ตอนที่แล้วบทที่ 414: จำเป็นต้องล่าช้า! ต้องปกป้องเถ้าแก่ฉิน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 416: เหล้ามูลค่า 60 ล้าน! เพดานเหล้า!

บทที่ 415: ห้องเก็บเหล้าชิงหลินที่ทำให้อ้าปากค้าง!


คฤหาสน์ชิงหลิน

หยวนชื่อทั้งหลายได้กลับไปแล้วเหลือเพียงแค่หลี่หยวนชื่อคนเดียวเท่านั้น

หลี่หยวนชื่อมาพักฟื้นเพราะมะเร็งกระเพาะอาหาร  ดังนั้นเขาจึงลาป่วย

นอกจากนี้ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้มีงานวิจัยต้องทำด้วย  ดังนั้นวัน ๆ หนึ่งไม่นั่งอ่านข้อมูลต่าง ๆ อยู่ที่คฤหาสน์ชิงหลินก็อ่านรายงานเอกสารต่าง ๆ ของนักศึกษาอยู่ที่ลานด้านหน้าคฤหาสน์  ถือเป็นชีวิตชิล ๆ โดยแท้

เมื่อหยวนชื่อท่านอื่น ๆ กลับไปแล้วคฤหาสน์ก็ดูจะร้าง ๆ ไป

............................................................................................

ในห้องพยาบาล

หลินหรานกำลังดูรายงานผลตรวจที่อยู่ในมืออย่างจริงจัง

ข้าง ๆ เป็นถังซิ่วหว่านทีท้องแก่แล้วกำลังอ่านด้วยโดยมีฉินหลินกับหลี่หยวนชื่อนั่งรอ

รายงานที่หลินหรานกับถังซิ่วหว่านกำลังอ่านก็คือผลตรวจสุขภาพของหลี่หยวนชื่อนั่นเอง

อย่างที่ทราบดีว่าอาการของมะเร็งกระเพาะอาหารของหลี่หยวนชื่อได้แสดงสัญญาณว่าจะดีขึ้นมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานแล้ว  ทว่าตรวจทีไรก็ยังคงพบเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่บางส่วนมาโดยตลอด

นี่คือเหตุผลว่าทำไมทางการแพทย์แผนตะวันตกจึงต้องมีการรักษาโดยการให้คีโม (เคมีบำบัด) ในการกำจัดเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลือออกจากร่างกาย

หลังจากการรักษาด้วยอาหารโอสถมาหลายวันก็ถึงวันที่หลี่หยวนชื่อต้องเข้าตรวจดูเซลล์มะเร็งโดยละเอียดอีกรอบ

“เฮ่อ~!”

หลินหรานรู้สึกโล่งใจอย่างยิ่งหลังจากอ่านรายงาน “ยินดีด้วยครับหลี่หยวนชื่อ  มะเร็งกระเพาะอาหารรักษาหายเรียบร้อยแล้ว”

ถังซิ่วหว่านพยักหน้า “ไม่ใช่แค่มะเร็งกระเพาะอาหารหายขาดนะคะ  แต่สภาพร่างกายยังดีมากด้วย  ตามผลตรวจคือแข็งแรงพอ ๆ กับคนหนุ่ม ๆ เลย”

ทั้งคู่แสดงสีหน้าจมอยู่ในอารมณ์  ถึงยังไงทั้งคู่ก็เป็นแพทย์แผนตะวันตก  ดังนั้นจึงไม่เคยคิดเลยว่าการกินอาหารโอสถมันจะสามารถรักษามะเร็งกระเพาะอาหารของหลี่หยวนชื่อได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัดใด ๆ เลย

อย่างที่รู้กันว่าสภาพของหลี่หยวนชื่อตอนที่มาครั้งแรกนั้นคือการแพทย์แผนตะวันตกไม่สามารถทำอะไรได้

