ตอนที่แล้วดาบที่รอการลับคม (20)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปดาบที่รอการลับคม (22)

ดาบที่รอการลับคม (21)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

<เรื่องราวของอารอน  ตอนที่ 16>

2. ดาบที่รอการลับคม (21)

****

เดิมทีเมืองนี้ไม่ใช่ของเผ่าพันธุ์พวกขุนนางผิวขาว

พระราชวัง ห้องว่าราชการ หรือแม้แต่บัลลังก์ที่มันนั่งอยู่ ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นของเผ่าพันธุ์ของขุนนางผิวขาว

มันเป็นของมนุษย์มาก่อน

ในอดีต ยุคแห่งแสงสว่าง ที่อารยธรรมมนุษย์เจริญถึงขีดสุด สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออธิษฐานขอให้กษัตริย์ทรงมีชีวิตยืนยาวเป็นนิรันดร์

แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป

ตอนนี้ที่นั่นมีปีศาจนั่งอยู่ตรงนั้นแทน ไม่ใช่มนุษย์

มงกุฎสีทอง เสื้อคลุมสีแดง และเสื้อผ้าที่หรูหราของมันทำให้เขาขมวดคิ้วทุกครั้งที่มอง

"น่าทึ่งมาก"

ขุนนางผิวขาวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พูด

ในแววตาของมันมีแต่ความชื่นชมอย่างแท้จริง

"พูดตามตรง มันน่าประหลาดใจมาก ที่แกสามารถแสดงความกล้าหาญเช่นนี้ได้ด้วยร่างกายมนุษย์ที่อ่อนแอ"

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือดังก้องก้องอยู่ในห้องนั้น

ในห้องบัลลังก์มีเพียงกษัตริย์และเขาเท่านั้น

“ถ้านายเป็นมนุษย์ นายจะมีข้อสงสัยและคำถามมากมาย”

กษัตริย์พูดอย่างเคร่งขรึม

"ทำไมมนุษย์ต้องเป็นทาสเพราะเผ่าพันธุ์ของพวกเขา? ทำไมต้องถูกกดขี่และทนทุกข์ทรมาน? เราเข้าใจคำถามเหล่านี้  ถ้านายจะโกรธเราก็ไม่แปลก"

เขาเริ่มเดินบนพรมที่ทอดยาวไปจนถึงบัลลังก์

"แต่จะทำอย่างไรได้? นี่คือกฎของธรรมชาติ ผู้แข็งแกร่งเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอ สิงโตจับกระต่ายกิน นี่เป็นกฎที่กำหนดไว้ตั้งแต่โลกถูกสร้างขึ้น มันเป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะพันปีก่อนหรือพันปีหลังจากนี้"

"..."

"ดังนั้นคือเหตุผลที่นายมันน่ายกย่อง การที่กระต่ายสามารถจับสิงโตกินได้นั้นช่างน่าทึ่ง หรือบางที...เราอาจจะเข้าใจผิด เจ้าพวกมนุษย์ อาจจะไม่ใช่กระต่าย แต่อาจจะเป็นหมาป่าที่มีเขี้ยว?"

กษัตริย์ลุกขึ้นจากบัลลังก์

"ตอนนี้เราได้ตระหนักถึงความจริงของโลกแล้ว ผู้แข็งแกร่งควรทำตัวให้สมกับที่แข็งแกร่ง ผู้ที่อ่อนแอควรทำตัวให้สมกับที่อ่อนแอ แต่วันนี้ พลังของนายทำให้เราตาสว่าง"

เขาไม่ตอบอะไร

เขาประคองร่างที่กำลังจะล้มลงด้วยความตั้งใจ และค่อยๆเดินไปทีละก้าว ทีละก้าว

“คิดยังไงล่ะ กับการเป็นสหายของเรา?”

"..."

"เรารู้ว่านายกำลังจะตาย แต่อย่ากังวลไป เราเป็นมิตรกับนักเวทย์ที่่เก่งกาจ เราสามารถรักษาบาดแผลนั้นได้"

"..."

