บทที่ 167 ใครส่งเจ้ามาสังหารข้า
ฟึบ!
ขณะที่หลัวเฉิงลุกขึ้นยืน ร่างหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากป่าทึบ มันเป็นชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมและมีกระบี่ยาวแขวนอยู่ที่เอว
เมื่อเขาเห็นหลัวเฉิง ดวงตาบุรุษหนุ่มหน้าเหลี่ยมก็วาวโรจน์ ไม่ช้าใบหน้านั้นก็ปรากฏรอยยิ้มอำมหิต
“ข้าไม่คิดเลยว่าข่าวนั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่พอเห็นว่าเป็นเจ้าอยู่ที่นี่! ข้าก็รู้สึกราวกับสวรรค์ตบรางวัลชิ้นใหญ่ให้!”
หลัวเฉิงมองยังชายแปลกหน้าผู้มาเยือน ก่อนที่แววตาเขาจะเผยให้เห็นความรู้สึกผิดหวัง
เดิมทีเขาคิดว่าจะเป็นตัวเต็งสิบอันดับแรก ไม่คนใดก็คนหนึ่งที่จะมาถึงก่อน
ด้วยว่าคนเหล่านั้นคือเป้าหมายสูงสุดของเขา
ทว่า ผู้ที่มาในครั้งนี้กลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าหลัวเฉิงนิ่งงัน ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมก็กล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าประหลาดใจ
“ไยเจ้าไม่หนี?”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส “ไยข้าต้องหนี?”
“โอ้? ดูท่าเจ้าคงจะเป็นคนที่ยังพอมีสติปัญญาอยู่บ้าง เพราะรู้ว่าต่อให้หนีไปไกลเท่าไหร่ก็ไม่พ้นกระมัง”
ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมแสดงสีหน้ามาดมั่นเป็นที่สุด แล้วย่างสามขุมเข้าหาหลัวเฉิงทีละก้าว มือกระชับด้ามกระบี่แล้วค่อยๆ ชักมันออกมา ขณะใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มเยือกเย็น
“ไม่ต้องกังวล กระบี่ของข้ารวดเร็วมาก! ศีรษะของเจ้าจะขาดก่อนที่เจ้าจะทันได้รู้สึกตัวเสียอีก!”
สิ้นวาจา ชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมก็แผดเสียงคำรามลั่น แล้วสะบัดกระบี่ฟันเข้าใส่หลัวเฉิงทันที
เมื่อเห็นว่าคงกระบี่ใกล้จะบรรลุถึงคอตน ดวงตาของหลัวเฉิงก็ประกายแสงวูบวาบ ทันใดก็ตอบโต้อย่างกะทันหันด้วยการชกหมัด
ปัง!
หมัดของเขานั้นรวดเร็วกว่า มันจึงกระแทกเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มด้วยใบหน้าเหลี่ยมอย่างแรง
ผลั่ก!
ชายหนุ่มใบหน้าเหลี่ยมกระอักเลือดคำโตพร้อมกับร่างที่ปลิวละลิ่วออกไปเกือบห้าจั้ง แล้วกระแทกพื้นอย่างแรง กระดูกทรวงอกแตกละเอียดยุบลงไปอย่างน่าสยดสยอง
หลัวเฉิงปรบมือรัวๆ แล้วกล่าววาจาเย้ยหยัน
“ต้องขออภัย เกรงว่าหมัดของข้าจะเร็วเกินไป”
ดวงตาของชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมเบิกกว้าง เมื่อเปิดปากคล้ายจะตอบโต้เขาก็ต้องกระอักเลือดคำโตออกมาอีกหน แล้วสิ้นใจตายในทันที
ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ!……
หลังชายหนุ่มหน้าเหลี่ยมตาย จู่ๆ ก็แว่วยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากป่าทึบ
ไม่ถึงเสี้ยวลมหายใจก็ปรากฏสามร่างพ้นป่าทึบออกมา
ผู้นำเป็นชายที่มีร่างกายกำยำ ภายใต้แพอาภรณ์เต็มไปด้วยมัดกล้าม มาตรว่าสูงประมาณหกฉื่อ แผ่กลิ่นอายอำมหิตยากหาไดเปรียบ เขามิใช่ผู้ใดอื่นแต่เป็นเฉาชิงหนึ่งในสิบตัวเต็ง!
“หลัวเฉิง!”
เมื่อเห็นหลัวเฉิง ทั้งสามร่างนั้นก็หยุดฝีเท้ากะทันหัน
“เฉาจี!”
เฉาชิงกวาดสายตามองศพที่นอนเกลื่อนอยู่ตรงพื้น ก่อนแววตาจะสะดุดอยู่กับร่างเฉาจี เขาไม่รอช้ารีบปรี่เข้าไปดูอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเฉาจีได้ตายไปแล้ว ดวงตาของเฉาชิงก็ประกายแสงเยือกเย็น ทันใดก็เหลือบมองหลัวเฉิงแล้วกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เจ้าเป็นคนฆ่าลูกพี่ลูกน้องของข้ากระนั้นหรือ?”
หลัวเฉิงไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย “แล้วถ้าใช่มันจะทำไม ต่อให้ข้าตอบว่าไม่ ก็ใช่ว่าเจ้าจะปล่อยข้าไปเสียที่ไหน”
“อวดดี กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับศิษย์พี่เฉาชิงได้อย่างไร!”
“ศิษย์พี่เฉาชิงถามเจ้าอยู่เจ้าก็แค่ตอบมาตามตรง ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบสุราลงทัณฑ์!”
ศิษย์บำรุงสำนักอีกสองคนจ้องหลัวเฉิงด้วยแววตาอาฆาตมาดร้าย
เฉาชิงโบกมือเพื่อปรามคนทั้งสอง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอำมหิต
“ไอ้หนู ความกล้าหาญของเจ้าน่ายกย่อง! มีสิ่งหนึ่งที่เจ้ากล่าวถูก ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนฆ่าคนเหล่านั้นหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างไรวันนี้เจ้าต้องตาย! แต่เพียงว่า ในเมื่อชีวิตเจ้าตกอยู่ในมือของข้าผู้นี้ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตายอย่างสบายเด็ดขาด!”
เฉาชิงย่างสามขุมเข้าหาหลัวเฉิงทีละก้าว หักข้อนิ้วเสียงดังกรอบแกรบ ในแววตาแฝงไว้ด้วยเจตนาฆ่า ระหว่างเดินก็เปิดปากกล่าวว่า
“มีอีกเรื่องที่ข้ายังไม่เข้าใจ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าทุกคนกำลังไล่ล่าเจ้าอยู่ แต่เหตุใดเจ้ายังกล้าอยู่ที่นี่โดยไม่หนีไปไหน”
หลัวเฉิงไม่ตอบ แต่ถามย้อนกลับ “ใครส่งเจ้ามาสังหารข้า”
“เฮ… นี่เจ้ารู้ด้วยหรือว่ามีคนส่งข้ามาสังหารเจ้า”
เฉาชิงเลิกคิ้วขึ้นก่อนเหยียดยิ้มกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ข้าจะบอกเจ้าไว้ก่อนเจ้าจะได้นอนตายตาหลับ คนผู้นั้นคือฉินต้าวหยวนผู้อาวุโสสำนักฝ่ายนอก! ชีวิตของเจ้าค่อนข้างมีค่า หากสังหารเจ้าจะได้รับโอสถเลือดลมสองร้อยเม็ดเป็นค่าตอบแทน!”
“แต่สิ่งที่ข้าไม่คาดคิดคือเจ้ากลับไปทำให้ผู้คนขุ่นเคืองแค้นใจไว้มากมาย จึงมีคนอาศัยเงื่อนไขการเลื่อนตำแหน่งกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอก เพื่อชักจูงให้ผู้อื่นไล่ล่าสังหารเจ้ามากขึ้น!”
“ฉินต้าวหยวน! งั้นสินะ”
หลัวเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ระหว่างการทดสอบเข้าสำนัก ผู้อาวุโสคนนี้กลับเจตนาเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาอย่งเปิดเผย
เฉาชิงกล่าวว่า “ข้าขอถามเจ้าอีกเรื่อง ไหนลองบอกข้าสิ ว่าเจ้าอยากจะตายด้วยวิธีไหน”