“ยินดีด้วยครับหลี่หยวนชื่อ!” ฉินหลินแสดงความยินดีกับหลี่หยวนชื่อทันที

“ขอบคุณครับ  ขอบคุณมากจริง ๆ!” สีหน้าของหลี่หยวนชื่อบ่งบอกเลยว่าดีใจมาก

ก่อนที่จะมาที่คฤหาสน์ชิงหลินหลี่หยวนชื่อคิดว่าเวลาของตนกำลังจะหมดลงแล้ว  ทว่าตอนนี้ที่คฤหาสน์ชิงหลินแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะรักษามะเร็งกระเพาะอาหารของตนให้หายขาดเท่านั้น  แต่ยังรู้สึกว่าตนเองยังสามารถมีส่วนร่วมในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติต่อไปอีก 20 ปีได้ด้วยซ้ำ

ขณะที่ฉินหลินกำลังจะแสดงความยินดีกับหลี่หยวนชื่ออีกครั้งจู่ ๆ มือถือเขาก็ดังขึ้น

คนที่โทรมาคือหลี่ชิง

หมอนี่ไม่ได้วิ่งมาหาเขาซักระยะหนึ่งแล้ว

หลังจากที่รับสายเสียงของหลี่ชิงก็ดังขึ้น “โทษทีฉินหลิน!  ครั้งนี้ฉันต้องพาคนไปพบนาย!”

“เอาดิ๊  พามาเลย!” ฉินหลินตอบด้วยรอยยิ้ม

เขารู้จักกับหลี่ชิงมานานแล้วจึงคงเข้าใจบุคลิกของหลี่ชิงเป็นอย่างดี

ถ้าไม่มีทางปฏิเสธได้หรือมีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ อีกฝ่ายจะไม่พาใครมาหาเขาถึงบ้านแน่

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นกับหลี่ชิง

............................................................................................

ไม่นานจากนั้น

หลี่ชิงขับรถเข้าอำเภอโหยวเฉิงมาโดยมีชายชราคนหนึ่งอยู่ข้างคนขับ

ชายชราขมวดคิ้วและพูดว่า “เสี่ยวหลี่  เถ้าแก่ฉินที่เธอพูดถึงจะช่วยเราได้จริง ๆ เร้อ~  ต่อให้เหล้าสมุนไพรชิงหลินจะดังมากก็เถอะ  แต่เรื่องนี้เหล้าสมุนไพรช่วยฉันไม่ได้นา”

หลี่ชิงตอบ “นี่ ๆ ประธานเปา  ถ้าเถ้าแก่ฉินช่วยคุณไม่ได้ก็ไม่มีใครช่วยได้แล้วแหละ  ครั้งนี้ไอ้พวกฝรั่งมันทำเกินไปจริง ๆ”

“เฮ่อ~!” ประธานเปาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ในไม่ช้ารถก็วิ่งมาจอดที่ลานจอดรถของคฤหาสน์ชิงหลิน

หลี่ชิงพาประธานเปาลงจากรถแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของฉินหลิน

ประธานเปามองทุกสิ่งในคฤหาสน์อย่างสงสัยแล้วก็ต้องทำหน้าตะลึง

เพราะทิวทัศน์ของคฤหาสน์ชิงหลินนั้นมหัศจรรย์อย่างที่เห็นในโซเชียลออนไลน์เลย

เขานั้นแม้ไม่ได้มีเงินมากนักแต่ก็เคยไปพักในคฤหาสน์ช่วงวันหยุดมาแล้วหลายแห่ง  ทว่าหลังจากมาเห็นทิวทัศน์ของคฤหาสน์ชิงหลินแล้วก็บอกได้เลยว่าไม่มีที่ไหนเทียบกับที่นี่ได้  หรือก็คือไม่คู่ควรที่จะนำมาเปรียบเทียบด้วยซ้ำ  แค่จะเป็นคนขัดรองเท้าให้ที่นี่ก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ

ไม่ช้าฉินหลินก็ได้พบกับหลี่ชิงและประธานเปา

ทันทีที่พบกันหลี่ชิงก็พูดขึ้น “ฉินหลิน  คนนี้คือประธานเปาของสมาคมสุรา  ประธานเปายังเป็นที่ปรึกษาอุตสาหกรรมสุราชั้นนำของประเทศอย่างเหมาไถกับเฟินจิ่วด้วย”

เมื่อฉินหลินได้ฟังกิตติศัพท์ของประธานเปาแล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ตำแหน่งประธานสมาคมสุราของประเทศนี้ไม่ใช่กระจอก  เพราะมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมสุราในประเทศอย่างเหมาไถกับเฟินจิ่วก็ไม่ใช่น้อย ๆ

แต่ในตำแหน่งประธานของสมาคมนี้กลับไม่ได้มีคนจากตระกูลสุราหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องดำรงตำแหน่ง  กลับเป็นชายชราตรงหน้านี้ที่เป็น  อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเหล้าชั้นนำอย่างเหมาไถกับเฟินจิ่วอีก

มันแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความสามารถขนาดไหน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับประธานเปา” ฉินหลินจับมือกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

สีหน้าประธานเปาสะท้อนด้วยอารมณ์ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับเถ้าแก่ฉิน  พอได้เห็นตัวจริงตาเฒ่าอย่างผมก็อดชื่นชมไม่ได้  ในประเทศเราไม่มีคนรุ่นใหม่ที่โดดเด่นเท่าคุณแล้วล่ะนะ”

คำพูดนั้นได้พูดออกมาจากใจ

ตลอดชีวิตมานี้ประธานเปาเคยเห็นคนที่มีความสามารถมาแล้วมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นหม่าต้าเหล่าหรือใครก็ตาม  แต่ในด้านอายุและความสำเร็จก็ไม่มีใครที่ทำให้ตกใจมากขนาดนี้ได้แล้ว

แล้วหลี่ชิงก็แทรกเข้ามาว่า “ที่ประธานเปามาคราวนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากให้นายช่วย  แถมครั้งนี้มีแค่นายเท่านั้นที่ช่วยใด้จริง ๆ แถมยังเป็นการช่วยอุตสาหกรรมเหล้าในประเทศเราทั้งวงการเลยด้วย”

ฉินหลินได้ยินดังนั้นก็งงสิ “ตกลงเรื่องเป็นไงแน่เฒ่าหลี่”

หลี่ชิงตอบหน้านิ่วคิ้วขมวด “ให้ประธานเปาพูดเถอะ  เรื่องนี้มันเป็นปัญหาที่อุตสาหกรรมเหล้าในประเทศกะลังเผชิญอยู่”

ฉินหลินจึงหันไปมองประธานเปา

ประธานเปาถอนหายใจและเริ่มพูด “เถ้าแก่ฉินควรรู้เหล้าในกับเหล้านอกมักจะมีการแข่งขันกันอยู่เสมอ”

“เหล้านอกพวกนั้นสามารถเผยแพร่ออกไปได้ทั่วโลก  แต่เหล้าในไม่ว่าจะเป็นเหล้าไฮเอนด์อย่างเหมาไถหรือเฟินจิ่วที่ดังในประเทศเราแค่จะส่งออกนอกบ้างยังทำไม่ได้เลย...

ในช่วงหลายปีมานี้เหล้านอกยังได้รับความนิยมในประเทศเรามากขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้มันเข้ามารุกตลาดสุราบ้านเราอย่างหนักแล้ว”

“ครับ!” ฉินหลินรู้เรื่องนี้

มันช่วยไม่ได้ที่ต้องรู้  เพราะเขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นสุราชิงหลิน  ถ้าจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ควรเป็นเถ้าแก่โรงกลั่นแล้วล่ะ

ตามรายงานการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล่าสุด  ส่วนแบ่งการตลาดสุรามีเพียง 42% โดยแบ่งเป็นของเหล้านอก 28% เหล้าใน 14%

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ส่วนแบ่งการตลาดของสุราเพิ่มขึ้นมาก  และเหล้านอกต่างได้รับความสนใจมากขึ้นและมีการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทีละนิดทีละหน่อย

แม้แต่ในสถานที่ที่บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นกระแสหลักอย่าง KTV ผับบาร์  ไนต์คลับ...  เหล้านอกกำลังกลายเป็นเครื่องดื่มปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ จนบางที่หาเงาของเหล้าในแทบไม่เห็นแล้วด้วยซ้ำ

เรื่องนี้แทบจะเรียกว่าจู่ ๆ ก็เกิดขึ้น

ฉินหลินไม่รู้สาเหตุ  ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเขาไม่สันทัดเรื่องการดื่มเหล้า  และเขาก็ไม่รู้เรื่องเหล้าอะไรมากนักด้วย

หลี่ชิงเสริมว่า “จริง ๆ โดยทั่วไปแล้วเหล้าของเราก็ไม่ได้ด้อยกว่าเหล้านอกพวกนั้นหรอก  แม้แต่ในหมู่เหล้ากลั่นเหล้าของเราก็ยังเป็นราชา”

ประธานเปาพยักหน้า “โดยทั่วไปก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่ในแง่ของการประชาสัมพันธ์มันต้องเอาของที่ดีที่สุดมาจัดแสดงให้คนนอกเห็นเสมอ”

หลี่ชิงเห็นด้วย “นั่นก็จริง  เหมือนการประกวดความงามที่ต้องส่งคนสวยที่สุดออกมาเสมอ  ถ้าหากผู้หญิงจากที่ไหนได้แชมป์  แม้ในความเป็นจริงแล้วที่นั่นจะมีสาวสวยแค่ไม่กี่คนก็ตาม  แต่ดีกรีแชมป์จะเป็นตัวทำให้คนอื่น ๆ พูดถึงที่นั่นว่าเป็นที่ที่ผู้หญิงสวยที่สุด”

ประธานเปาเสริมต่อ “แล้วตอนนี้เหล้าในบ้านเราก็กำลังเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก  เพราะยุคก่อนหน้านั่นมันทำให้อุตสาหกรรมสุราทั้งวงการต้องตกในสภาพล้มเหลว  หลังจากช่วงนั้นมาตลอดสิบปียังไม่แม้จะเริ่มฟื้นตัวเลย”

“เพราะงั้นเหล้าในบ้านเราที่อายุสามสี่สิบปีจึงหายากมาก  ยิ่งเป็นเหล้าชั้นยอดด้วยยิ่งแล้วใหญ่  ซึ่งเหล้านอกดันมีข้อได้เปรียบที่ตรงนี้  คิดว่าคุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องลาฟีต์อายุแปดสิบสองปี  หรือวิสกี้อายุเจ็ดสิบปีมาบ้าง”

“ในงานประชุมแลกเปลี่ยนสุรานานาชาติที่กะลังจะจัดขึ้นนี้ถ้าคนนำเหล้าชั้นเลิศเหล่านี้ออกมาเราก็จะต้องทรมาน  เวลาดื่มเทียบกันระหว่าเหล้านอกกับเหล้าในกลิ่นกับรสของเหล้านอกจึงเรียกได้ว่ากระทืบเหล้าในจนยับ”

“สาเหตุหลัก ๆ ก็มาจากเหล้าในบ้านเรามันเก่าไม่พอ  ระยะเวลาหมักบ่มไม่นานกลิ่นหอมกับรสชาติที่กลมกล่อมจึงยังไม่ฟอร์มตัวเต็มที่  ก็เลยไม่แปลกที่จะสู้เหล้าอื่น ๆ ในงานแลกเปลี่ยนสุรานานาชาติได้”

