ตอนที่แล้วตอนที่ 24 : เขาไม่กล้าให้หมอเทวดาคนนี้ใช้เข็มแทงเสี่ยวซื่อหรอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 : ก็แค่ยุคโบราณที่โรคร้ายละบาด แต่งงานและมีลูกเร็ว

ตอนที่ 25 : ชาติก่อนฉันฝึกฝนจนชำนาญแล้ว


[โอ้ แม่ช่างใจดีจริงๆ แต่ถ้าพ่อ พี่ชาย และพี่สาวยังไม่ได้กินข้าว แม่ก็คงยังไม่ได้กินเหมือนกัน]

[งั้นแม่ไปกินข้าวด้วยเถอะค่ะ เรียกแม่นมมาป้อนหนูก็ได้]

[หนูเป็นเด็กดีนะคะ!]

หยุนฟูเหรินรู้สึกซาบซึ้งใจ อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบที่หน้าผากของนาง

"แม่ งั้นหนูไปเรียกแม่นมมาดีกว่า แม่จะได้ไปกินข้าวกับพวกเราด้วย"

หยุนว่านเหยาพูดด้วยความรู้สึกผิด นางโตขนาดนี้แล้ว กลับคิดไม่รอบคอบเท่าน้องเล็ก นางไม่ได้นึกถึงเลยว่าแม่ก็ยังไม่ได้กินอะไร ช่างไม่กตัญญูเสียจริง

หยุนฟูเหรินปฏิเสธเบาๆ "ไม่ต้องหรอก แม่จะป้อนเสี่ยวซื่อเอง พวกเจ้าบอกให้คนเอาข้าวมาส่งที่นี่ก็พอ"

"งั้นก็ได้ค่ะ"

พ่อลูกทั้งสามไม่ได้ยืนกรานต่อ ไม่นานก็ผลักประตูออกไป หยุนฟูเหรินบีบน้ำนมใส่ชาม ใช้ช้อนค่อยๆ ป้อนนาง พลางคุยกับนางไปด้วย

แม้เสี่ยวซื่อจะพูดไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ในใจก็จะต้องตอบสนองแน่นอน

"เสี่ยวซื่อจ๋า เจ้าหมดสติกะทันหัน ทำเอาพ่อกับแม่ตกใจแทบแย่ ถึงตอนนี้เจ้าจะฟื้นแล้ว แต่แม่ก็ไม่รู้ว่าเจ้ายังมีอะไรหรือเปล่า แม่ยังกังวลอยู่ตลอด"

แน่นอน พอนางพูดจบ หยุนว่านหนิงก็ตอบในใจทันทีขณะดื่มนม

[ขอโทษนะคะแม่ หนูไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่ตกใจ ก็หนูพูดไม่ได้นี่คะ ไม่มีวิธีอื่นจะช่วยพ่อ เลยต้องใช้วิธีนี้]

[แล้วก็นะคะ การกลั้นหายใจเป็นวิชาฝึกฝนชั้นสูงของนักพรตเต๋า มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย รักษาโรค และยืดอายุ]

[ชาติก่อนหนูฝึกฝนจนชำนาญแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่เป็นอันตราย ยังมีประโยชน์มากด้วยนะคะ]

[แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก พอหนูโตขึ้น จะสอนวิชาลับนี้ให้แม่เองค่ะ]

ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หยุนฟูเหรินแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อนึกถึงคำพูดท้ายๆ ในใจของหยุนว่านหนิง นางก็ยิ้มแย้มด้วยความปลื้มปีติ ทารกน้อยช่างคิดถึงนางเสมอ เป็นลูกสาวที่น่ารักจริงๆ

หลังจากทุกคนในครอบครัวกินข้าวเสร็จ พี่ชายและพี่สาวก็นั่งอยู่ข้างเตียงเล่นกับหยุนว่านหนิง

ส่วนหยุนเจิ้งถูกเรียกตัวไป

ในห้องหนังสือ ชายร่างใหญ่กำยำยืนอยู่หน้าโต๊ะ ราวกับภูเขาลูกน้อย ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายดุดันเหี้ยมเกรียม

เมื่อเห็นหยุนเจิ้ง เขาก็ประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม

"นายท่าน!"

