บทที่ 415: ห้องเก็บเหล้าชิงหลินที่ทำให้อ้าปากค้าง!
คฤหาสน์ชิงหลิน
หยวนชื่อทั้งหลายได้กลับไปแล้วเหลือเพียงแค่หลี่หยวนชื่อคนเดียวเท่านั้น
หลี่หยวนชื่อมาพักฟื้นเพราะมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนั้นเขาจึงลาป่วย
นอกจากนี้ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้มีงานวิจัยต้องทำด้วย ดังนั้นวัน ๆ หนึ่งไม่นั่งอ่านข้อมูลต่าง ๆ อยู่ที่คฤหาสน์ชิงหลินก็อ่านรายงานเอกสารต่าง ๆ ของนักศึกษาอยู่ที่ลานด้านหน้าคฤหาสน์ ถือเป็นชีวิตชิล ๆ โดยแท้
เมื่อหยวนชื่อท่านอื่น ๆ กลับไปแล้วคฤหาสน์ก็ดูจะร้าง ๆ ไป
............................................................................................
ในห้องพยาบาล
หลินหรานกำลังดูรายงานผลตรวจที่อยู่ในมืออย่างจริงจัง
ข้าง ๆ เป็นถังซิ่วหว่านทีท้องแก่แล้วกำลังอ่านด้วยโดยมีฉินหลินกับหลี่หยวนชื่อนั่งรอ
รายงานที่หลินหรานกับถังซิ่วหว่านกำลังอ่านก็คือผลตรวจสุขภาพของหลี่หยวนชื่อนั่นเอง
อย่างที่ทราบดีว่าอาการของมะเร็งกระเพาะอาหารของหลี่หยวนชื่อได้แสดงสัญญาณว่าจะดีขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานแล้ว ทว่าตรวจทีไรก็ยังคงพบเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่บางส่วนมาโดยตลอด
นี่คือเหตุผลว่าทำไมทางการแพทย์แผนตะวันตกจึงต้องมีการรักษาโดยการให้คีโม (เคมีบำบัด) ในการกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลือออกจากร่างกาย
หลังจากการรักษาด้วยอาหารโอสถมาหลายวันก็ถึงวันที่หลี่หยวนชื่อต้องเข้าตรวจดูเซลล์มะเร็งโดยละเอียดอีกรอบ
“เฮ่อ~!”
หลินหรานรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งหลังจากอ่านรายงาน “ยินดีด้วยครับหลี่หยวนชื่อ มะเร็งกระเพาะอาหารรักษาหายเรียบร้อยแล้ว”
ถังซิ่วหว่านพยักหน้า “ไม่ใช่แค่มะเร็งกระเพาะอาหารหายขาดนะคะ แต่สภาพร่างกายยังดีมากด้วย ตามผลตรวจคือแข็งแรงพอ ๆ กับคนหนุ่ม ๆ เลย”
ทั้งคู่แสดงสีหน้าจมอยู่ในอารมณ์ ถึงยังไงทั้งคู่ก็เป็นแพทย์แผนตะวันตก ดังนั้นจึงไม่เคยคิดเลยว่าการกินอาหารโอสถมันจะสามารถรักษามะเร็งกระเพาะอาหารของหลี่หยวนชื่อได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัดใด ๆ เลย
อย่างที่รู้กันว่าสภาพของหลี่หยวนชื่อตอนที่มาครั้งแรกนั้นคือการแพทย์แผนตะวันตกไม่สามารถทำอะไรได้
“ยินดีด้วยครับหลี่หยวนชื่อ!” ฉินหลินแสดงความยินดีกับหลี่หยวนชื่อทันที
“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริง ๆ!” สีหน้าของหลี่หยวนชื่อบ่งบอกเลยว่าดีใจมาก
ก่อนที่จะมาที่คฤหาสน์ชิงหลินหลี่หยวนชื่อคิดว่าเวลาของตนกำลังจะหมดลงแล้ว ทว่าตอนนี้ที่คฤหาสน์ชิงหลินแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะรักษามะเร็งกระเพาะอาหารของตนให้หายขาดเท่านั้น แต่ยังรู้สึกว่าตนเองยังสามารถมีส่วนร่วมในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติต่อไปอีก 20 ปีได้ด้วยซ้ำ
ขณะที่ฉินหลินกำลังจะแสดงความยินดีกับหลี่หยวนชื่ออีกครั้งจู่ ๆ มือถือเขาก็ดังขึ้น
คนที่โทรมาคือหลี่ชิง
หมอนี่ไม่ได้วิ่งมาหาเขาซักระยะหนึ่งแล้ว
หลังจากที่รับสายเสียงของหลี่ชิงก็ดังขึ้น “โทษทีฉินหลิน! ครั้งนี้ฉันต้องพาคนไปพบนาย!”
“เอาดิ๊ พามาเลย!” ฉินหลินตอบด้วยรอยยิ้ม
เขารู้จักกับหลี่ชิงมานานแล้วจึงคงเข้าใจบุคลิกของหลี่ชิงเป็นอย่างดี
ถ้าไม่มีทางปฏิเสธได้หรือมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ อีกฝ่ายจะไม่พาใครมาหาเขาถึงบ้านแน่
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นกับหลี่ชิง
............................................................................................
ไม่นานจากนั้น
หลี่ชิงขับรถเข้าอำเภอโหยวเฉิงมาโดยมีชายชราคนหนึ่งอยู่ข้างคนขับ
ชายชราขมวดคิ้วและพูดว่า “เสี่ยวหลี่ เถ้าแก่ฉินที่เธอพูดถึงจะช่วยเราได้จริง ๆ เร้อ~ ต่อให้เหล้าสมุนไพรชิงหลินจะดังมากก็เถอะ แต่เรื่องนี้เหล้าสมุนไพรช่วยฉันไม่ได้นา”
หลี่ชิงตอบ “นี่ ๆ ประธานเปา ถ้าเถ้าแก่ฉินช่วยคุณไม่ได้ก็ไม่มีใครช่วยได้แล้วแหละ ครั้งนี้ไอ้พวกฝรั่งมันทำเกินไปจริง ๆ”
“เฮ่อ~!” ประธานเปาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ในไม่ช้ารถก็วิ่งมาจอดที่ลานจอดรถของคฤหาสน์ชิงหลิน
หลี่ชิงพาประธานเปาลงจากรถแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของฉินหลิน
ประธานเปามองทุกสิ่งในคฤหาสน์อย่างสงสัยแล้วก็ต้องทำหน้าตะลึง
เพราะทิวทัศน์ของคฤหาสน์ชิงหลินนั้นมหัศจรรย์อย่างที่เห็นในโซเชียลออนไลน์เลย
เขานั้นแม้ไม่ได้มีเงินมากนักแต่ก็เคยไปพักในคฤหาสน์ช่วงวันหยุดมาแล้วหลายแห่ง ทว่าหลังจากมาเห็นทิวทัศน์ของคฤหาสน์ชิงหลินแล้วก็บอกได้เลยว่าไม่มีที่ไหนเทียบกับที่นี่ได้ หรือก็คือไม่คู่ควรที่จะนำมาเปรียบเทียบด้วยซ้ำ แค่จะเป็นคนขัดรองเท้าให้ที่นี่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ
ไม่ช้าฉินหลินก็ได้พบกับหลี่ชิงและประธานเปา
ทันทีที่พบกันหลี่ชิงก็พูดขึ้น “ฉินหลิน คนนี้คือประธานเปาของสมาคมสุรา ประธานเปายังเป็นที่ปรึกษาอุตสาหกรรมสุราชั้นนำของประเทศอย่างเหมาไถกับเฟินจิ่วด้วย”
เมื่อฉินหลินได้ฟังกิตติศัพท์ของประธานเปาแล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตำแหน่งประธานสมาคมสุราของประเทศนี้ไม่ใช่กระจอก เพราะมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมสุราในประเทศอย่างเหมาไถกับเฟินจิ่วก็ไม่ใช่น้อย ๆ
แต่ในตำแหน่งประธานของสมาคมนี้กลับไม่ได้มีคนจากตระกูลสุราหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องดำรงตำแหน่ง กลับเป็นชายชราตรงหน้านี้ที่เป็น อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเหล้าชั้นนำอย่างเหมาไถกับเฟินจิ่วอีก
มันแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความสามารถขนาดไหน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับประธานเปา” ฉินหลินจับมือกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าประธานเปาสะท้อนด้วยอารมณ์ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับเถ้าแก่ฉิน พอได้เห็นตัวจริงตาเฒ่าอย่างผมก็อดชื่นชมไม่ได้ ในประเทศเราไม่มีคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นเท่าคุณแล้วล่ะนะ”
คำพูดนั้นได้พูดออกมาจากใจ
ตลอดชีวิตมานี้ประธานเปาเคยเห็นคนที่มีความสามารถมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหม่าต้าเหล่าหรือใครก็ตาม แต่ในด้านอายุและความสำเร็จก็ไม่มีใครที่ทำให้ตกใจมากขนาดนี้ได้แล้ว
แล้วหลี่ชิงก็แทรกเข้ามาว่า “ที่ประธานเปามาคราวนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากให้นายช่วย แถมครั้งนี้มีแค่นายเท่านั้นที่ช่วยใด้จริง ๆ แถมยังเป็นการช่วยอุตสาหกรรมเหล้าในประเทศเราทั้งวงการเลยด้วย”
ฉินหลินได้ยินดังนั้นก็งงสิ “ตกลงเรื่องเป็นไงแน่เฒ่าหลี่”
หลี่ชิงตอบหน้านิ่วคิ้วขมวด “ให้ประธานเปาพูดเถอะ เรื่องนี้มันเป็นปัญหาที่อุตสาหกรรมเหล้าในประเทศกะลังเผชิญอยู่”
ฉินหลินจึงหันไปมองประธานเปา
ประธานเปาถอนหายใจและเริ่มพูด “เถ้าแก่ฉินควรรู้เหล้าในกับเหล้านอกมักจะมีการแข่งขันกันอยู่เสมอ”
“เหล้านอกพวกนั้นสามารถเผยแพร่ออกไปได้ทั่วโลก แต่เหล้าในไม่ว่าจะเป็นเหล้าไฮเอนด์อย่างเหมาไถหรือเฟินจิ่วที่ดังในประเทศเราแค่จะส่งออกนอกบ้างยังทำไม่ได้เลย...
ในช่วงหลายปีมานี้เหล้านอกยังได้รับความนิยมในประเทศเรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มันเข้ามารุกตลาดสุราบ้านเราอย่างหนักแล้ว”
“ครับ!” ฉินหลินรู้เรื่องนี้
มันช่วยไม่ได้ที่ต้องรู้ เพราะเขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นสุราชิงหลิน ถ้าจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ควรเป็นเถ้าแก่โรงกลั่นแล้วล่ะ
ตามรายงานการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล่าสุด ส่วนแบ่งการตลาดสุรามีเพียง 42% โดยแบ่งเป็นของเหล้านอก 28% เหล้าใน 14%
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ส่วนแบ่งการตลาดของสุราเพิ่มขึ้นมาก และเหล้านอกต่างได้รับความสนใจมากขึ้นและมีการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดทีละหน่อย
แม้แต่ในสถานที่ที่บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นกระแสหลักอย่าง KTV ผับบาร์ ไนต์คลับ... เหล้านอกกำลังกลายเป็นเครื่องดื่มปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ จนบางที่หาเงาของเหล้าในแทบไม่เห็นแล้วด้วยซ้ำ
เรื่องนี้แทบจะเรียกว่าจู่ ๆ ก็เกิดขึ้น
ฉินหลินไม่รู้สาเหตุ ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเขาไม่สันทัดเรื่องการดื่มเหล้า และเขาก็ไม่รู้เรื่องเหล้าอะไรมากนักด้วย
หลี่ชิงเสริมว่า “จริง ๆ โดยทั่วไปแล้วเหล้าของเราก็ไม่ได้ด้อยกว่าเหล้านอกพวกนั้นหรอก แม้แต่ในหมู่เหล้ากลั่นเหล้าของเราก็ยังเป็นราชา”