“ถึงแม้จะมีบางคนที่สะสมเหล้าระดับสูงอยู่บ้างก็ตาม  แต่คนเหล่านั้นย่อมไม่ยอมแบ่งให้คนอื่นชมฟรี ๆ แน่”

หลี่ชิงคร่ำครวญว่า “ถ้าผ่านไปอีกสิบปีแล้วมีบริษัทเหล้ารายใหญ่ปล่อยของที่เก็บไว้ในห้องใต้ดินพอสมควรออกสู่ตลาดล่ะก็คงพอทำอะไรได้บ้าง”

“แต่ปัญหาคือเราไม่มีเวลาขนาดนั้นไง  เมื่อมีการส่งเสริมเหล้านอกตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้การรับรู้กลายเป็นความประทับใจแรก  ผลคือทางนั้นจะกลายเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในตลาด”

“ทุกวันนี้ในหมู่คนรุ่นใหม่มีคนที่มีสามัญสำนึกไปแล้วว่าเหล้านอกดีกว่าเหล้าบ้านเรา  เพราะงั้นที่ประธานเปามาหานายครั้งนี้ก็จากจะมาขอเหล้าเก่าในห้องเก็บเหล้าของนาย”

ในที่สุดหลี่ชิงก็ช่วยประธานเปาเปิดเผยจุดประสงค์

เขานั้นเคยไปเยี่ยมชมห้องเก็บเหล้าของฉินหลินมาแล้วและเหล้าเก่าเก็บของฉินหลินนั้นโหดสะพรึงขนาดไหน

ตราบใดที่สามารถเอาเหล้าเก่าเก็บเหล่านั้นออกมาได้ล่ะก็  ต่อให้อีกฝ่ายจะเอาลาฟีต์อายุ 82 ปี  วิสกี้อายุ 70 ปี  หรือแม้แต่เหล้าที่เก่าเก็บยิ่งกว่านี้ออกมายังไงก็ต้องโดนบดขยี้อยู่ดีหากเป็นในแง่ของกลิ่ยและรสชาติอันกลมกล่อม

เมื่อประธานเปาเห็นหลี่ชิงช่วยพูดแล้วก็รีบร้องขอด้วยเช่นกัน “ได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะครับเถ้าแก่ฉิน  ทางเรายินดีซื้อในราคาตลาดเลย”

“ในเมื่อทำเพื่อวงการสุราบ้านเราทั้งวงการ...  งั้นผมก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ” ฉินหลินพยักหน้าตอบรับ

แม้ว่าเขาจะดื่มไม่เก่งและไม่ค่อยชอบดื่มเหล้าก็ตาม  แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้เหล้าของประเทศตนต้องถูกเหล้าจากต่างประเทศบดบัง

ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นเจ้าของโรงกลั่นสุราชิงหลิน

หากสุราชิงหลินสามารถเข้าไปเป็นที่หนึ่งในงารประชุมแลกเปลี่ยนระดับนานาชาตินี้ได้ล่ะก็  นั่นจะหมายความว่าสุราชิงหลินคือเหล้าที่ดีที่สุดในโลก  ซึ่งเป็นผลดีสำหรับตนด้วยเช่นกัน

“งั้นก็ขอเชิญทั้งสองท่านไปชมห้องเก็บเหล้าของผมกันเลย!” ฉินหลินก็ลุกขึ้นและเชิญหลี่ชิงกับประธานเปา

หลี่ชิงนั้นแสดงความตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้ามาก

เพราะในที่สุดก็ได้เข้าไปในห้องเก็บเหล้านั่นอีกครั้งแล้ว

เหล้าที่อยู่ข้างในเป็นสิ่งเพลิดเพลินสำหรับนักดื่มเช่นเขา  แม้จะทำได้แค่ดูแต่ตามืออย่าต้องก็ยังฟิน