"ที่ผ่านมา พวกมนุษย์ถูกกดขี่เพราะอ่อนแอ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากนั้น แต่นายได้พิสูจน์แล้ว นายได้พิสูจน์ศักยภาพของมนุษย์ให้เราเห็นเเล้ว  ถ้าเป็นเช่นนั้น เราต้องคิดใหม่"

กษัตริย์สะบัดเสื้อคลุม

และยื่นมือออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม

"คิดอย่างไรล่ะผู้แข็งแกร่งแบบนาย? มาร่วมกันพิชิตโลกกับเราไหม?"

"..."

"ที่นี่มีเราซึ่งเป็นกษัตริย์ และเจ้าซึ่งเป็นวีรบุรุษ เช่นเดียวกับในอดีตอันไกลโพ้น ที่กษัตริย์และวีรบุรุษเคยทำ เรามาเปิดยุคใหม่ด้วยกันเถอะ!"

ความตั้งใจฆ่าในดวงตาของเขาเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น

"ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกเผ่าพันธุ์! ไม่ว่าจะเป็นขุนนางผิวขาวหรทอมนุษย์ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้! ใช่แล้ว! ด้วยพลังของเจ้าและอำนาจการปกครองของเรา เราสามารถปกครองทั้งทวีปได้!"

ท่าทีของกษัตริย์ที่แสร้งทำเป็นสงบเริ่มสั่นคลอน

"ฉันขอโทษ ฉันขอโทษสำหรับความผิดพลาดของฉันในการดูถูกพลังของมนุษย์ ถ้านายอยู่กับฉัน ถ้านายภักดีต่อฉัน เราจะพิจารณาการปฏิบัติต่อมนุษย์ใหม่ เผ่าพันธุ์ที่มีศักยภาพที่จะสร้างวีรบุรุษเช่นนายได้ และมนุษย์ไม่ใช่กระต่าย นี่เป็นความผิดพลาดของเรา!"

ระยะห่างระหว่างทั้งสองค่อยๆ ใกล้กัน

"นายไม่รู้หรือว่าการเป็นศัตรูกับเรานั้นโง่เขลาเพียงใด? ตอนนี้นายกำลังจะตาย พลังของแต่ละคนมีขีดจำกัด! นายไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว! พลังของนายจะมีความหมายก็ต่อเมื่อถูกควบคุมโดยเราผู้ที่เป็นกษัตริย์!"

"หุบปาก"

เขาพูดสั้นๆ

“ฉันจะฉีกปากแกออกจากกันเดี๋ยวนี้แหละ”

“ฮ่า ๆ ๆ! อย่างนี้นี่เอง นายมันบ้า! รู้ไหมว่านายกำลังจะตาย? คิดว่าเราได้ตำแหน่งกษัตริย์มาด้วยปากอย่างเดียวงั้นเหรอ?”

ผับ!

กษัตริย์เปิดเสื้อคลุมออก

เผยให้เห็นดาบสีเงินที่ประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต

ชริ้ง

ดาบที่ได้รับการดูแลอย่างดีถูกชักออกมาจากฝัก

สิ่งนี้เป็นดาบที่ถูกมอบให้กับกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ในอดีตอันไกลโพ้น

คุณค่าของดาบวิเศษเล่มนี้ไม่อาจประเมินได้

"โง่เขลาสิ้นดี! ถ้าแกยอมคุกเข่า ฉันจะไว้ชีวิตแก!"

กษัตริย์แสยะยิ้ม

ในขณะเดียวกัน ปลายดาบก็ชี้ไปที่เขา

ท่าทีที่มั่นคงไม่สั่นคลอน

ต่างจากขุนนางผิวขาวตัวอื่น กษัตริย์ไม่ได้เรียนรู้การใช้อาวุธเพียงเพื่อประดับบารมีเท่านั้น

แต่เขาได้ฝึกฝนวิชาดาบอย่างเป็นทางการ

ที่ห้องเก็บสมบัติของพระราชวัง

มีตำราการต่อสู้โบราณที่สูญหายไปซ่อนอยู่

ด้วยการฝึกฝนตามตำราลับนั้น กษัตริย์จึงกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย

ขุนนางผิวขาวส่วนใหญ่ไม่ได้ฝึกฝน

เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในพลังและความโหดร้ายที่มีมาแต่กำเนิด

แต่กษัตริย์แตกต่างออกไป

แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพลังและพรสวรรค์มากกว่าคนอื่น แต่เขาก็ไม่เย่อหยิ่ง

เขาฝึกฝนและต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น

ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถเอาชนะคู่แข่งและรักษาตำแหน่งกษัตริย์ไว้ได้อย่างมั่นคง

"ตายซะ!"

กษัตริย์ถีบเท้าและพุ่งตัวออกไป

ทันใดนั้น ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก็พร่ามัว

เขาที่ยืนตั้งรับอยู่ก็เหวี่ยงดาบไปทางซ้าย

แคร้ง!

ดาบปะทะกับดาบ

เงาของกษัตริย์สั่นไหวอีกครั้งและปรากฏขึ้นด้านข้าง

พร้อมกันนั้น การโจมตีก็เข้ามา

แครง! แคร๊ง!

จากทางซ้าย จากด้านบน จากด้านล่าง และจากทางซ้ายอีกครั้ง

กษัตริย์เคลื่อนไหวราวกับทิ้งภาพติดตาไว้เท่านั้น

ความเร็วที่ยากจะจับตามอง

มันไม่ใช่แค่รวดเร็วเท่านั้น

ท่ามกลางความรวดเร็วก็มีความเชื่องช้าและมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

เมื่อคิดว่าเขาจะฟันจากด้านบน ดาบก็แทงขึ้นมาจากด้านล่าง

เมื่อคิดว่าจะแทงจากด้านล่าง ก็ฟันเข้าที่สีข้าง

เร็วขึ้นแล้วช้าลง ช้าลงแล้วเปลี่ยน และเปลี่ยนแล้วเร็วขึ้นอีกครั้ง

ประกายไฟสีน้ำเงินกระเด็นไปทั่ว

ชายคนนั้นใช้ดาบเหล็กเก่า ๆ ของเขาเหวี่ยงไปมาเพื่อป้องกันการโจมตีอย่างยากลำบาก

โดยปกติแล้ว ประสาทสัมผัสพิเศษของเขาสามารถมองทะลุการเคลื่อนไหวของศัตรูและทำนายล่วงหน้าได้

อย่างไรก็ตาม มันใช้ไม่ได้กับไอ้สารเลวนี้

ความแข็งแกร่งของกษัตริย์อยู่นอกเหนือการวัดของประสาทสัมผัสพิเศษ

เขาทำได้แค่ป้องกัน

ทุกครั้งที่เขาสะบัดดาบออกไป ร่างกายของเขาก็เจ็บปวด

ดาบของกษัตริย์มีพลังมหาศาลในทุกการฟาดฟัน

เขาไม่สามารถโต้กลับได้

"ความมั่นใจที่จะฉีกปากฉันหายไปไหนแล้ว!"

ฉึก

เลือดพุ่งออกมาจากต้นขาของเขา

"โง่! โง่เขลาซะจริงๆ!"

แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!

ทุกครั้งที่ดาบปะทะกัน

บาดแผลของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อย

เขาสามารถป้องกันบาดแผลร้ายแรงได้อย่างหวุดหวิด

แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย

'...'

แม้ว่าร่างกายของเขาจะอยู่ในสภาพปกติ การต่อสู้ครั้งนี้ก็คงไม่ง่าย

เพรากษัตริย์มั่นใจมาตั้งแต่ต้น

ว่าไม่ว่าใครจะมา กษัตริย์ก็จะไม่มีวันแพ้

นั่นไม่ใช่ความเย่อหยิ่ง

แต่เป็นความภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งที่กษัตริย์สั่งสมมา

ฉึก!

ตามมาด้วยเสียงเบาอีกครั้ง ใบมีดก็แทงเข้าที่ท้องเขา

เขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

กษัตริย์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อรู้สึกถึงชัยชนะ

"..."

ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด

ร่างกายไม่เชื่อฟัง

เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป

มีเพียงความเย็นชา

ความเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากท้ายทอยได้ปกคลุมทั่วร่างกาย

นั่นคงเป็นสัญญาณของความตาย

เขารู้สึกได้

เมื่อเขาหยุดเหวี่ยงดาบ ความตายก็จะเริ่มต้นขึ้น

เขาต้องตัดสินใจ

'ชักมันออกมา'

มันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่?

เมื่อเขาตระหนักว่ามี 'ดาบ' อยู่ในใจของเขา

เมื่อเขาทำตามแรงสั่นสะเทือนของดาบ เขาจะได้รับพลัง

เขาไม่สามารถแพ้ในสนามประลอง และบางครั้งเขาก็สามารถช่วยชีวิตคู่ต่อสู้ได้โดยการแสดงการต่อสู้ที่ดุเดือด

แต่ชายคนนั้นไม่ชอบดาบในใจของเขาออกมา

สำหรับเขา ดาบเป็นเพียงเครื่องมือในการฆ่าและทำร้ายผู้อื่น

เขาทำตามคำสั่งเพียงเพราะเขาไม่อยากตาย เขาไม่เคยคิดที่จะชักมันออกมาจริงๆ แม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต

ถ้าเขาชักมันออกมา

ถ้าเขาชักดาบในใจของเขาออกมาและได้รับพลัง

เขาอาจจะกลายเป็นปีศาจ

นั่นคือ จอมดาบปีศาจ

ปีศาจที่คลั่งไคล้ดาบและเป็นนักฆ่า

เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะไม่เหลือความเป็นมนุษย์อยู่ในใจอีกต่อไป

จะมีเพียงปีศาจที่ฟันและฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้า

ดังนั้นเขาจึงหวัง

เขาว่าจะมีวิธีควบคุมปีศาจในใจของเขา ดาบที่ยังไม่ถูกชักออกมา

คุณค่าแห่งเกียรติยศจะสามารถนำทางดาบของเขาไปในทางที่ถูกต้องได้หรือไม่?

หรือว่าจะมีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่จะใช้ดาบของเขาอย่างถูกต้อง?

ตอนนี้ เขาไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกต่อไป

เพราะนี่คือช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของเขา

'ชีวิตคนเรานี่ช่างไม่แน่นอน'

เขาหัวเราะ

เขาคิดว่าเขาจะไม่มีวันชักดาบในใจของเขาออกมา

ตายดีกว่าใช้มันอย่างไร้ค่า

ชายคนนั้นตัดสินใจเช่นนั้น

แต่ปาฏิหาริย์ครั้งเดียวในชีวิตกำลังจะทำให้เขาชักดาบออกมา

"ตายซะ!"

ฟิ้ว!

เสียงลมที่แตกร้าว

เขาเบิกตากว้าง

การโจมตีครั้งสุดท้ายของกษัตริย์

วิถีสีฟ้าพุ่งเข้ามาหมายเอาชีวิตเขา

ความตายของชายคนนั้นกำลังใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ แต่แน่นอน

สายเกินไป สายเกินไป

ชายคนนั้นไม่สามารถรับมือกับการโจมตีครั้งนี้ได้

เขาทำได้เพียงเฝ้ามองด้วยความรู้สึกของเวลาที่ช้าลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แม้ว่าเขาจะป้องกันได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดจบ

การโจมตีครั้งที่สองและครั้งที่สามจะตามมา

มันก็แค่การต่อสู้ที่ไร้ความหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องจบมัน

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

มันจะเป็นไปได้ไหม?

ด้วยร่างกายที่กำลังจะตาย

ด้วยร่างกายที่แทบจะไม่สามารถขยับได้

เขาจะสามารถโจมตีครั้งสุดท้ายที่ไม่อนุญาตให้มีการโต้กลับหรือหลบหลีกได้หรือไม่?

จากการคำนวณของชายคนนั้น มันเป็นไปไม่ได้

น่าเสียดาย แต่ชายคนนั้นในตอนนี้ไม่สามารถเอาชนะกษัตริย์ได้

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจ

เพียงครั้งเดียวในชีวิต

เขาจะปลุกดาบที่หลับใหลอยู่ในใจของเขาขึ้นมา

'เปิดออก'

ดวงตาของชายคนนั้นจมลง

แสงในดวงตาของเขาหายไปในพริบตา

ในตอนนั้น สายตาของเขากำลังมองไปยังที่ไกลแสนไกล

"..."

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด