ตอนที่ 220 รางวัลที่น่าเหลือเชื่อ
ในขณะนี้ คนที่ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ของ เย่เฉิน ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือ ไป๋ ฮันเยียน และเพื่อนสนิทของเธอ
“สวัสดีคะ ท่านประธานเย่”
เมื่อเห็น เย่เฉิน เปิดประตู ไป๋ ฮันเยียน ก็รีบทักทายเขาอย่างสุภาพทันที
“คุณมาที่นี่..ทำไม?”
เย่เฉิน ถามด้วยความประหลาดใจ
มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ทำไม ไป๋ ฮันเยียน ถึงมาหาเขาอย่างกระทันหันแบบนี้?
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะมาเยี่ยม ท่านประธานเย่ และแสดงความขอบคุณเล็กๆ น้อยๆ”
“ท่านประธานเย่คะ นี่เป็นขนมที่ฉันทำเอง หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะคะ”
ไป๋ ฮันเยียน อธิบาย หลังจากการแสดงคอนเสิร์ตครั้งก่อน เธอก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และตอนนี้เธอก็กลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงแล้ว
ไป๋ ฮันเยียน รู้สึกขอบคุณ เย่เฉิน มาโดยตลอด แต่เธอก็ไม่รู้จะขอบคุณเขาอย่างไร
หากไม่มี ท่านประธานเย่ เธออาจจะยังคงเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ และไม่อาจทำตามความฝันในการเป็นนักร้องของตัวเองได้เลย
วันนี้เธอมีเวลาว่างจึงตัดสินใจทำขนมบางอย่าง และนำมามอบให้ เย่เฉิน เพื่อแสดงความขอบคุณ
ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยฐานะของ ท่านประธานเย่ ต่อให้เธอจะมอบของขวัญที่มีค่ามากแค่ไหน มันก็คงเป็นแค่ของธรรมดาๆ ในสายตาของเขา
เธอจึงคิดว่าการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจน่าจะเพียงพอแล้ว
ไป๋ ฮันเยียน จึงตั้งใจทำขนมมาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งพอใจแล้วจึงนำมามอบให้ เย่เฉิน
เมื่อรับขนมจากมือของ ไป๋ ฮันเยียน เย่เฉิน ก็เข้าใจในเจตนาของเธอทันที
“ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ด้วย”
“เข้ามาข้างในก่อนสิ”
เย่เฉิน เชิญ ไป๋ ฮันเยียน และเพื่อนสนิทของเธอให้เข้ามาในบ้าน เขาคิดว่าคงเกิดเรื่องอะไรขึ้นซะอีก
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ไป๋ ฮันเยียน จะลงมือทำขนมมามอบให้ตนเอง
เย่เฉิน รู้สึกสนใจนิดหน่อยว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร
หลังจากคอนเสิร์ตครั้งก่อน ความนิยมของ ไป๋ ฮันเยียน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
แต่ยังห่างไกลจากการเป็นนักร้องระดับแนวหน้า
ที่เหลือก็เพียงแค่ปล่อยให้ บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ของเธอช่วยผลักดันและโปรโมตให้กับเธอเท่านั้น
เย่เฉิน คิดว่าตัวเองใกล้จะทำภารกิจท้าทายระยะยาวสำเร็จแล้ว
เมื่อกลับเข้ามาในบ้าน เย่เฉิน ก็เชิญ ไป๋ ฮันเยียน และเพื่อนสนิทของเธอนั่งลง
เมื่อเห็น ไป๋ ฮันเยียน ดูมีสายตาคาดหวัง เย่เฉิน จึงได้ลองชิมขนมที่เธอทำมา
“ไม่เลวเลย”
เย่เฉิน คิดว่ารสชาติของมัน ..ดีทีเดียว
“น่าเสียดายที่คนทำขนมดีๆ แบบนี้ต้องถูกดึงไปเป็นนักร้อง..”
หลังจากพูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง ไป๋ ฮันเยียน และเพื่อนสนิทของเธอก็ลุกขึ้น และขอตัวกลับ
วันต่อมาในช่วงเที่ยง เย่เฉิน ได้รับโทรศัพท์จาก โม่ หงหรู อย่างไม่คาดคิด
“เสี่ยวเฉิน คืนนี้เธอว่างไหม?”
ทันทีที่เชื่อมต่อสาย โม่ หงหรู ก็ถามด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“คืนนี้น่าจะว่างครับ”
เย่เฉิน คิดอยู่ครู่หนึ่ง คืนนี้ดูเหมือนเขาจะไม่มีอะไรต้องทำ
เมื่อได้ยินว่า เย่เฉิน ไม่มีนัดใดๆ โม่ หงหรู จึงเชิญ เย่เฉิน มาทานข้าวเย็นที่บ้านของเขา โดยบอกว่า โม่ เมิ่งเฟย ก็จะมาที่นี่ด้วย
เนื่องจากเรื่องที่ เย่เฉิน เคยช่วยเหลือโดยการใช้เฮลิคอปเตอร์ในครั้งก่อน โม่ หงหรู จึงอยากแสดงความขอบคุณต่อ เย่เฉิน
“ได้ครับ”
เย่เฉิน พยักหน้า เนื่องจาก คุณลุงโม่ เชิญด้วยความกระตือรือร้น เย่เฉิน จึงไม่อยากจะปฏิเสธ และถึงอย่างไรคืนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ..ก็ถือว่าไปทานข้าวเย็นที่นั่น
หลังจากนัดแนะกับ โม่ หงหรู เสร็จแล้ว เย่เฉิน ก็วางสาย
แทบจะทันทีทันใดนั้น เกม [ด้วยเงินเดือนแค่สามพัน ฉันก็กลายเป็นมหาเศรษฐีของโลกได้] ก็ส่งข้อความแจ้งเตือนเข้ามา
เย่เฉิน เปิดเข้าไปดูด้วยความสงสัย
[ภารกิจท้าทาย : ตอบรับคำขอของ โม่ หงหรู และไปทานข้าวเย็นที่บ้านของ โม่ หงหรู]
[รางวัลภารกิจ : หุ้น 10% ของบริษัท Patek Philippe พร้อมตำแหน่งรองประธานบริษัทฝ่ายแรกของ Patek Philippe]
เมื่อเห็นภารกิจในเกม เย่เฉิน ก็ถึงกับอึ้งไปทันที
สถานการณ์นี้มันอย่างไรกันเนี่ย?
ภารกิจท้าทายนี้ไม่ยากเลย แต่ว่ารางวัลนี้..มันก็มากเกินไปแล้ว!
เย่เฉิน แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ
รางวัลของภารกิจนี้คือ หุ้น 10% ของบริษัท Patek Philippe ที่โอ่อ่า
[ด้วยเงินเดือนแค่สามพัน ฉันก็กลายเป็นมหาเศรษฐีของโลกได้] นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ!!!
Patek Philippe ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย นี่เป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาชั้นนำของโลก และเพียงพอที่จะติดอันดับต้นๆ ของสามอันดับแรก หรือแม้กระทั่งอันดับหนึ่งก็ตาม
ในปี 2018 Patek Philippe อยู่ในอันดับที่ 240 ในการจัดอันดับ “World Brand 500” ของ World Brand Lab
ในปี 2019 Patek Philippe ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 238
ในปี 2020 Patek Philippe ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 208
ในปีที่แล้ว และปีนี้ จากรายงาน “2020 Hurun Best of the Best – Chinese Millionaire Brand Preference Report” ที่จัดทำโดย Hurun Research Institute ระบุว่า Patek Philippe เป็นแบรนด์นาฬิกาที่คนรวยชาวจีนชื่นชอบมากที่สุด
การจัดอันดับทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศของ Patek Philippe
แต่ตอนนี้ รางวัลจากภารกิจในเกมกลับเป็น หุ้น 10% ของ Patek Philippe และตำแหน่งรองประธานบริษัทฝ่ายแรกของ Patek Philippe
รางวัลนี้มันมากเกินไปจริงๆ
ส่วนภารกิจท้าทายที่ว่า.. คือแค่ไปทานข้าวเย็นที่บ้านของ คุณลุงโม่ นี่มันเป็นภารกิจท้าทายจริงๆ นะเหรอ?
รางวัลนี้แทบจะเป็นการให้เปล่าเลยทีเดียว
“จริงสิ แล้วมูลค่ารวมของ Patek Philippe อยู่ที่เท่าไหร่?”
เย่เฉิน พูดพึมพำด้วยความประหลาดใจ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เย่เฉิน ก็ออกจากเกม และตรวจสอบข้อมูลทันที
มูลค่ารวมของ Patek Philippe อยู่ที่ประมาณ 60,000 ล้านหยวน และหุ้น 10% ก็เท่ากับ 6,000 กว่าล้านหยวน
เกมนี้แทบจะมอบเงิน 6,000 ล้านหยวนให้แก่ เย่เฉิน แบบฟรีๆ
เมื่อรวมกับ 6,000 ล้านนี้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ เย่เฉิน ก็จะเกิน 40,000 ล้านหยวน
เป้าหมายเล็กๆ ของ เย่เฉิน ในการเป็นมหาเศรษฐีแสนล้านกำลังจะสำเร็จไปได้ครึ่งทางแล้ว
หาก ไป๋ ฮันเยียน กลายเป็นนักร้องระดับแนวหน้าได้สำเร็จ และได้รับรางวัลประมาณ 15,000 ล้านหยวนจากภารกิจท้าทายระยะยาว
มูลค่าทรัพย์สินของ เย่เฉิน จะเพิ่มขึ้นไปเป็น 50,000 ล้านหยวน
แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว
และนอกจากรางวัลจากภารกิจท้าทายแล้ว ตำแหน่งรองประธานบริษัทฝ่ายแรกก็สำคัญมากเช่นกัน
รองประธานบริษัทฝ่ายแรกของ Patek Philippe เป็นบุคคลสำคัญอันดับสองของบริษัท และถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากในบริษัท
นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เย่เฉิน ก็นับได้ว่าเป็นเจ้าของ Patek Philippe คนหนึ่งแล้ว
ด้วยตำแหน่งเจ้าของ Patek Philippe เครือข่ายความสัมพันธ์ของ เย่เฉิน ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน
เย่เฉิน ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปบ้านของ คุณลุงโม่ ในทันที
Patek Philippe จ๋าา~ พี่ชายคนนี้มาแล้ว!!!
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งคาบเรียนในช่วงบ่ายสิ้นสุดลง
หลังจากเลิกเรียน เย่เฉิน ก็ขับรถตรงไปยังคฤหาสน์ของ โม่ หงหรู
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เย่เฉิน ก็ไปถึงที่นั่น
“เสี่ยวเฉิน มาแล้ว มาๆ เชิญเข้ามาเลย”
เมื่อเห็น เย่เฉิน โม่ หงหรู ก็พูดด้วยความยินดี
เย่เฉิน เดินเข้าไปในคฤหาสน์ เขาสังเกตเห็นว่าเหมือน โม่ เมิ่งเฟย และแม่ของเธอจะไม่อยู่ มีเพียง โม่ หงหรู ที่อยู่คนเดียวภายในบ้าน
เมื่อมองไปที่ชุดน้ำชาบนโต๊ะกาแฟ เย่เฉิน ก็คาดเดาได้ว่าก่อนที่เขาจะมา โม่ หงหรู คงกำลังจิบน้ำชาอยู่…
เห็นแบบนี้แล้วก็ทำให้ เย่เฉิน รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เย่เฉิน คาดเดาว่าจากบรรดามหาเศรษฐีทั้งหมดในเจียงโจว โม่ หงหรู อาจจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตสบายที่สุด
มหาเศรษฐีคนอื่นๆ ต่างก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อบริษัทของตนเอง แต่ คุณลุงโม่ กลับใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อผ่อนคลายมากมายในทุกวัน
ปัจจุบันนี้ผู้ที่บริหารกลุ่มบริษัท โม่ ..แท้จริงแล้วก็คือภรรยาของเขา เฉิน หย่าจือ ส่วนตำแหน่งประธานบริษัทเป็นของลูกสาวของเขา โม่ เมิ่งเฟย
เย่เฉิน เคยได้ยินมาว่า เฉิน หย่าจือ เป็นนักธุรกิจหญิงที่มีชื่อเสียง และมีความสามารถในด้านการบริหารจัดการเป็นเลิศ
ส่วน โม่ หงหรู นั้นเข้ามาแต่งงานในตระกูล และเขาก่อตั้งกลุ่มบริษัท โม่ ขึ้นมาด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่ภรรยานำมาจากครอบครัวของเธอ
โม่ หงหรู ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้ชีวิตแบบ ‘ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เขาไม่ได้รับการปฏิบัติแบบ ‘ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง’ แบบที่คนอื่นๆ คิด แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับภรรยาอย่างมาก