ตอนที่แล้วตอนที่ 36 : พวกเจ้าทำได้ยังไงกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 : หน่วยสี่ที่ได้รับบาดเจ็บ

ตอนที่ 37 : ถ้าเจ้ามีเวลาก็มาหาข้าได้นะ


ตอนที่ 37 : ถ้าเจ้ามีเวลาก็มาหาข้าได้นะ

เมื่อใกล้เวลารุ่งสาง ยาซ์ดก็กลับมาพร้อมกับหน่วยนักผจญภัยทั้งสาม

เมื่อเห็นว่าพื้นถูกย้อมไปด้วยเลือดสดและมีศพที่ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าขาว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

เขาถูกล่อออกไปจากเมืองเหมือนกับคนโง่ และสมาคมนักผจญภัยก็เกือบจะล่มสลาย

ไม่ว่าครั้งนี้จะมีความสูญเสียยังไง แต่อย่างน้อยมันก็คงทำให้ตำแหน่งของเขาต้องแปดเปื้อนเป็นแน่

ภายในห้องอ่านหนังสือของยาซ์ด

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” ยาซ์ดพิงไม้เท้าและหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะถาม

รองผู้บริหาร—สลิเธอร์นั่งอยู่บนโซฟา เธอลูบตัวเสือชีตาห์และกล่าวว่า “แล้วเจ้าหวังว่ามันจะเป็นยังไงล่ะ?”

“สลิเธอร์ ข้าไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเจ้าหรอกนะ”

“มีผู้บาดเจ็บสามคน และพวกเราก็ยืนยันได้แล้วว่าคนที่ลอบเข้ามายังสมาคมนักผจญภัยนั้นมาจากโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ หนึ่งในนั้นคือป้าอู๋ตง นอกจากนี้ยังมีสมาชิกของโบสถ์อีกเจ็ดคนด้วย ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีสองจากเจ็ดคนนี้ที่เป็นสมาชิกระดับสูงของโบสถ์” สลิเธอร์รายงานการสืบสวน

ยาซ์ดขมวดคิ้ว “มีคนบาดเจ็บแค่สามคนเหรอ?”

“เจ้าผิดหวังเหรอ?”

“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” ใบหน้าของยาซ์ดเผยความเหลือเชื่อและความประหลาดใจออกมาในขณะที่เขาพูดต่อ “เจ้ากำลังจะบอกว่าสมาชิกของหน่วยสี่ทั้งสามคนได้สังหารคนจากโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ทั้งแปดไปงั้นเหรอ? และมันก็มีป้าอู๋ตงอยู่ในนั้นด้วย?”

สลิเธอร์เงยหน้าขึ้นมองยาซ์ด “ข้าเองก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่มันเป็นความจริง ศีรษะของป้าอู๋ตงถูกออทรัคตัดในกระบวนท่าเดียวเลยล่ะ”

ยาซ์ดยังคงตกใจเกินกว่าที่จะตอบสนองได้

ดูเหมือนเขากำลังพยายามสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผู้อาวุโสจากโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ที่ต้องใช้หน่วยทหารประจำเมืองหนึ่งหน่วยและหน่วยนักผจญภัยอีกสามหน่วยในการล้อมจับกลับถูกจัดการโดยหน่วยที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นมาใหม่และยังมีสมาชิกแค่สามคนเท่านั้น

สิ่งนี้ทำให้การวางแผนอย่างรอบคอบและล่อศัตรูออกไปนอกเมืองของพวกเขาดูราวกับเป็นเรื่องตลกไปเลย

“อ๊า~! ข้าคิดว่าข้าชักจะแก่ขึ้นจริงๆ ซะแล้วสิ”

สลิเธอร์พูดออกมา “เจ้าไปเจอเด็กคนนั้นมาจากไหน?”

“ใครเหรอ?” จากนั้นยาซ์ดก็มีปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว “โอ้ หวู่เหิงเหรอ? คราวนี้เขาทำอะไรอีกล่ะ?”

สลิเธอร์ยิ้ม ยืนขึ้น และปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของเธอ “แค่ถามเฉยๆ น่า เจ้าโชคดีจริงๆ คราวนี้เจ้าพบกับเด็กหนุ่มที่มีอนาคตสดใสแล้ว”

“จริงเหรอ?”

สลิเธอร์พูดต่อ “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องรอให้หน่วยหนึ่งกับหน่วยสองมีตำแหน่งว่างหรอก ย้ายยูริไปยังหน่วยสี่ได้เลย”

ยาซ์ดขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจเหรอ?”

“ใช่ ยังไงหน่วยสี่ก็ว่างอยู่แล้ว ให้เธอได้เข้าไปฝึกซ้อมมือเถอะ”

“ข้าว่ารออีกสักหน่อยเถอะ”

“เชื่อข้าเถอะ หากมันไม่ได้ผล พวกเราก็สามารถย้ายเธอได้ทุกเมื่ออยู่ดี” สลิเธอร์กล่าว

“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวข้าจัดการให้เอง”

สลิเธอร์พยักหน้าและออกไปจากห้องทันที

ส่วนยาซ์ดก็เดินมาเปิดประตู และหันไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กำลังวุ่นวายอยู่ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เจ้าไปเรียกออทรัคมาหาข้าที”

“ขอรับ”

หวู่เหิงและบาเซนกำลังเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี

การที่พวกเขาสามารถสังหารผู้อาวุโสและสมาชิกของโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ได้ พวกเขาก็น่าจะได้รับรางวัลมากพอดู

แต่เรื่องรางวัลก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งที่เขาสนใจที่สุดก็คือศพเลเวล 12

กำลังรบเทียบเท่ากับคนสามคน และร่างกายที่สามารถต้านทานกระสุนปืนได้

เรื่องแบบนี้มีแค่ในภาพยนตร์ไซไฟเท่านั้น

ถ้าเขาสามารถเปลี่ยนศพร่างนั้นให้กลายเป็นอันเดดได้ กำลังรบของเขาก็คงจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแน่นอน

ใบคำร้องขอรับโครงกระดูกตัวที่สองของเขาถูกยื่นไปก่อนหน้านี้แล้ว

เขาสงสัยว่าพวกเขาจะจัดสรรศพนี้ให้เขาหรือไม่ เพราะอาชีพอื่นๆ ก็ไม่ได้ต้องการศพ และมันก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดเมื่ออยู่ในมือของเขา

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็พาบาเซนมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านทันที

กุบกับ กุบกับ กุบกับ~!

รถม้าคันหนึ่งชะลอความเร็วข้างๆ เขา

ม่านของรถม้าเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของท่านหญิงสลิเธอร์

“เจ้าจะไปไหนเหรอ?”

เอ่อ…

“กลับไปพักขอรับ” หวู่เหิงตอบตามตรง

“เข้ามาสิ ข้าจะไปส่งเจ้า” สลิเธอร์โบกมือ

“เอ่อ… ข้าชอบออกกำลังกายในตอนเช้าน่ะ ดังนั้นข้าเลยว่าจะเดินกลับ”

“ได้สิ งั้นก็ไปคุยกันที่บ้านของเจ้าก็ได้”

“เปิดประตูเลยขอรับ เดี๋ยวข้าขึ้นไปเอง”

ในขณะที่เขาเปิดประตูและกำลังจะปีนขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับบาเซน สลิเธอร์ก็พูดออกมา “ให้โครงกระดูกของเจ้ารออยู่ข้างนอก”

“บาเซน เจ้ารออยู่ข้างนอกละกัน”

บาเซนนั่งลงข้างๆ คนขับรถม้า หมวกกลมของมันทำให้คนขับรถม้าเหลือบมองอยู่หลายครั้ง

ในทันทีที่หวู่เหิงเข้าไปในรถม้า มันก็มีกลิ่นหอมอบอุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว

มันไม่ได้แรงนัก แต่ก็หอมสดชื่นมาก

สลิเธอร์แต่งตัวสบายๆ ชุดเกราะที่เธอได้สวมใส่เมื่อคืนได้ถูกวางไว้ข้างๆ เก้าอี้ของเธอแล้ว

เธอดูราวกับราชินีที่สง่างามและแสนเกียจคร้าน แต่ก็ดูเป็นผู้ใหญ่มาก

ส่วนเสือชีตาห์ของเธอก็นอนอยู่แทบเท้าของเธอ มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลย แต่สายตาของมันก็จับจ้องมาทางนี้

สลิเธอร์หยิบแก้วไวน์ขึ้นมา รินไวน์ใส่แก้วสองใบ จากนั้นก็ยื่นให้หวู่เหิงหนึ่งแก้ว

“เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น?”

หวู่เหิงเหลือบมองสาวงามผู้แสนเย้ายวนผู้นี้และกล่าวว่า “เดี๋ยวหัวหน้าจะเขียนรายงานส่งให้ขอรับ ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไรเหมือนกัน”

“พูดมาตามสบายเถอะ ทำเหมือนว่าพวกเรากำลังพูดคุยกันตามปกติ”

ข้าไม่เชื่อหรอก!

หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็พูดออกมาว่า “เมื่อคืนนี้ ข้าพบศัตรูนอกห้องฝึก หลังจากสังหารมันพร้อมกับโครงกระดูกของข้าแล้ว ข้าก็ไปช่วยคาวิน่าและหัวหน้าต่อ”

เขาพูดจาคลุมเครือ แต่ก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

“ศพที่อยู่นอกห้องฝึกคือคนแรกที่เจ้าพบงั้นเหรอ?” สลิเธอร์เอียงตัวไปด้านข้างบนโซฟาไม้

“ใช่แล้ว เขาเป็นนักดาบน่ะขอรับ”

“แล้วเจ้าสังหารเขาได้ยังไง?”

“โครงกระดูกไม่ได้รับผลจากความมืด และข้าก็เป็นนักเวท ดังนั้นการต่อสู้แบบสองรุมหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หวู่เหิงอธิบาย

“อ๋อ” สลิเธอร์พยักหน้ารับ จากนั้นเธอก็มองมาที่เขาอีกครั้งและพูดออกมาเบาๆ ว่า “ในอนาคตก็จงระวังตัวไว้ให้ดี โบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ได้สูญเสียผู้อาวุโสไปคนหนึ่งแล้ว และมันก็อาจจะมีการแก้แค้นได้”

“ขอบคุณที่เตือนข้าขอรับ ท่านผู้บริหาร”

หลังจากหวู่เหิงกล่าวขอบคุณเธอแล้ว เขาก็มีคำถามหนึ่งโผล่ขึ้นมาในใจ และเขาก็ถามออกมาทันที “ในการต่อสู้เมื่อคืน จู่ๆ ผู้อาวุโสแห่งโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์นั้นก็มีเกล็ดงอกออกมาปกคลุมร่างกาย มันเป็นทักษะงั้นเหรอ?”

สลิเธอร์คือทูตลับแห่งสมาคม

เธอได้รวบรวมข้อมูลและความลับต่างๆ ไว้ทุกชนิด ดังนั้นแม้เธอจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ แต่เธอก็ต้องรู้อะไรบ้างอย่างแน่นอน

อย่างน้อยก็คงจะมากกว่าเขา

สลิเธอร์ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ ก่อนที่เธอจะพูดต่อ “มีข่าวลือว่าผู้อาวุโสแห่งโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์—ป้าอู๋ตงได้ปลุกพลังสายเลือดของเขาในกรงทาสสัตว์อสูรได้ ทำให้เขาได้รับความสามารถที่คนปกติไม่มี บางคนก็บอกว่ามันคือมังกรดำในตำนาน และบางคนก็บอกว่ามันคืออสรพิษปีศาจ”

“แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด บางทีแม้แต่ป้าอู๋ตงเองก็คงจะไม่รู้เหมือนกันว่าเขาได้สืบทอดอะไรมา”

สายเลือด?

มังกรดำ? อสรพิษปีศาจ?

ในโลกเวทมนตร์เช่นนี้ แนวคิดเรื่องการปลุกสายเลือดขึ้นมานั้นก็เป็นที่ยอมรับได้

แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นมังกรหรืออสรพิษหรืออะไรก็ตาม พวกมันสามารถให้กำเนิดทายาทเป็นมนุษย์ได้ยังไงกัน?