ส่วนตัวฉินหลินเองก็ไม่ค่อยได้เข้าไปในห้องเก็บเหล้าเว้นแต่จะจำเป็นเท่านั้น  เนื่องจากห้องใต้ดินมีเหล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีกลิ่นละมุดฉุนกึ๊ก

นอกจากนี้เหล้าในห้องเก็บเหล้ายังเป็นเหล้าที่ถูกหมักบ่มไว้ในเกมอีกด้วย  ซึ่งย่อมไม่เพียงแต่ส่วนที่กลายเป็นเหล้าเก่าเก็บเท่านั้น  แต่ยังมีส่วนที่เป็นเหล้าดองสมุนไพรที่ใช้วัตุดิบจากเกมด้วย  ผลคือกลิ่นละมุดฉุนกึ๊กดังกล่าวจริง ๆ แล้วคือกลิ่นหอมเหล้าที่เข้มข้นกลมกล่อมชวนมึนเมามาก ๆ นั่นเอง

ทันทีที่ประธานเปาเข้ามาก็เลยรู้สึกมึนเมาด้วยกลิ่นหอมของเหล้าอย่างจัง

ส่วนหลี่ชิงนั้นสายตาได้ตรึงอยู่กับฉากภายใน  เขาเคยเข้ามาแล้วจึงรู้ว่าเหล้าในชั้นวางล้วนถ้าไม่ใช่เหล้าสมุนไพรชิงหลินก็เป็นเหล้าระดับสูงเก่าเก็บแบบวินเทจโคตร ๆ

แต่คราวนี้เมื่อเข้ามากลับเห็นว่าตอนนี้เหล้าบนชั้นวางล้วนเป็นเหล้าสมุนไพรชิงหลินขวดเงิน  นอกจากนี้ยังมีขวดที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้สไตล์วินเทจเป็นพิเศษอีกต่างหาก

ส่วนขวดทองแดงนั้นถูกย้ายออกจากตรงกลางไปวางมุม ๆ

เขารู้ว่าเหล้าสมุนไพรของฉินหลินที่อยู่ในขวดเงินนั้นเก่ากว่าในขวดทองแดง  และในขวดที่อยู่ในกล่องไม้นั้นเก่ากว่าในขวดเงิน

ส่วนที่เก่าที่สุดคือในขวดทองคำซึ่งเป็นเหล้าโคตรโหดที่มีอายุร้อยปี

และคราวนี้เขาได้เห็นชั้นวางเหล้าที่อยู่ตรงกลางแล้ว  ซึ่งทั้งชั้นเต็มไปด้วยขวดเหล้าสีทอง

เขาตกตะลึงทันที

ทั้งหมดนั่นคือเหล้าสมุนไพรอายุร้อยปี...  เรอะ!

ใคร ๆ ก็รู้ว่าแค่จะหาเหล้าสมุนไพรขวดหนึ่งมาดื่มนั้นยังหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ทั้งเขาและเฒ่าเฉินต่างก็เดาเอาไว้แล้วว่าฉินหลินมีมรดกเหล้าสมุนไพรที่ลึกลับมาก  อีกทั้งยังมีห้องเก็บเหล้าลับที่พวกตนยังไม่รู้อยู่ด้วยซ้ำ

ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่เพียงแต่จะมีห้องเก็บเหล้าลับเท่านั้น  แต่มรดกดังกล่าวก็ยังเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าอีกด้วย

ไม่งั้นจู่ ๆ มันจะมีเหล้าพวกนี้โผล่มาจากไหน

“เชิญทางนี้ครับประธานเปา  ถ้าเป็นเหล้าเพียว ๆ จะอยู่ตรงนี้!” ฉินหลินพาประธานเปากับหลี่ชิงไปที่มุมหนึ่งของห้องเก็บเหล้า

