บทที่ 169 ฟางรุ่ยผู้ใช้ทวน
ฮ่าๆ!
ทันทีที่สิ้นเสียงของเฉาชิง จู่ๆ ในป่าทึบก็แว่วยินเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า ก่อนปรากฏชายหนุ่มในชุดเหลืองเดินออกมาพร้อมกับทวนในมือ แววตาเฉียบคมประดุจใบมีด นามนั้นคือฟางรุ่ย!
ใบหน้าหลัวเฉิงยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนหน้าเขาก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีคนมาเช่นเดียวกัน แต่คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเป็นฟางรุ่ย
เมื่อกวาดสายตามองหลัวเฉิงและเฉาชิงแล้ว ฟางรุ่ยก็แสยะยิ้มกล่าววาจาเย้ยหยันทันที
“เฉาชิง แค่ขยะชิ้นเดียวเจ้าก็ไม่มีปัญญาจัดการให้สำเร็จ ที่แย่กว่าคือเจ้ายังต้องการความช่วยเหลือจากข้าอีกต่างหาก ดูท่าว่าการจัดอันดับให้เจ้าเป็นตัวเต็งสิบอันดับแรกคงจะสูงเกินไปกระมัง”
เฉาชิงแสดงสีหน้าน่าเกลียดแล้วตะคอกว่า “ฟางรุ่ยอย่ามาประชดตอนนี้ เจ้าเด็กนี่พิลึกนัก แม้มันจะอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ แต่พลังของมันช่างร้ายกาจนัก! ข้าไม่อาจรับมือมันได้เพียงลำพัง! หากเจ้ายังขืนดูแคลนมันต่อไป เจ้าจะต้องเสียใจ!”
“เจ้าก็คือเจ้า อย่าริอาจมาเปรียบเทียบกับข้า”
ฟางรุ่ยส่ายศีรษะเล็กน้อย ขณะแววตาแสดงความรังเกียจอย่างชัดเจน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความสามารถของเฉาชิงไม่เคยเข้ามาอยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย เฉาชิงนับเป็นตัวอะไร ก็แค่ชายร่างใหญ่ที่มีแต่มัดกล้ามเท่านั้น!
“เจ้า!”
เฉาชิงคับแค้นใจเป็นที่สุด แต่เมื่อเหลือบมองไปทางหลัวเฉิง เขาก็ระงับโทสะที่กำลังคุกรุ่นในใจ แล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ฟางรุ่ย ระหว่างเจ้ากับข้าไว้ค่อยสะสางกันทีหลัง! เนื่องจากผู้อาวุโสฉินต้าวหยวนขอให้เราฆ่าเด็กคนนี้ อย่าทำผิดพลาดเยี่ยงข้าจะดีกว่า! เรามาร่วมมือกันสังหารเขาเจ้าเห็นเป็นเช่นไร?”
“แค่กวาดขยะเพียงชิ้นเดียวไยต้องร่วมมือ! เจ้าแค่ยืนอยู่เฉยๆ ดูฆ่าสังหารมันก็พอ!”
ฟางรุ่ยเหยียดยิ้มเย็นชา แล้วถือทวนเดินตรงเข้าหาหลัวเฉิง จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มอำมหิต
“ไอ้หนู เราพบกันอีกแล้ว! ข้ารู้สึกว่ามันน่าอัศจรรย์นักที่เจ้ารอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้! แต่อย่างไร มันต้องจบที่ตรงนี้ ต่อให้เป็นสวรรค์ก็ไม่อาจยื้อชีวิตเจ้าได้!”
หลัวเฉิงถึงกับกล่าวสิ่งใดไม่ออก
เคร้ง!
โดยไม่รอช้า หลัวเฉิงชักกระบี่ทลายสวรรค์ออกมา แล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้ามาได้จังหวะ นับว่าเป็นการดีนักที่ข้าไม่ต้องเหนื่อยตามหาเจ้าด้วยตนเอง วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนได้ตายอยู่ที่นี่!”
“ฮ่าฮ่า ไม่เลว…ไม่เลว! เจ้าเข้าใจผิดคิดว่าข้าคือเฉาชิงหรืออย่างไร?”
ฟางรุ่ยกล่าววาจาเย้ยหยัน จากนั้นขยับมือขวาหมุนทวนเป็นวงคล้ายอสรพิษ เขาทะยานขึ้นเหนือนภากาศแล้วพุ่งเข้าใส่หลัวเฉิงทันที!
“เข้ามา!”
ดวงตาของหลัวเฉิงประกายแสงดุจอัสนี เขามองหาข้อบกพร่องของเพลงทวน เมื่อมั่นใจก็ชกหมัดใส่ในทันที
เกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท พลังอันน่าเกรงขามของทวนถูกทลายลงอย่างสิ้นเชิง ด้วยแรงมหาศาลที่สะท้านไปตามด้ามทวน ทำให้กระดูกนิ้วหัวแม่มือขวาของฟางรุ่ยแตก กระทั่งเขาแทบกระชับด้ามทวนเอาไว้ไม่อยู่!
“ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวจริงๆ!”
ฟางรุ่ยถึงกับหน้าถอดสี ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจว่าเหตุใดเฉาชิงจึงกลัวหลัวเฉิงมาก
พลังหมัดนี้เกือบจะทัดเทียบกับเจ็ดพยัคฆ์ ซึ่งนั่นก็คือพลังเจ็ดหมื่นจิน เรียกได้ว่าเกินกว่าพลังของผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าทั่วไปเสียอีก!
ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
“แต่อย่างไรเสีย แค่นั้นยังไม่อาจเอาชนะข้าได้! เงาอสรพิษจรัสแสง!”
ด้วยเสียงตวาดลั่น ฟางรุ่ยกระชับทวนยาวด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วกระหน่ำแทงหลัวเฉิงอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด!
เงาของทวนที่เคลื่อนไหวต่อเนื่องคล้ายดั่งอสรพิษจำนวนนับไม่ถ้วน ไร้ซึ่งวิถียากนักจะจับทางได้ และมันกำลังพุ่งเข้าใส่ทั่วทั้งร่างหลัวเฉิงในตอนนี้!
“ไร้ฝีมือ! ดูกระบวนท่าข้าบ้าง!”
หลัวเฉิงไม่สะทกสะท้านต่อการโจมตีของฟางรุ่ยแม้แต่น้อย แล้วใช้กระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ทลายสวรรค์นั่นคือ สวรรค์ถล่มสายลมชะงัก!
วืด!
เพลงกระบี่นี้อาศัยความรวดเร็ว เมื่อกระบี่ขยับมันก็กลายเป็นดั่งสายอัสนีสีครามอันเยือกเย็น มันพุ่งทะลวงช่องว่างของเงาทวน และตรงไปที่ลำคอของฟางรุ่ยทันที!
“อะไร!”
ฟางรุ่ยสะดุ้งตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเพลงกระบี่ของหลัวเฉิงจะรวดเร็วและแม่นยำเช่นนี้ เขารีบหยุดมือแล้วพุ่งร่างหลบไปทางด้านข้างอย่างกะทันหัน
ฉึก!
เลือดกระเซ็นพร้อมปรากฏรอยแผลจากกระบี่ขึ้นบนหัวไหล่ของฟางรุ่ย และเขายังเหยียดฝีเท้าล่าถอยอย่างต่อเนื่อง!
“เพลงกระบี่พริ้วไหวปราดเปรียว และกระบี่ก็เคลื่อนไหวได้ดั่งใจนึก! เพลงกระบี่เจ้ามาถึงขั้นหัวใจกระบี่แล้วงั้นรึ! คนไร้ค่าเยี่ยงเจ้าฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นหัวใจกระบี่ได้อย่างไร!”
ฟางรุ่ยมองหลัวเฉิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาลุกโชนด้วยความริษยาอันรุนแรง
ด้วยพรสวรรค์ของเขา เพลงทวนในปัจจุบันของเขายังฝึกได้เพียงแค่การเคลื่อนไหวเท่านั้น ซึ่งนับว่ายังห่างชั้นจากขั้นหัวใจทวนนัก!
แต่ทว่าคนไร้ค่าผู้นี้ ไม่รู้ว่าซุกซ่อนความสามารถไว้มากเพียงใด เพราะสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่จนบรรลุขั้นหัวใจกระบี่ได้!
ความแตกต่างด้านความสามารถนี้ ทำให้ฟางรุ่ยรู้สึกไม่พอใจเป็นที่สุด ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น จิตสังหารก็ยิ่งแรงกล้า