ประธานเปาพยักหน้า “โดยทั่วไปก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ในแง่ของการประชาสัมพันธ์มันต้องเอาของที่ดีที่สุดมาจัดแสดงให้คนนอกเห็นเสมอ”
หลี่ชิงเห็นด้วย “นั่นก็จริง เหมือนการประกวดความงามที่ต้องส่งคนสวยที่สุดออกมาเสมอ ถ้าหากผู้หญิงจากที่ไหนได้แชมป์ แม้ในความเป็นจริงแล้วที่นั่นจะมีสาวสวยแค่ไม่กี่คนก็ตาม แต่ดีกรีแชมป์จะเป็นตัวทำให้คนอื่น ๆ พูดถึงที่นั่นว่าเป็นที่ที่ผู้หญิงสวยที่สุด”
ประธานเปาเสริมต่อ “แล้วตอนนี้เหล้าในบ้านเราก็กำลังเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะยุคก่อนหน้านั่นมันทำให้อุตสาหกรรมสุราทั้งวงการต้องตกในสภาพล้มเหลว หลังจากช่วงนั้นมาตลอดสิบปียังไม่แม้จะเริ่มฟื้นตัวเลย”
“เพราะงั้นเหล้าในบ้านเราที่อายุสามสี่สิบปีจึงหายากมาก ยิ่งเป็นเหล้าชั้นยอดด้วยยิ่งแล้วใหญ่ ซึ่งเหล้านอกดันมีข้อได้เปรียบที่ตรงนี้ คิดว่าคุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องลาฟีต์อายุแปดสิบสองปี หรือวิสกี้อายุเจ็ดสิบปีมาบ้าง”
“ในงานประชุมแลกเปลี่ยนสุรานานาชาติที่กะลังจะจัดขึ้นนี้ถ้าคนนำเหล้าชั้นเลิศเหล่านี้ออกมาเราก็จะต้องทรมาน เวลาดื่มเทียบกันระหว่าเหล้านอกกับเหล้าในกลิ่นกับรสของเหล้านอกจึงเรียกได้ว่ากระทืบเหล้าในจนยับ”
“สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากเหล้าในบ้านเรามันเก่าไม่พอ ระยะเวลาหมักบ่มไม่นานกลิ่นหอมกับรสชาติที่กลมกล่อมจึงยังไม่ฟอร์มตัวเต็มที่ ก็เลยไม่แปลกที่จะสู้เหล้าอื่น ๆ ในงานแลกเปลี่ยนสุรานานาชาติได้”
“ถึงแม้จะมีบางคนที่สะสมเหล้าระดับสูงอยู่บ้างก็ตาม แต่คนเหล่านั้นย่อมไม่ยอมแบ่งให้คนอื่นชมฟรี ๆ แน่”
หลี่ชิงคร่ำครวญว่า “ถ้าผ่านไปอีกสิบปีแล้วมีบริษัทเหล้ารายใหญ่ปล่อยของที่เก็บไว้ในห้องใต้ดินพอสมควรออกสู่ตลาดล่ะก็คงพอทำอะไรได้บ้าง”
“แต่ปัญหาคือเราไม่มีเวลาขนาดนั้นไง เมื่อมีการส่งเสริมเหล้านอกตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้การรับรู้กลายเป็นความประทับใจแรก ผลคือทางนั้นจะกลายเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในตลาด”
“ทุกวันนี้ในหมู่คนรุ่นใหม่มีคนที่มีสามัญสำนึกไปแล้วว่าเหล้านอกดีกว่าเหล้าบ้านเรา เพราะงั้นที่ประธานเปามาหานายครั้งนี้ก็จากจะมาขอเหล้าเก่าในห้องเก็บเหล้าของนาย”
ในที่สุดหลี่ชิงก็ช่วยประธานเปาเปิดเผยจุดประสงค์
เขานั้นเคยไปเยี่ยมชมห้องเก็บเหล้าของฉินหลินมาแล้วและเหล้าเก่าเก็บของฉินหลินนั้นโหดสะพรึงขนาดไหน
ตราบใดที่สามารถเอาเหล้าเก่าเก็บเหล่านั้นออกมาได้ล่ะก็ ต่อให้อีกฝ่ายจะเอาลาฟีต์อายุ 82 ปี วิสกี้อายุ 70 ปี หรือแม้แต่เหล้าที่เก่าเก็บยิ่งกว่านี้ออกมายังไงก็ต้องโดนบดขยี้อยู่ดีหากเป็นในแง่ของกลิ่ยและรสชาติอันกลมกล่อม
เมื่อประธานเปาเห็นหลี่ชิงช่วยพูดแล้วก็รีบร้องขอด้วยเช่นกัน “ได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะครับเถ้าแก่ฉิน ทางเรายินดีซื้อในราคาตลาดเลย”
“ในเมื่อทำเพื่อวงการสุราบ้านเราทั้งวงการ... งั้นผมก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ” ฉินหลินพยักหน้าตอบรับ
แม้ว่าเขาจะดื่มไม่เก่งและไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้เหล้าของประเทศตนต้องถูกเหล้าจากต่างประเทศบดบัง
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นสุราชิงหลิน
หากสุราชิงหลินสามารถเข้าไปเป็นที่หนึ่งในงารประชุมแลกเปลี่ยนระดับนานาชาตินี้ได้ล่ะก็ นั่นจะหมายความว่าสุราชิงหลินคือเหล้าที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นผลดีสำหรับตนด้วยเช่นกัน
“งั้นก็ขอเชิญทั้งสองท่านไปชมห้องเก็บเหล้าของผมกันเลย!” ฉินหลินก็ลุกขึ้นและเชิญหลี่ชิงกับประธานเปา
หลี่ชิงนั้นแสดงความตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้ามาก
เพราะในที่สุดก็ได้เข้าไปในห้องเก็บเหล้านั่นอีกครั้งแล้ว
เหล้าที่อยู่ข้างในเป็นสิ่งเพลิดเพลินสำหรับนักดื่มเช่นเขา แม้จะทำได้แค่ดูแต่ตามืออย่าต้องก็ยังฟิน
ส่วนตัวฉินหลินเองก็ไม่ค่อยได้เข้าไปในห้องเก็บเหล้าเว้นแต่จะจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากห้องใต้ดินมีเหล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกลิ่นละมุดฉุนกึ๊ก
นอกจากนี้เหล้าในห้องเก็บเหล้ายังเป็นเหล้าที่ถูกหมักบ่มไว้ในเกมอีกด้วย ซึ่งย่อมไม่เพียงแต่ส่วนที่กลายเป็นเหล้าเก่าเก็บเท่านั้น แต่ยังมีส่วนที่เป็นเหล้าดองสมุนไพรที่ใช้วัตุดิบจากเกมด้วย ผลคือกลิ่นละมุดฉุนกึ๊กดังกล่าวจริง ๆ แล้วคือกลิ่นหอมเหล้าที่เข้มข้นกลมกล่อมชวนมึนเมามาก ๆ นั่นเอง
ทันทีที่ประธานเปาเข้ามาก็เลยรู้สึกมึนเมาด้วยกลิ่นหอมของเหล้าอย่างจัง
ส่วนหลี่ชิงนั้นสายตาได้ตรึงอยู่กับฉากภายใน เขาเคยเข้ามาแล้วจึงรู้ว่าเหล้าในชั้นวางล้วนถ้าไม่ใช่เหล้าสมุนไพรชิงหลินก็เป็นเหล้าระดับสูงเก่าเก็บแบบวินเทจโคตร ๆ
แต่คราวนี้เมื่อเข้ามากลับเห็นว่าตอนนี้เหล้าบนชั้นวางล้วนเป็นเหล้าสมุนไพรชิงหลินขวดเงิน นอกจากนี้ยังมีขวดที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้สไตล์วินเทจเป็นพิเศษอีกต่างหาก
ส่วนขวดทองแดงนั้นถูกย้ายออกจากตรงกลางไปวางมุม ๆ
เขารู้ว่าเหล้าสมุนไพรของฉินหลินที่อยู่ในขวดเงินนั้นเก่ากว่าในขวดทองแดง และในขวดที่อยู่ในกล่องไม้นั้นเก่ากว่าในขวดเงิน
ส่วนที่เก่าที่สุดคือในขวดทองคำซึ่งเป็นเหล้าโคตรโหดที่มีอายุร้อยปี
และคราวนี้เขาได้เห็นชั้นวางเหล้าที่อยู่ตรงกลางแล้ว ซึ่งทั้งชั้นเต็มไปด้วยขวดเหล้าสีทอง
เขาตกตะลึงทันที
ทั้งหมดนั่นคือเหล้าสมุนไพรอายุร้อยปี... เรอะ!
ใคร ๆ ก็รู้ว่าแค่จะหาเหล้าสมุนไพรขวดหนึ่งมาดื่มนั้นยังหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ทั้งเขาและเฒ่าเฉินต่างก็เดาเอาไว้แล้วว่าฉินหลินมีมรดกเหล้าสมุนไพรที่ลึกลับมาก อีกทั้งยังมีห้องเก็บเหล้าลับที่พวกตนยังไม่รู้อยู่ด้วยซ้ำ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่จะมีห้องเก็บเหล้าลับเท่านั้น แต่มรดกดังกล่าวก็ยังเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าอีกด้วย
ไม่งั้นจู่ ๆ มันจะมีเหล้าพวกนี้โผล่มาจากไหน
“เชิญทางนี้ครับประธานเปา ถ้าเป็นเหล้าเพียว ๆ จะอยู่ตรงนี้!” ฉินหลินพาประธานเปากับหลี่ชิงไปที่มุมหนึ่งของห้องเก็บเหล้า
ที่นั่นมีถังเหล้าที่ทำจากไม้โอ๊กวางกันให้พรึบ
แน่นอนว่าภายในมีเหล้าทุกชนิดบรรจุอยู่
มีทั้งเหล้าในตลาดรวมไปถึงสุราชิงหลินที่กลั่นจากข้าวหลวงเสียงสุ่ยด้วย
โดยเหล้าเหล่านี้ย่อมถูกเอาไปหมักบ่นไว้ในเกมจนถึงระยะหนึ่งก่อนถึงค่อยเอาออกมา ทำให้ทั้งหมดล้วนเป็นเหล้าระดับสูงที่โคตรแห่งความวิเทจ
“เถ้าแก่ฉินพอจะบอกอายุของเหล้าพวกนี้ได้มั้ยครับ ถ้าต้องการเอาชนะเหล้านอกในงานแลกเปลี่ยนก็ต้องมีอย่างน้อยก็ห้าสิบปี” ประธานเปาตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นถังเหล้า
เขารู้สึกว่าเหล้าพวกนี้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้เหล้าอายุ 30 ปีนั้นหายากมากแล้ว 40 ปียิ่งหายากมากกว่า ส่วน 50 ปีนั้นไม่นับเป็นถังแต่นับเป็นขวด
ต่อให้เถ้าแก่ฉินจะโคตรเก่งอย่างที่หลี่ชิงพูดก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเหล้าระดับนั้นก็ไม่นับกันโดยใช้หน่วยเป็นถังแบบนี้หรอกใช่มั้ยล่ะ
ไม่งั้นเหล้าเก่าเก็บดังกล่าวมันจะไปหายากในโลกภายนอกได้ยังไง
ฉินหลินตอบว่า “อายุก็เขียนไว้บนถังแล้ว ประธานเปาลองดูเองเองก็แล้วกันครับ”
แล้วประธานเปาก็เดินเข้าไปดูและเห็นว่ามีตัวเลขปีกำกับอยู่จริง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้ต้องตกตะลึง
“เหมาไถห้าสิบปี เหมาไถหกสิบปี เหมาไถเจ็ดสิบปี เฟินจิ่วห้าสิบปี เฟินจิ่วหกสิบปี เฟินจิ่วเจ็ดสิบปี…” ประธานเปาพึมพำกับและกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ไปด้วยแบบไม่รู้ตัว
นี่... เป็นไปได้ยังไงที่เหล้าเหมาไถกับเฟินจิ่วอายุเท่านี้จะมีเยอะขนาดนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีเหล้ายี่ห้ออื่น ๆ ที่อายุพอ ๆ กันอยู่อีก...
แต่นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย...
ถ้าเหล้าพวกนี้เป็นของจริงแล้วห้องเก็บเหล้าของเถ้าแก่ฉินจะน่ากลัวขนาดไหน เกรงว่าห้องเก็บเหล้าของปรมาจารย์ด้านสุราทั้งหมดในประเทศรวมกันยังสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป
รู้บ้างมั้ยว่าทั้งเหมาไถและเฟินจิ่วยังไม่มีเหล้าที่เก่าเก็บขนาดนี้อยู่ในห้องใต้ดินลับของเจ้าตัวเลย ไม่งั้นทั้งเหมาไถและเฟินจิ่วจะยอมนั่งมองเหล้านอกเข้ามาบีบบี้แย่งส่วนแบ่งตลาดของตัวเองทีละก้าวสองก้าวตาปริบ ๆ ทำไม
สรุปคือตอนนี้ทั้งเหมาไถและเฟินจิ่วล้วนไม่มีเหล้าที่อายุเท่านี้อยู่เลย
อะไรจะมหัศจรรย์ขนาดนี้
เถ้าแก่ของเหมาไถกับเฟินจิ่วรู้เข้าไม่เป็นบ้าตายไปเลยรึ
“เถ้าแก่ฉิน... อายุของเหล้านี่... มัน... จริงเหรอครับ!” ประธานเปาถามคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