้อมด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ก่อร่างขึ้นแล้ว