ที่นั่นมีถังเหล้าที่ทำจากไม้โอ๊กวางกันให้พรึบ

แน่นอนว่าภายในมีเหล้าทุกชนิดบรรจุอยู่

มีทั้งเหล้าในตลาดรวมไปถึงสุราชิงหลินที่กลั่นจากข้าวหลวงเสียงสุ่ยด้วย

โดยเหล้าเหล่านี้ย่อมถูกเอาไปหมักบ่นไว้ในเกมจนถึงระยะหนึ่งก่อนถึงค่อยเอาออกมา  ทำให้ทั้งหมดล้วนเป็นเหล้าระดับสูงที่โคตรแห่งความวิเทจ

“เถ้าแก่ฉินพอจะบอกอายุของเหล้าพวกนี้ได้มั้ยครับ  ถ้าต้องการเอาชนะเหล้านอกในงานแลกเปลี่ยนก็ต้องมีอย่างน้อยก็ห้าสิบปี” ประธานเปาตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นถังเหล้า

เขารู้สึกว่าเหล้าพวกนี้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้  ต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้เหล้าอายุ 30 ปีนั้นหายากมากแล้ว 40 ปียิ่งหายากมากกว่า  ส่วน 50 ปีนั้นไม่นับเป็นถังแต่นับเป็นขวด

ต่อให้เถ้าแก่ฉินจะโคตรเก่งอย่างที่หลี่ชิงพูดก็ตาม  แต่สุดท้ายแล้วเหล้าระดับนั้นก็ไม่นับกันโดยใช้หน่วยเป็นถังแบบนี้หรอกใช่มั้ยล่ะ

ไม่งั้นเหล้าเก่าเก็บดังกล่าวมันจะไปหายากในโลกภายนอกได้ยังไง

ฉินหลินตอบว่า “อายุก็เขียนไว้บนถังแล้ว  ประธานเปาลองดูเองเองก็แล้วกันครับ”

แล้วประธานเปาก็เดินเข้าไปดูและเห็นว่ามีตัวเลขปีกำกับอยู่จริง  ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้ต้องตกตะลึง

“เหมาไถห้าสิบปี  เหมาไถหกสิบปี  เหมาไถเจ็ดสิบปี  เฟินจิ่วห้าสิบปี  เฟินจิ่วหกสิบปี  เฟินจิ่วเจ็ดสิบปี…” ประธานเปาพึมพำกับและกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ไปด้วยแบบไม่รู้ตัว

นี่...  เป็นไปได้ยังไงที่เหล้าเหมาไถกับเฟินจิ่วอายุเท่านี้จะมีเยอะขนาดนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีเหล้ายี่ห้ออื่น ๆ ที่อายุพอ ๆ กันอยู่อีก...

แต่นี่มันเป็นไปไม่ได้เลย...

ถ้าเหล้าพวกนี้เป็นของจริงแล้วห้องเก็บเหล้าของเถ้าแก่ฉินจะน่ากลัวขนาดไหน  เกรงว่าห้องเก็บเหล้าของปรมาจารย์ด้านสุราทั้งหมดในประเทศรวมกันยังสู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำไป

รู้บ้างมั้ยว่าทั้งเหมาไถและเฟินจิ่วยังไม่มีเหล้าที่เก่าเก็บขนาดนี้อยู่ในห้องใต้ดินลับของเจ้าตัวเลย  ไม่งั้นทั้งเหมาไถและเฟินจิ่วจะยอมนั่งมองเหล้านอกเข้ามาบีบบี้แย่งส่วนแบ่งตลาดของตัวเองทีละก้าวสองก้าวตาปริบ ๆ ทำไม

สรุปคือตอนนี้ทั้งเหมาไถและเฟินจิ่วล้วนไม่มีเหล้าที่อายุเท่านี้อยู่เลย

อะไรจะมหัศจรรย์ขนาดนี้

เถ้าแก่ของเหมาไถกับเฟินจิ่วรู้เข้าไม่เป็นบ้าตายไปเลยรึ

“เถ้าแก่ฉิน... อายุของเหล้านี่...  มัน...  จริงเหรอครับ!” ประธานเปาถามคำถามนี้ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด