ตอนที่ 38 : หน่วยสี่ที่ได้รับบาดเจ็บ
ตอนที่ 38 : หน่วยสี่ที่ได้รับบาดเจ็บ
พื้นที่ชั้นล่างว่างเปล่า มันไม่มีซอมบี้ตัวใหม่เลย
หวู่เหิงนำกองทัพโครงกระดูกของเขาเดินผ่านโถงทางเดินของอาคาร และจัดการกับซอมบี้เร่ร่อน 1-2 ตัวที่พวกเขาพบได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาถึงจัตุรัสเล็กๆ ของเขตที่อยู่อาศัย เขาก็เห็นรถบัสที่ถูกคว่ำยังอยู่เหมือนเดิม
ในจัตุรัสที่ไม่ใหญ่นัก มันมีซอมบี้ประมาณ 30 ตัวที่กำลังเตร็ดเตร่ไปมาอย่างไร้จุดหมาย
“พวกเจ้าไปยืนอยู่ข้างหน้า” หวู่เหิงออกคำสั่ง
โครงกระดูกผู้ใช้หอก 15 ตัวก้าวออกไปข้างหน้า ภายใต้คำสั่งของหวู่เหิง พวกมันก็ได้ตั้งแนวหอกที่ชี้ออกไปข้างหน้าขึ้นมา
“บาเซน ไปล่อซอมบี้พวกนั้นมาทางนี้”
บาเซนก้าวออกไป และเดินไปรอบๆ จัตุรัสที่อยู่ห่างออกไป
เมื่อมันกลับมา มันก็มีซอมบี้เป็นจำนวนมากไล่หลังมา
เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว บาเซนก็ลอดตัวไปยังแนวหลังของกองทัพโครงกระดูก แต่ฝูงซอมบี้ที่ตามมาก็ได้พุ่งตรงเข้าหาเหล่าโครงกระดูกที่อยู่ในแนวหน้า
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
เหล่าซอมบี้เป็นเหมือนกับสัตว์ป่าที่มีสติปัญญาต่ำ พวกมันพุ่งเข้าใส่หอกอย่างไม่คิด ร่างกายของพวกมันถูกแทงด้วยหอกอันคมกริบ จากนั้นก็มีเลือดสีเข้มไหลออกมาจากบาดแผลของพวกมัน
การต่อสู้ไม่กินเวลานานเนื่องจากซอมบี้มีจำนวนน้อย
หลังจากซอมบี้ที่อยู่ข้างหน้าถูกสังหารไปแล้ว ซอมบี้ที่เคลื่อนไหวได้ช้าอีกบางส่วนเนื่องจากควาพิการก็เดินเข้ามาหาพวกเขาจากระยะไกลอย่างช้าๆ
“ไปจัดการกับพวกมันซะ และลากพวกมันกลับมา” หวู่เหิงตบไหล่ของสุนัขโครงกระดูกที่อยู่ข้างๆ
สุนัขล่าโครงกระดูกทั้งสี่ตัวกระโจนออกไป จากนั้นก็โรมรันเข้าใส่พวกซอมบี้ที่เหลือ
หลังจากสังหารพวกมันเสร็จแล้ว พวกมันก็ลากศพพวกนั้นกลับมา
หลังจากจัดการกับซอมบี้ทั้งหมดได้แล้ว หวู่เหิงก็เริ่มร่ายทักษะการจัดการโครงกระดูก และเหล่าโครงกระดูกก็ลุกขึ้นมา จากนั้นก็เข้าร่วมกับกองทัพโครงกระดูก
หลังจากเก็บกวาดจัตุรัสเล็กๆ เสร็จแล้ว พวกเขาก็เดินมาถึงรถบัสที่พลิกคว่ำ
คนขับถูกเข็มขัดนิรภัยรัดไว้ และดิ้นไปมาในร่างของซอมบี้
หวู่เหิงสั่งการให้โครงกระดูกของเขาไปจัดการกับมันทันที จากนั้นเขาก็ค้นรถบัสต่อ
บริเวณท้ายรถ เขาพบกับถังดับเพลิงขนาดเล็ก แม่แรงรถ ยางอะไหล่ และของอื่นๆ
เขารู้สึกว่าถังดับเพลิงและแม่แรงรถน่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเก็บพวกมันไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ของสองชิ้นนี้ก็ค่อนข้างหนัก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทิ้งมันไว้ข้างนอกและค่อยกลับมาเก็บมันทีหลัง
หลังจากวางของพวกนี้ไว้ตรงพื้นที่เปิดโล่งแล้ว หวู่เหิงและกองทัพของเขาก็ออกเดินทางต่อ
...
พวกเขามาถึงประตูทิศตะวันตกของย่านการค้า
มันยังมีซอมบี้เร่ร่อนอยู่ด้านนอกอยู่ ซึ่งน่าจะมีจำนวนประมาณ 11-12 ตัว
“พลหอกประจำการ”
โครงกระดูกผู้ใช้หอกเล็งหอกไปด้านหน้า และเตรียมโจมตี
หวู่เหิงไม่จำเป็นต้องให้บาเซนออกไปล่อพวกมันอีก เขาใช้หอกสั้นเคาะประตูเหล็กแทน
เคร้ง~!
เมื่อได้ยินเสียงดังก้อง ซอมบี้พวกนี้ก็หันศีรษะมาในทันที
หลังจากได้เห็นกองทัพโครงกระดูก พวกมันก็คำรามออกมา และเสียงคำรามของพวกมันก็ดังก้องไปทั่ว
จากมุมถนนเล็กๆ และทางเดินของอาคารใกล้เคียง มันมีซอมบี้ปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นจาก 11-12 ตัวเป็น 30-40 ตัวอย่างรวดเร็ว
ซอมบี้ทุกตัวมุ่งความสนใจมาที่ประตูหลักของย่านการค้า จากนั้นพวกมันแยกเขี้ยวและพุ่งเข้ามา
“เตรียมรับศึก”
โฮก~!
ฝูงซอมบี้กรูกันเข้ามา
หวู่เหิงยกมือขึ้นเพื่อร่ายทักษะจาระบี ทำให้ซอมบี้พวกนี้ลื่นไถลไปตามพื้น
ในเวลาเดียวกัน เหล่านักรบโครงกระดูกก็เริ่มแทงหอกออกไปด้านหน้าโดยไม่หยุดพัก
พวกมันแทงเข้าใส่ร่างของซอมบี้ ทำให้มีเลือดสีเข้มไหลออกมา
[ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +6]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - นักรบโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +3]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - นักรบโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +3]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ…]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - นักรบโครงกระดูกเลื่อนระดับเป็นเลเวล 4 ความแข็งแกร่ง +1]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - นักรบโครงกระดูกเลื่อนระดับเป็นเลเวล 3 ความทนทาน +1]
การต่อสู้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
โครงกระดูกสองตัวได้เลื่อนระดับเลเวล และแตะเลเวลสี่แล้ว ทำให้หวู่เหิงมีโครงกระดูกที่มีประโยชน์ยิ่งขึ้น
ในบรรดาโครงกระดูกที่เขาครอบครอง เหล่าโครงกระดูกที่มีเลเวลห้าขึ้นไปนั้นจะมีเพลิงวิญญาณขั้นต้นกันหมด
สิ่งนี้ทำให้เขาคาดเดาว่าเลเวลห้าคือจุดเปลี่ยนสำหรับเหล่านักรบโครงกระดูก
หากพวกมันเลื่อนระดับถึงเลเวลห้าได้ พวกมันก็จะสามารถปลดล็อคเพลิงวิญญาณขั้นต้นได้
ถ้ามันเป็นไปตามที่เขาคิดไว้ นักรบโครงกระดูกทุกตัวของเขาก็จะมีเพลิงวิญญาณขั้นต้น และเขาก็สามารถใช้โครงกระดูกพวกนี้สร้างอาณาจักรขึ้นมาได้เลย
อาณาจักรที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรและมีแรงงานจำนวนมหาศาล
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เนโครแมนเซอร์ก็ช่างน่ากลัวจริงๆ
ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด
การต่อสู้ก็ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว
ตรงหน้าประตูทางเข้า มันมีกองซากศพอยู่ และกลิ่นเลือดก็ฟุ้งไปทั่วอากาศ
เขาปล่อยให้สุนัขล่าโครงกระดูกวิ่งออกไปฆ่าซอมบี้ที่เหลืออยู่ที่เคลื่อนไหวช้า ทำให้ประตูทิศตะวันตกทั้งหมดกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
“ขนศพพวกนี้กลับไป!”
เหล่านักรบโครงกระดูกแบกร่างเปื้อนเลือดขึ้นมาจากพื้น และมุ่งหน้ากลับไปยังเขตที่อยู่อาศัย
หลังจากกองศพพวกนี้ไว้ที่ชั้นล่างแล้ว หวู่เหิงก็เริ่มใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูกเพื่อเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นโครงกระดูก
เขารอจนกระทั่งข้างนอกเริ่มมืดลง เขาได้พาโครงกระดูกของเขากลับไปที่ชั้นดาดฟ้าก่อนที่จะกลับไปยังเมืองหินดำ
…
หลังจากทานมื้อเย็นแล้ว หวู่เหิงก็เรียกเจียนอี้เข้ามาและเริ่มการฝึกดาบ
เมื่อคืนเขาได้รับการชี้แนะจากออทรัคและปรับปรุงท่วงท่าที่ยังไม่ได้มาตรฐาน
ออทรัคและคาวิน่าต่างก็ใช้ดาบ แต่พวกเขาก็มีสไตล์ที่แตกต่างกัน
ดาบของออทรัคทั้งหนัก หนา และยาว และเมื่อเหวี่ยงมัน มันก็จะทรงพลังมากพร้อมกับมีเสียงแหวกอากาศดังออกมา
เมื่อรวมกับร่างกายที่ล่ำสันของเขา ผู้คนย่อมรู้สึกว่าเขาสามารถฟาดคนอื่นให้ตายได้แม้จะใช้แค่ไม้เรียวก็ตาม
ในทางกลับกัน ดาบของคาวิน่านั้นคือดาบมือเดียว มันเรียวและบาง ดาบประเภทนี้สร้างขึ้นมาได้ยากมาก และต้องใช้ควบคู่ไปกับการต่อสู้ที่รวดเร็วและแม่นยำ
ตามความเข้าใจของเขาจากการเล่นเกม มันดูเหมือนจะเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่เน้นความเร็วในการโจมตีเป็นหลัก และกระบวนท่าดาบของเธอก็งดงามมาก
ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะมีสไตล์ที่แตกต่างกัน
และสำหรับตัวหวู่เหิงเอง เขาก็มีแนวโน้มที่จะใช้ดาบมือเดียวมากกว่า
ด้วยการเป็นนักเวท ดาบหนักจึงไม่จำเป็นกับเขา ถ้าเขาเผชิญหน้ากับอันตรายจริงๆ ดาบหนักก็อาจจะเป็นสิ่งที่ถ่วงแข้งถ่วงขาของเขาได้
หลังจากฝึกฝนกับเจียนอี้อยู่สักพัก เมื่อเห็นว่ามันดึกแล้ว เขาจึงเข้านอนในทันที
…
เช้าวันต่อมา ณ สมาคมนักผจญภัย
หวู่เหิงได้เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเป้
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นคาวิน่าที่มีผ้าพันแผลอยู่ที่แขนซ้ายกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
มันต้องพูดจริงๆ ว่าผู้คนในโลกนี้ช่างแข็งแกร่งกันจริงๆ
แม้จะได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น แต่วันนี้เธอก็ลุกไหวแล้ว
ถ้ามันเป็นคนจากโลกสมัยใหม่ พวกเขาคงต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนับครึ่งเดือน
“เจ้าไม่เป็นไรนะ?” หวู่เหิงถามด้วยความเป็นห่วง
คาวิน่าวางหนังสือพิมพ์ลง “ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันก็น่าจะหายแล้ว”
หวู่เหิงเปิดกระเป๋าเป้ หยิบเอาถุงขนมออกมา เขาฉีกซองและยื่นมันให้กับเธอ “ลองดูสิ อร่อยดีนะ”
เนื่องจากเขาเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดในหน่วย เขาจึงรู้สึกว่าอย่างน้อยเขาก็ควรจะนำอาหารมาปลอบใจเพื่อนร่วมหน่วยของเขาบ้าง
และด้วยการเข้าปะทะในระยะประชิดของคาวิน่าและออทรัค เขาจึงสามารถโจมตีจากระยะไกลได้อย่างปลอดภัยด้วย
พูดตามตรง เพื่อนร่วมหน่วยทั้งสองคนของเขาช่างไว้วางใจได้จริงๆ
คาวิน่าเลิกคิ้วขึ้น และหยิบขนมเข้าปาก “อร่อยดีหนิ”
“ข้าหยิบมาเยอะเลย กินได้ตามสบายเลย” หวู่เหิงหยิบขนมทั้งหมดออกมาจากกระเป๋าและถามต่อ “แล้วหัวหน้าล่ะ?”
“หัวหน้าประชุมอยู่ อีกสักพักน่าจะกลับมาแล้ว”
“อ๋อ”
หลังจากพูดคุยกันสักพัก ประตูห้องรับรองก็เปิดออกมาอีกครั้ง และออทรัคก็เดินเข้ามาพร้อมกับถือของบางอย่างเข้ามาด้วย
เขามองไปที่ถุงขนมบนโต๊ะน้ำชา จากนั้นเขาก็มองมาที่หวู่เหิง
เขาพูดออกมาว่า “ท่านยาซ์ดอยากพบเจ้าน่ะ”
“ขอรับ”
ในขณะที่หวู่เหิงกำลังจะเดินออกไปนั้น เขาก็ได้ยินเสียงออทรัคดังขึ้นอีก “สมาคมสนใจในอาวุธของเจ้ามาก พวกเขาคงจะถามคำถามเรื่องนี้กับเจ้า ถ้าเจ้าอยากจะพูดอะไรก็พูดออกไปได้เลย แต่ถ้าไม่อยากจะพูดอะไรก็ไม่จำเป็นต้องพูด”
ปืนพก!
สมาคมรับรู้ถึงการมีอยู่ของปืนพกแล้ว