หยุนเจิ้งโบกมือ พูดว่า "เป็นอย่างไรบ้าง? สถานการณ์เป็นยังไง?"

"นายท่านช่างคาดการณ์แม่นยำจริงๆ ข้าน้อยทำตามคำสั่งนายท่าน ส่งนกพิราบสื่อสารไปหารองแม่ทัพไผ่ วางกำลังโจมตีจากสองด้าน สามารถจับกลุ่มนักฆ่าได้ที่เนินต้นหลิวแดง"

"จากการสังเกตของข้าน้อย พวกนี้มาเพื่อลอบสังหารนายท่านจริงๆ"

เสินถูรู้สึกเคารพนับถืออย่างสุดซึ้ง คิดไม่ออกเลยว่านายท่านกลับมาคราวนี้ก็ปิดประตูไม่ออกไปไหนหลายวัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่ามีนักฆ่าซุ่มอยู่ที่เนินต้นหลิวแดง

โชคดีที่นายท่านคาดการณ์ล่วงหน้าและวางแผนรับมือไว้ ไม่เช่นนั้น หากเดินทางไปค่ายทหารตามกำหนดวันนี้ คงถูกลอบโจมตีแน่

ถ้าเป็นเช่นนั้น ผลลัพธ์คงไม่อาจคาดเดาได้

"มีการสืบหาที่มาของพวกนั้นหรือไม่?"

หยุนเจิ้งขมวดคิ้ว หลายปีก่อนเขาช่วยฮ่องเต้องค์ก่อนกำจัดอิทธิพลตระกูลใหญ่ ทำให้ขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่โกรธแค้น มีคนอยากกำจัดเขาไม่รู้กี่คน มีการลอบสังหารบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ

แต่ในใจของเสี่ยวซื่อ พวกนี้กลับสำเร็จ แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ธรรมดา

"ข้าน้อยไร้ความสามารถ ยังสืบไม่พบ"

พวกนักฆ่าเห็นว่าภารกิจล้มเหลวและถูกล้อมโจมตี ก็แยกย้ายหนีกระเจิง ส่วนที่ถูกจับได้ก็กัดแคปซูลยาพิษฆ่าตัวตาย ไม่เหลือใครรอดชีวิตสักคน

เขากับรองแม่ทัพไผ่ตรวจสอบศพแล้ว นักฆ่าพวกนี้ล้วนไม่มีลิ้น บนร่างกายก็ไม่มีเครื่องหมายใดๆ ไม่สามารถสืบหาที่มาได้เลย เสินถูรู้สึกปวดหัวมาก

"สืบต่อไป บอกจงหลี่ด้วย ให้เขาช่วยเจ้า จนกว่าจะสืบได้"

หยุนเจิ้งไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องที่ไม่มีร่องรอยให้สืบได้เลยในโลกนี้

"ขอรับ"

จวนไท่เว่ย

ผ่านไปหลายวันแล้วตั้งแต่ซูเชี่ยนเสวียตื่นขึ้นมา

ในที่สุดนางก็เข้าใจสถานการณ์ ที่แท้นางไม่ได้ถูกพี่ชายอันดับหนึ่งทำให้สลบแล้วส่งไปกองถ่าย แต่เป็นการข้ามมิติมาในนิยาย

"บ้าจริง ข้ามมิติก็ข้ามมิติเถอะ แต่ทำไมต้องให้ฉันมาเป็นนางร้ายด้วย?"

อะไรกัน เจ้าของร่างเดิมนี้เป็นแค่ตัวประกอบที่ทำให้พระเอกนางเอกรักกันเท่านั้นเอง

มีฐานะเป็นคู่หมั้นของพี่ชายนางเอก แต่กลับไปชอบพระเอก คอยก่อเรื่องต่อต้านนางเอก ยั่วยวนพระเอก สุดท้ายทำให้พระเอกโกรธ ตายอย่างน่าอนาถ

แต่ใครจะรู้ว่าระหว่างนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝัน

พระเอกส่งคนมาสั่งสอนเจ้าของร่างเดิม แต่นางกลับตกใจจนป่วย มีไข้สูงหลายวันไม่ยอมลด ทำให้นางข้ามมิติมาแทนที่

"เจ้าของร่างเดิมนี่ช่างโง่จริงๆ ผู้ชายในโลกมีตั้งมากมาย ไปชอบใครก็ไม่ว่า แต่ทำไมต้องไปชอบพระเอกด้วย?"

"ฉันจะต้องตายเพราะนางแน่ๆ ไม่ได้ๆ ต่อไปนี้ฉันต้องเงียบๆ ไว้ ไม่ไปยุ่งกับพระเอกนางเอกเด็ดขาด ไม่อยากจบแบบเดียวกับเจ้าของร่างเดิม"

นึกถึงจุดจบของเจ้าของร่างเดิม ซูเชี่ยนเสวียก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

แย่จริง น่าเสียดายที่นางข้ามมิติมาช้าไป ตอนนี้เจ้าของร่างเดิมได้ทำลายชื่อเสียงนางเอกและยั่วยวนพระเอกไปแล้ว ทำให้ถูกพระเอก นางเอก และเพื่อนๆ ของนางเอกเกลียดชัง

หากนางอยากกู้ภาพลักษณ์คงไม่ใช่เรื่องง่าย

"ช่างเถอะๆ ข้ามมิติมาหลายวันแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเมืองเฮ่าจิงเป็นอย่างไร ออกไปดูก่อนดีกว่า เรื่องอื่นๆ ค่อยคิดทีหลัง"

[ฮือ...]

[ไม่แปลกใจเลยที่ฝันร้ายทั้งคืนนอนไม่หลับ ที่แท้วันนี้เป็นวันที่ชะตาของพระเอกนางเอกจะผูกพันกัน]

[ฮือ เนื้อเรื่องบ้านี่กำลังจะเริ่มแล้ว สิ่งที่ควรมาก็ห้ามไม่อยู่!]

เช้าวันรุ่งขึ้น ที่เรือนว่านอัน

หยุนว่านหนิงเพิ่งตื่นนอน เสียงในใจก็ถอนหายใจไม่หยุด ใบหน้าน้อยๆ ยู่ยี่เหมือนลูกมะนาว

ทุกคนในครอบครัวกำลังกินข้าว เมื่อได้ยินเสียงในใจที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทุกคนก็ตั้งหูฟังอย่างเงียบๆ หยุนว่านเหยาก้มหน้าดื่มน้ำซุป ฟังอย่างตั้งใจที่สุด

หยุนว่านหนิงกังวลมาก หันไปเห็นทุกคนในครอบครัวกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็ยิ่งกังวลขึ้นไปอีก

[กินๆๆ รู้จักแต่กิน]

[ไฟไหม้คิ้วแล้ว พวกท่านยังกินลงอีก]

ทุกคนในครอบครัว: "......"

ทุกคนมองตะเกียบในมือ แล้วมองอาหารบนโต๊ะที่กินไปครึ่งหนึ่งแล้วอย่างเก้อเขิน

งั้น จะกินต่อหรือไม่กันล่ะ?

หยุนว่านเย่กลืนน้ำลาย เกือบจะสำลัก ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ อาหารในปากจะกลืนก็ไม่ได้ ไม่กลืนก็ไม่ได้

[หลังจากนางเอกเสียตัวให้พระเอก นางไม่กล้าแต่งงานกับพี่ชาย จะหาวิธีถอนหมั้น]

[แต่งานหมั้นหมายนี้กำหนดไว้นานแล้ว จวนหนิงกั๋วกงและจวนไท่เว่ยก็ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา การถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำผิดก่อน]

[แต่นางเอกจะยอมเสี่ยงชื่อเสียงของตัวเองเพื่อยกเลิกการหมั้นหมายได้อย่างไร?]

[ที่นี่ไม่ใช่ศตวรรษที่ 21 นะ หากสตรีที่ยังไม่แต่งงานเสียชื่อเสียง ชีวิตนี้ก็จบเลย ดังนั้น ผู้ที่ทำผิดจึงต้องเป็นพี่ชายเท่านั้น]

[นางจะวางแผนทำลายชื่อเสียงของพี่ชาย ตอนนั้น แม้แต่จวนหนิงกั๋วกงก็จะมีชื่อเสียงเสียหาย บีบให้พ่อแม่ต้องยอมยกเลิกการหมั้นหมาย และต้องขอโทษนางด้วย]

(จบตอนที่ 25)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด