ตอนที่แล้วดาบที่รอการลับคม (21)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปความฝันแรก (1)

ดาบที่รอการลับคม (22)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

<เรื่องราวของอารอน  ตอนที่ 16>

2. ดาบที่รอการลับคม (22)

****

“.....”

ที่นั่น….

ทะเลอันมืดมิด

มันเป็นมิติที่ซึ่งแนวคิดและความคิดบางอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมนุษย์ปกติไม่สามารถรับรู้ได้

ซ่า

คลื่นแรงซัดเข้ามา

อนุภาคสีดำจำนวนมากแตกและกระจายไป

ในฟองคลื่นแต่ละลูกมีความเข้าใจนับไม่ถ้วน

ในแต่ละระลอกคลื่นมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากมาย

'สถานที่แห่งนี้คือ…”

ชายคนนั้นรู้

มันคือสถานที่ที่เขาเคยยืมพลังมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อตอนที่เขายังไม่รู้แม้แต่วิธีจับดาบ

มันเป็นทะเลที่รวบรวมแนวคิดของศิลปะการต่อสู้ในทุกระดับ

จากจุดเริ่มต้นสู่อนาคตอันไกลโพ้น

ทุกอย่างเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้หลับใหลอยู่ในทะเลนี้

ตั้งแต่เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงหลักการที่สามารถเจาะทะลุจักรวาล

'อย่างนี้นี่เอง'

มันเป็นไปไม่ได้ที่ชายคนนั้นจะยืมพลังจากทะเลนี้มาทั้งหมด

มันเป็นแบบนี้มาตลอด

เขาทำได้เพียงมองและเลียนแบบอย่างผิวเผิน

ชายคนนั้นยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ

และเขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ถ้าเขาได้เรียนรู้การใช้ดาบเร็วกว่านี้ เขาอาจจะสามารถควบคุมคลื่นในทะเลนี้ได้บ้าง

แต่ในไม่ช้าเขาก็เปลี่ยนความคิด

ถ้าเขาได้รับพลังโดยไม่มีเป้าหมาย พลังนั้นคงจะเปลี่ยนใจของเขาให้กลายเป็นปีศาจ

ดาบที่ไร้ความหมายก็เป็นเพียงเครื่องมือสังหารเท่านั้น

ก็จริงอยู่ที่เขาต้องการมัน

เพียงเเต่เขาต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการชักดาบนี้

ถ้าเขามีเหตุผลนั้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องลังเล

แค่เพียงเล็กน้อย

เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว

ชายคนนั้นปล่อยให้ร่างกายของเขาจมลงไปในคลื่นที่ซัดสาดอย่างรุนแรง

ในไม่ช้า ร่างกายของเขาก็ตกลงไปในทะเลสีเข้ม

บุ๋ง บุ๋ง

มองไม่เห็นอะไรเลย

เขาไม่สามารถหายใจได้

นี่อาจเป็นภาพสุดท้ายที่ชายคนนั้นเห็น

ก่อนที่ร่างกายของเขาจะจมลงสู่ก้นทะเลลึก ชายคนนั้นมีบางอย่างที่ต้องทำ

ชายคนนั้นลืมตาขึ้น

"..."

แสงกลับมาสู่ดวงตาที่เคยมืดมัวของชายคนนั้น

ดาบของกษัตริย์กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ด้วยเจตจำนงอันแรงกล้า เส้นประสาทของเขาถูกเผาไหม้และทำให้แขนของเขาขยับได้

ในมือขวาของเขามีดาบเหล็กเก่า ๆ อยู่

'มองเห็นแล้ว'

ตอนนี้โลกทั้งใบถูกทาสีด้วยสีต่างๆ

ชายคนนั้นสังเกตเห็น

สิ่งที่เขาเห็นคือโลกแห่งศิลปะแห่งการต่อสู้

ประสาทสัมผัสที่เหนือกว่าการรับรู้

เช่นเดียวกับคนหูหนวกที่อุทิศทั้งชีวิตให้กับดนตรี เขามองเห็นดนตรีด้วยตาที่ว่างเปล่าของเขา

เช่นเดียวกับที่นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ค้นพบทฤษฎีสามารถรู้สึกถึงสูตรทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนผ่านทางเสียง

แนวคิดที่ซับซ้อนได้บุกรุกและแทรกซึมเข้าสู่ขอบเขตของประสาทสัมผัส

แนวคิดที่ซับซ้อนได้ทะลุผ่านขอบเขตของการรับรู้และเข้ามาในประสาทสัมผัสของเขา

สีแดง สีดำ สีน้ำเงิน

โลกของชายคนนั้นถูกแต่งแต้มด้วยสีสันที่สดใส

ชายคนนั้นเข้าใจความหมายของสีเหล่านั้นโดยสัญชาตญาณ

มันเป็นพื้นที่ที่ถูกวาดโดยจุดตัดของดาบและวิถีดาบ

'ถ้าเหวี่ยงดาบไปในพื้นที่สีแดง สถานการณ์จะแย่ลง'

ดวงตาของชายคนนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

เขามองสีของโลกและเข้าใจความหมายของมัน

'ถ้าเหวี่ยงดาบไปในพื้นที่สีดำ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน'

สีแดงคือเส้นแบ่งเขตอันตราย

สีดำคือเส้นแบ่งความตาย

น่าเสียดายที่มีพื้นที่สีน้ำเงินน้อยมาก

และพื้นที่นั้นก็ลดลงเรื่อยๆ

"..."

ตอนนี้ แทบจะไม่มีพื้นที่สีน้ำเงินเหลืออยู่แล้ว

ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่สีแดงและสีดำกดทับไหล่ของเขา

เขาไม่มีโอกาสชนะแล้ว

'ยังไม่ถึงเวลา'

ชายคนนั้นรอคอย

ช่วงเวลาหนึ่งที่จะมาถึงอย่างแน่นอน

โลกถูกปกคลุมไปด้วยสีดำ

ไม่มีแม้แต่แสงสีแดง

สีดำ

สีดำเข้ม

ความตาย

ดาบของกษัตริย์อยู่ใกล้แค่เอื้อม

ใบมีดจะแยกคอและลำตัวของชายคนนั้นออกจากกันในไม่ช้า

และภายในนั้น

ในความมืดมิดซึ่งมองไม่เห็นสิ่งใด

มีแสงอันสุกใสปรากฏขึ้น

ดาบของชายคนนั้นตัดผ่านแสง

ในเวลาเดียวกัน.

“ก๊ากกก!”

พระหัตถ์ขวาของพระราชาทรงถือดาบกระอักเลือดออกมา

กษัตริย์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน

กษัตริย์มองชายคนนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า

"เดี๋ยว! เดี๋ยว! รอก่อน...!"

ชึ้บ!

เส้นสีขาวปรากฏขึ้นบนคอของมัน

"เดี๋ยว หยุด...!"

ตุ๊บ

หัวของกษัตริย์ที่ถูกตัดขาดตกลงพื้น

ร่างที่ไร้วิญญาณระตุกอย่างรุนแรง จากนั้นก็คุกเข่าลงและล้มลง

'จบแล้วสินะ'

แกร๊ง

ดาบที่ชายคนนั้นถืออยู่ตกลงพื้น

มันเป็นดาบเหล็กที่หักไปครึ่งหนึ่ง

ดาบแตกออกเป็นสองส่วนทันทีที่มันตกลงพื้น

ฟู้ว!

เปลวไฟได้มาถึงห้องบัลลังก์แล้ว

มันล้อมรอบร่างของชายคนนั้นและกษัตริย์ไว้หมดแล้ว

".....”

ไม่รู้สึกร้อน

ไม่รู้สึกเจ็บปวด

มีเพียงความหนาวเหน็บที่เข้ามาเท่านั้น

เขาขยับตัวไม่ได้

ความเย็นที่เริ่มต้นจากปลายเท้า ไต่ขึ้นมาตามต้นขา ทำให้หน้าท้องแข็ง และตอนนี้กำลังขึ้นมาถึงศีรษะ

เปลือกตาของชายคนนั้นกระตุก

เขาอยากพักผ่อน

เขาอยากจะจบทุกอย่าง

“คุณอยู่ที่นี่หรือเปล่านิรนาม?! นิรนาม!”

เสียงตะโกนของใครบางคนขัดจังหวะการพักผ่อนของเขา

“ถ้าได้ยินได้โปรดตอบด้วย!”

เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ

ชายคนนั้นมองไปที่ทางเข้าห้องบัลลังก์

เหนือกำแพงเพลิง มีคนยืนอยู่

"ท่านนิรนาม?”

"..."

"รอเดี๋ยวนะ! ฉันจะเข้าไปช่วยเดี๋ยวนี้..."

"หยุด"

ชายคนนั้นพูด

อาจเป็นเพราะภาพพร่ามัว

เขามองไม่ค่อยเห็น

แต่เขาได้ยินเสียงของชายหนุ่ม

เด็กนั้นน่าจะชื่อเบียน

"ทำนายถึงมาอยู่ที่นี่?"

ตามปกติแล้ว เขาควรจะปกป้องผู้อพยพที่ประตูทิศใต้

ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ การฆ่ากษัตริย์ก็ไม่มีความหมาย

"ผมมาเพื่อบอกคุณว่า เราชนะแล้ว! พวกเรา... ปกป้องผู้อพยพได้แล้วครับ!"

"ทำได้ยังไง?"

"นักสู้คนอื่นๆ มาช่วยพวกเราครับ! พวกเราทุกคนไม่ได้ไร้ค่า!"

อย่างนี้นี่เอง

มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

ในขณะที่ไคนิลและคนอื่นๆ กำลังต่อสู้กับทหารยามที่ประตูทิศใต้

นักสู้ที่หนีออกมาได้ในภายหลังได้เข้าร่วมกับฝ่ายไคนิล

"ต้องขอบคุณคุณมากนะครับ ถ้าคุณไม่ได้ล่อทหารยามในสนามประลอง เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น กองทัพของพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจผิวขาวกระจัดกระจายไปหมดแล้ว บางที..."

ไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบ

เพราะกษัตริย์หายตัวไป

ขุนนางผิวขาวไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวด้วยความภักดีหรือความจงรักภักดี

เหตุผลที่พวกเขาทำตามกษัตริย์ก็เพราะกษัตริย์มอบอาหารที่เป็นมนุษย์ในเมืองและความบันเทิงจากการต่อสู้ในสนามประลอง

ตอนนี้ชีวิตและความตายของกษัตริย์ยังไม่ชัดเจน ขุนนางขาวจึงไม่ต่อสู้กับมนุษย์ด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ เช่น การแก้แค้น

พวกมันกำลังยุ่งอยู่กับการเอาตัวรอด

ถ้ากษัตริย์ปรากฏตัวอีกครั้ง พวกมันอาจจะรวมตัวกันอีกครั้งก็เป็ยได้ แต่ความเป็นไปได้นั้นก็หายไปแล้ว

เมืองนี้เป็นอิสระจากการควบคุมของกษัตริย์

"ต้องขอบคุณคุณนะครับ! คุณเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเมือง ของพวกเรา!"

เบียนตะโกนมาจากเหนือเปลวไฟ

"แต่ว่า ก่อนอื่น ผมจะช่วย..."

"อย่าเข้ามา"

ชายคนนั้นพูด

"ยังไงฉันก็ต้องตาย"

ไม่ว่าจะถูกไฟคลอกตายหรือหมดแรงตาย

โชคชะตาของชายคนนั้นถูกกำหนดไว้แล้ว

แม้ว่าเบียนจะมาช่วยเขา เบียนก็คงตายด้วยกันเท่านั้น

“ตะ แต่…”

"ฝากบอกเขาด้วยว่า ถ้าเขาลืมความตั้งใจเดิม ฉันจะลุกจากหลุมศพและฆ่าเขา"

เบียนหยุดพูด

เด็กคนนั้นก็รู้เช่นกัน

เขาคงเห็นภาพของชายคนนั้นที่เต็มไปด้วยเลือดท่ามกลางเปลวไฟ

ไม่มีบาดแผลไหนที่ไม่ลึก

เขาควรจะตายไปนานแล้ว

เขากำลังยืดเวลาแห่งความตายออกไปด้วยเจตจำนงอันแรงกล้า

แต่มันก็ใกล้จะจบลงแล้ว

ชายคนนั้นพร้อมที่จะยอมรับความตาย

ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว

"นายเข้าใจใช่ไหม?"

ชายคนนั้นพูดขณะมองไปที่เบียน

เบียนก้มหน้าลงนิ่ง

"ถ้าอย่างนั้น... ได้โปรดบอกผมได้ไหม?"

"..."

"บอกชื่อของคุณ บอกชื่อของคุณให้ผมฟัง ผมจะจดจำมันไปชั่วชีวิต!"

ชื่อเหรอ

เขาไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว

เบียนตะโกน

"ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นชื่อที่คุณเคยทิ้งไปแล้ว หรือแม้แต่ชื่อที่คุณเพิ่งสร้างขึ้นมาตอนนี้ก็ได้ พวกเรา เรา... อยากจะจดจำ อยากจะมีหลักฐานว่าคุณคยมีตัวตน ผมไม่อยากให้มันเป็นแค่เรื่องตลกที่เรียกคุณว่านรินาม!"

"นายนี่พูดเก่งจริงๆ"

“ถ้าอย่างนั้นก็บอกผมมาเถอะนะครับ!”

ชายคนนั้นคิด

ชื่อนั้นมีความหมายอะไร?

ชื่อเป็นหลักฐานของชีวิตที่คนๆ นั้นผ่านมาหรือไม่

หรือมันคือสิ่งที่เจ้าของชื่ออยากจะเป็น?

ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็คงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

ชายคนนั้นก็เคยมีชื่อ

ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้

เขาเคยหวงแหนมัน แต่เขาสาบานว่าจะทิ้งมันไป

ถ้าอย่างนั้น

นั่นก็ไม่ใช่ชื่อของเขา

'ชื่อของเขา'

เบียนมองชายคนนั้นด้วยสายตาจ้องมองชายคนนั้นด้วยสายตาแน่วแน่

เปลวไฟลุกลามไปใกล้ชายหนุ่มแล้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ขยับไปไหนถ้าไม่ได้รู้

"ชื่อของฉันคือ…”

ชายคนนั้นยิ้ม

และพูดออกมา

ชื่อของพวกเขาที่เขาอยากจะเป็น

แต่ไม่สามารถเป็นได้

"ชื่อของฉันคือ...รีเจียน"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด