ตอนที่ 39 : นี่มันอะไรกัน?
ตอนที่ 39 : นี่มันอะไรกัน?
ศัตรูเก้าคนถูกสังหารด้วยลูกกระสุนไปถึงเจ็ดคน
ใครก็ตามที่ตรวจสอบร่างกายของคนพวกนี้ก็คงจะพบเรื่องนี้
ใครก็ตามที่ตรวจสอบดูก็คงจะสงสัยและถามคำถาม
หวู่เหิงมักจะพกอาวุธประเภทนี้อย่างเปิดเผยเช่นกัน ดังนั้นมันจึงได้เวลาที่ต้องแจ้งให้ยาซ์ดทราบแล้ว
ในทำนองเดียวกัน ออทรัคก็ได้เตือนเขา
มันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามที่ขัดต่อความเป็นส่วนตัวก็ได้
สมาคมนักผจญภัยนั้นแตกต่างจากทหารประจำเมือง อาวุธและอุปกรณ์สวมใส่ของพวกเขาต่างก็เป็นของส่วนตัวที่พวกเขาหามาด้วยตัวเอง
นอกจากนี้เหล่าคนที่ต้องออกไปทำภารกิจก็มักจะมีไพ่ตายบางอย่างเก็บงำไว้อยู่เสมอ และจะไม่เปิดเผยให้ใครได้รู้
ใครจะรู้ว่าถ้าพวกเขาเปิดเผยไพ่ตายออกไปในวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะกลายเป็นวันตายของพวกเขาก็ได้
ดังนั้นถ้าหากไม่ต้องการพูดอะไร มันก็ไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้
“ขอรับ” หวู่เหิงพยักหน้าและออกไปจากห้อง
...
ณ ห้องทำงานของยาซ์ด
หลังจากเคาะประตูเบาๆ และได้รับคำอนุญาตแล้ว หวู่เหิงก็เดินเข้าไป
ในห้องทำงานที่สว่างและเป็นระเบียบเรียบร้อย มันมีคนสามคนนั่งอยู่
ผู้บริหารสมาคมยาซ์ดนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ โดยยังคงสวมชุดสูทสีเข้มตามปกติเหมือนกับสุภาพบุรุษสูงอายุคนหนึ่ง
บนโซฟามีรองผู้บริหารสลิเธอร์และคนคุ้นเคยเก่าอย่างมอยราที่เป็นหญิงสาวจากศาลากลางซึ่งได้ให้เขาลงนามรับทราบกฎของเนโครแมนเซอร์นั่งอยู่
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่ในวันนี้
สองสาวนั่งอยู่ตรงข้ามกัน สีหน้าของเธอจริงจัง แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอดูอึดอัดประมาณหนึ่งเลย
เมื่อเห็นว่าหวู่เหิงมาถึงแล้ว ยาซ์ดก็ยิ้มและกล่าวว่า “สมาชิกที่โดดเด่นของพวกเรามาถึงแล้ว นั่งก่อนสิ”
เมื่อมองไปยังเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้ให้ หวู่เหิงก็นั่งลงข้างๆ สลิเธอร์ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากสมาคมเดียวกัน และต่างจากหน่วยงานอย่างเมืองหินดำอยู่พอสมควร
หลังจากที่หวู่เหิงนั่งลงแล้ว ยาซ์ดก็พูดออกมา “นี่คือท่านหญิงมอยรา ผู้ดูแลงานบริหารงานทั่วไปในเมืองหินดำ”
“ท่านหญิงมอยรา ไม่ได้พบกันนานเลยนะขอรับ” หวู่เหิงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ชื่อของเจ้าดังไปทั่วศาลากลางแล้ว ในนามของสภา ข้าก็ต้องขอขอบคุณหน่วยของเจ้าสำหรับการกระทำเมื่อวานด้วย” มอยรากล่าว
เธอย่อมหมายถึงการสังหารผู้อาวุโสแห่งโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์เมื่อวานนี้
ถ้าพวกเขาไม่สามารถจัดการกับสมาชิกของโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ได้ มันก็คงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาภายในเมืองแน่ๆ
“พวกเจ้ารู้จักกันเหรอ?” ยาซ์ดถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกเราเคยพบกันที่ศาลากลางน่ะ” มอยราตอบอย่างตรงไปตรงมา
“อ๋อ” ยาซ์ดพยักหน้าและพูดต่อ “หวู่เหิง พวกเรามีสิ่งที่ต้องยืนยันกับเจ้าสักหน่อย”
“ว่ามาได้เลยขอรับ”
“ในบรรดาศพทั้งแปด มันมีเจ็ดคนที่ตายด้วยสาเหตุเดียวกัน เจ้าเป็นคนลงมือใช่ไหม?” ยาซ์ดถามออกมาตรงๆ
“ขอรับ” หวู่เหิงตอบ
“เจ้าทำได้ยังไงกัน?”
“ข้าใช้อาวุธที่สามารถโจมตีได้จากระยะไกลขอรับ”
“ขอพวกเราดูหน่อยได้ไหม?”
“ได้ขอรับ!” หวู่เหิงหยิบปืนพกจากเอว และโชว์ให้ทั้งสามคนได้เห็น
ดวงตาของคนทั้งสามเบิกกว้างขึ้นในขณะที่พวกเขามองมาที่ปืนพกสีดำ
“ด้วยเจ้าสิ่งนี้งั้นเหรอ?” ยาซ์ดถามด้วยความประหลาดใจ
“ขอรับ มันคืออาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในบ้านเกิดของข้า”
“ขอข้าดูใกล้ๆ หน่อยได้ไหม?” มอยราเอื้อมมือออกมา
หวู่เหิงไม่ได้ส่งมันให้กับเธอและส่ายหัวแทน “ขออภัยด้วยขอรับ นี่คืออาวุธช่วยชีวิตของข้า และมันก็ไม่สะดวกเท่าไรที่จะให้คนอื่นได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียด”
โลกนี้มีรถไฟ ระเบิดมือ และระเบิดควัน ใครจะรู้ว่าอาวุธของเขาจะสร้างแรงบันดาลใจได้ขนาดไหน และมันก็อาจจะเป็นตัวเร่งทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอาวุธปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วย
หากมีการประดิษฐ์อาวุธปืนอย่างแพร่หลายขึ้นมา ข้อได้เปรียบของเขาในโลกนี้ก็จะหายไป
ดังนั้นหวู่เหิงจึงวางแผนว่าจะอธิบายการมีอยู่ของอาวุธชิ้นนี้เท่านั้น แต่คงไม่ให้คนอื่นได้ศึกษามันอย่างละเอียด
เหมือนอย่างที่ออทรัคได้ย้ำเตือนเขา บางสิ่งก็สามารถเปิดเผยได้ แต่บางสิ่งก็ไม่ได้
มอยราหันไปหายาซ์ด
ยาซ์ดเองก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “สมาคมไม่ได้บังคับให้สมาชิกต้องเปิดเผยเทคโนโลยีหรือความลับของตัวเอง”
ธรรมชาติของสมาคมนักผจญภัยคือศูนย์รวมของเหล่านักผจญภัย
ถ้าพวกเขามีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด พวกเขาก็คงจะก้าวมาถึงจุดๆ นี้ไม่ได้
“ก็ได้!” มอยราที่มีความผิดหวังอยู่บ้างตอบกลับ “เจ้าสามารถสร้างอาวุธแบบนี้ขึ้นมาได้ไหม? เมืองหินดำสามารถรับซื้อไว้ได้นะ และราคาก็ตกลงกันได้”
“ขออภัยด้วยขอรับ แต่ข้าไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น”
“งั้นก็ช่างเถอะ อาวุธของเจ้ามีพลังทำลายล้างสูงมาก ข้าหวังว่าเจ้าจะเก็บมันไว้ให้ดี อย่าทำมันหายหรือใช้มันอย่างไม่คิด ถ้ามันมีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้น มันก็อาจจะเป็นปัญหากับเจ้าได้” น้ำเสียงของมอยราเปลี่ยนเป็นจริงจังอีกครั้ง
เธอเตือนเขาว่ามันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะระบุตัวคนร้ายที่ใช้อาวุธแบบนี้
และเนื่องจากพวกเขารู้แล้วว่าเขามีอาวุธเช่นนี้ ถ้ามีคนตายหรือได้รับบาดเจ็บจากอาวุธในลักษณะนี้ เขาก็ต้องตกเป็นเป้าคนแรกอย่างแน่นอน
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศในห้องเริ่มจริงจังขึ้นมา ยาซ์ดก็กล่าวว่า “ดี พวกเราแค่อยากจะยืนยันสาเหตุการตายของคนพวกนั้นเท่านั้นและตรวจสอบว่าเป็นหน่วยสี่ของเจ้าที่เป็นคนลงมือ”
“ขอรับ”
“เจ้าไปได้แล้ว ไปพักเถอะ”
หวู่เหิงพยักหน้าและลุกขึ้น หลังจากกล่าวลาทั้งสามแล้ว เขาก็เดินออกไปจากห้อง
...
กลับมาที่ห้องพักของหน่วยสี่
ออทรัคและคาวิน่าต่างก็กำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย
เมื่อเห็นว่าหวู่เหิงกลับมาแล้ว ออทรัคก็ถาม “เป็นไงบ้าง?”
“ท่านหญิงมอยราจากศาลากลางน่ะขอรับ เธอถามเกี่ยวกับอาวุธของข้า และก็ไม่มีอะไรแล้ว” หวู่เหิงนั่งลง
“สมาคมของพวกเราคงไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้หรอก สิ่งสำคัญคือต้องเก็บความสามารถและไอเท็มบางอย่างไว้เป็นความลับ” ออทรัคพูดออกมา
“ขอรับหัวหน้า”
หลังจากพูดคุยกันเรื่องนี้แล้ว มันก็ได้เวลาแบ่งรางวัลจากภารกิจเมื่อวานแล้ว
ออทรัคพูดออกมาว่า “พวกเราประสบความสำเร็จในการป้องกันวิกฤตในเมืองหินดำในระหว่างภารกิจนี้ ดังนั้นหน่วยของพวกเราจึงได้รับคำชมจากศาลากลางและผู้บริหารของสมาคม พวกเขาได้เพิ่มรางวัลค่าหัวให้กับพวกเราด้วย รวมถึงยังมอบไอเท็มระดับสูงให้กับพวกเราทุกคน”
คาวิน่าและหวู่เหิงตื่นเต้น รางวัลในระดับนี้มักจะไม่ค่อยพบในภารกิจทั่วไป
เมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนี้จากทั้งสองคน ออทรัคก็ยิ้มออกมาและมองไปยังโต๊ะตรงหน้าของเขา “นี่คือรางวัลจากเมื่อวาน ตามกฎของสมาคม เนื่องจากพวกเราได้สังหารศัตรูด้วยตัวเอง สมบัติของพวกมันจึงต้องตกเป็นของพวกเรา ข้าได้แลกอาวุธและชุดเกราะทั่วไปเป็นเงินไปแล้ว และนี่ก็คือของที่เหลืออยู่”
สินสงครามถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท
อาวุธ ชุดเกราะ ระเบิดมือ คัมภีร์เวทมนตร์ และถุงเงินขนาดเท่ากำมือหลายอัน
สายตาของหวู่เหิงมองไปที่ไม้กายสิทธิ์ที่มีลวดลายสีเงินอยู่ที่ด้านบน มันเป็นไม้กายสิทธิ์ของชายชุดดำที่ควบคุมอีกานั่นเอง
[ไม้กายสิทธิ์แม่มดศรเงินเอล์ม]
[รายละเอียด: ไม้กายสิทธิ์ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถร่ายทักษะ ‘ศรแม่มด’ ได้ และสามารถลดการใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้ได้ด้วย]
ไม้กายสิทธิ์เวทมนตร์ที่มีทักษะติดมาด้วยงั้นเหรอ?