แม้ว่าจะแค่เล็กน้อย แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อความรู้ที่เขาได้เรียนมาจากตำราต่างๆ อยู่ดี

“เข้าใจแล้วขอรับ” หวู่เหิงพยักหน้าเข้าใจ

เขาไม่อาจแสดงความสับสนได้มากเกินไป เพราะมันอาจจะทำให้เขาดูเหมือนไม่รู้อะไรเลยได้

รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น

เสียงของคนขับรถม้าดังขึ้น “ท่านหญิง พวกเราอยู่ในเขตชุมชนแออัดแล้วขอรับ”

“ขอบคุณท่านหญิงสลิเธอร์มากที่มาส่งข้า ข้าขอตัวก่อนล่ะ” หวู่เหิงยืนขึ้นและพูดออกมา

“อืม ถ้าเจ้ามีเวลาก็มาหาข้าที่แมวนำโชคได้ ข้าจะแนะนำสาวๆ น่ารักให้กับเจ้าเอง”

“เอ่อ… ขอรับ”

หวู่เหิงลุกขึ้น ลงจากรถม้า และเดินกลับไปยังที่พักของเขาพร้อมกับบาเซน

จากนั้นรถม้าที่อยู่ทางด้านหลังก็เลี้ยวรถและจากไป

...

เมื่อมาถึงบ้านแล้ว หวู่เหิงก็รู้สึกล้าไปทั่วร่าง

หลังจากทานมื้อเช้าแบบง่ายๆ แล้ว เขาก็บอกให้บาเซนเฝ้าอยู่ที่ประตู จากนั้นเขาก็ขึ้นเตียงนอนทันที

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา มันก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังโลกซอมบี้ทันที

ภายในห้องนั่งเล่น บาเซนได้ถอดชุดเกราะออก เผยให้เห็นโครงกระดูกช่วงบริเวณหน้าอก

กระดูกซี่โครงของมันหักไปซี่หนึ่ง และมีกระดูกซี่โครงอีกสองซี่ที่อยู่ข้างๆ มีรอยร้าวด้วย

นี่เป็นผลมาจากการโจมตีด้วยเข่าของป้าอู๋ตงในการต่อสู้เมื่อคืน

ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ มันก็คงจะทายาและให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ แต่เมื่อมันกลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว มันก็ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น

หวู่เหิงหาม้วนเทปสีแดงและพันบริเวณที่บาเซนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ข้าจะหาวิธีซ่อมแซมกระดูกให้เจ้านะถ้ามีโอกาส ตอนนี้ก็ทนไปก่อนละกัน”

เนโครแมนเซอร์เองก็เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนักเวท ดังนั้นมันคงมีวิธีซ่อมแซมร่างกายให้กับพวกโครงกระดูกแน่ๆ แต่หวู่เหิงที่เป็นเนโครแมนเซอร์หน้าใหม่ก็ยังไม่รู้วิธีพวกนั้น

ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้คือให้บาเซนอดทนไปก่อน เมื่อเขารู้วิธีแล้ว เขาจึงจะช่วยมันได้ในภายหลัง

หลังจากจัดการกับบาเซนแล้ว เขาก็ตรงไปที่ชั้นดาดฟ้าทันที

เหล่านักรบโครงกระดูกยืนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ และมีสุนัขโครงกระดูกสี่ตัวที่มีขนาดแตกต่างกันวิ่งไปมาพร้อมกับกระดิกหาง

หวู่เหิงหยิบเอาแผนที่ออกมาดู จากนั้นก็ชี้ไปยังตำแหน่งของถนนคนเดิน

สุนัขกลายพันธุ์ทั้งสามตัวที่ขวางทางอยู่ถูกเขาจัดการไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นได้แล้ว และมันก็น่าจะมีร้านอัญมณีอยู่บนถนนเส้นนั้น

ในโลกต่างๆ เงินตราย่อมสามารถแก้ไขปัญหาได้กว่า 99%

หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ออกคำสั่งทันที “ตามข้ามา”

แกร๊ก!

กองทัพโครงกระดูกเริ่มขยับตามเขาและมุ่งหน้าลงไปยังชั้นล่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด