บทที่ 165 คำขู่ไม่เป็นผล!
“อ๊า! อ่า...”
ศิษย์บำรุงสำนักที่เหลือ ใบหน้าของพวกเขาล้วนชุ่มโชคไปด้วยคราบโลหิต ในแววตามองเห็นเพียงสีแดงฉานอันน่าสยดสยอง
เมื่อสายตาประจักษ์เห็นศพที่นอนชักกระตุกอยู่บนพื้น ร่างก็ผงะถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากก้นบึ้ง
ฉึก!
แต่ขณะที่พวกเขาเปิดปากจะแผดเสียงร้อง ก็ปรากฏแสงกระบี่วาวเยือกสายหนึ่ง จมเข้าไปในปากยับยั้งความหวาดกลัวของพวกเขาทันที
อึก!
เซวียเหินซึ่งยืนมองเหตุการณ์อยู่ทางด้านข้าง ก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ดวงตาเบิกกว้างราวกับว่าเขาได้เห็นเรื่องที่น่าทึ่งที่สุดในโลก
ผู้ฝึกยุทธ์สามคนในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม และผู้ฝึกยุทธ์สี่คนในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่!
เมื่อทั้งเจ็ดคนรวมกลุ่มตั้งเป็นกองกำลัง ความแข็งแกร่งนั้นย่อมมิใช่น้อย แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกสังหารสิ้นในการเผชิญหน้าเพียงครั้งเดียว ซ้ำยังไร้พลังไม่อาจต้านได้แม้เพียงกระบวนท่า!
นี่มันความแข็งแกร่งอะไรกัน!
ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าก็ไม่อาจกระทำการได้เช่นนี้!
แม้ตัวเขาจะได้ประจักษ์ชัดกับตาตนเองแล้ว แต่เซวียเหินก็ยังไม่อยากจะเชื่อราวกับว่ากำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่อาจเป็นไปได้อย่างแน่นอน! เจ้าเป็นเพียงแค่คนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา จะสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร!”
เฉาจีมองยังหลัวเฉิงด้วยความหวาดกลัว แต่ในใจกลับไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้
หลัวเฉิงเหลือบมองเขาด้วยหางตาแล้วกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ
“ตอนนี้เจ้าจะบอกข้าได้หรือยัง ว่าเหตุใดเฉาชิงจึงตามหาข้า”
เพียงแววตาที่จ้องมองมาก็ทำเอาเฉาจีถึงกับรู้สึกหนาวสั่นทั่วทั้งกระดูกสันหลัง ไหนเลยเขาจะกล้าปกปิด เบื้องหน้าเขายามนี้คล้ายไม่ใช่คน แววตาที่มองมาดุจเดียวกับมัจจุราช
“ข้า...ข้าไม่ค่อยรู้ละเอียดนัก เพียงได้ยินมาจากลูกพี่ลูกน้องข้าว่ามีคนขอให้เขากับฟางรุ่ยสังหารเจ้าในการทดสอบชิงอวิ๋น”
“โอ้? สองตัวเต็งสิบอันดับแรกงั้นหรือ!”
หลัวเฉิงเลิกคิ้วขึ้นคล้ายกำลังนึกคิด หากเป็นผู้อาวุโสเหออยู่เบื้องหลัง ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกังวลแต่อย่างใด
“มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ต้องการเอาชีวิตข้า!”
หลัวเฉิงเหยียดยิ้มเย็นชา
ด้วยอำนาจที่สามารถสั่งการตัวเต็งสิบอันดับแรกได้อย่างใจนึก นั่นเท่ากับว่าฐานะของผู้อยู่เบื้องหลังนั้นย่อมไม่ธรรมดา
แต่เขายังไม่รู้ว่าเป็นฉินต้าวหยวนผู้อาวุโสของสำนักฝ่ายนอก หรือ จินหมินศิษย์หลักกันแน่
“หลัวเฉิง ข้าบอกเจ้าในทุกเรื่องที่ข้ารู้แล้ว ข้าไปได้หรือยัง?”
เฉาจีมองหลัวเฉิงด้วยแววตาหวาดหวั่นยิ่ง
“ไปงั้นหรือ?”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะแล้วกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าอุตส่าห์บอกเรื่องนี้แก่ข้า ข้าจะทำให้เจ้าจากไปอย่างไม่เจ็บปวด”
“เจ้า! เจ้าต้องการฆ่าข้างั้นรึ!”
ดวงตาเฉาจีเบิกกว้างแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “หลัวเฉิง ลูกพี่ลูกน้องของข้าคือเฉาชิง หนึ่งในสิบตัวเต็งอันดับแรก! หากเจ้าสังหารข้าเขาจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่! ไม่ว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งมากขนาดไหนก็ไม่มีวันประมือกับเขาได้!”
โดยมีเฉาชิงเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เฉาจีจึงไม่ได้หวาดกลัวต่อศัตรูใด จึงคิดว่าหากกล่าวออกไปหลัวเฉิงต้องไม่กล้าแตะต้องเขาอย่างแน่นอน!
“เฉาชิง?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลัวเฉิง ทันใดก็เอื้อมมือไปคว้าคอของเฉาจียกขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอำมหิต
“แม้แต่ผู้อาวุโสข้าก็ทำให้ขุ่นเคืองมาแล้ว คิดว่าข้ายังจะกลัวเฉาชิงอยู่หรืออย่างไรกัน หากเจ้าคิดจะใช้อำนาจเขาข่มขู่ข้า เกรงว่าเจ้าคงคิดผิด”
แฮก! แฮก! แฮก!
ใบหน้าของเฉาจีเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำและใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อสูดลมหายใจเข้า มือเท้าพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนให้หลุดจากมือที่กำลังกระชับลำคอเขาไว้แน่น
ในตอนนี้ เขาก็ได้เข้าใจว่าความหวาดกลัวที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
เขาไม่คิดเลยว่าหลัวเฉิงผู้นี้จะกล้ามากขนาดไร้ซึ่งความหวาดกลัวต่อนามเฉาชิง ขณะที่พยายามจะเปิดปากอ้อนวอนร้องขอความเมตตา แต่เสียงที่ส่งออกมากลับเป็นเพียงเสียงอากาศหวีดหวิว
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานข้าจะให้เจ้ากับลูกพี่ลูกน้องของเจ้าได้พบกันอีกครั้งในปรโลก!”
สิ้นเสียง หลัวเฉิงก็บีบมือเข้าอย่างแรง
เสียงกร๊อบดังขึ้นที่คอของเฉาจี เมื่อกระดูกลำคอถูกบีบจนละเอียดเขาก็สิ้นใจตายคามือของหลัวเฉิงทันที
เมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายสิ้นใจตายแล้ว หลัวเฉิงก็โยนร่างของเฉาจีไปทางด้านข้าง แล้วสืบเท้าเข้าหาเซวียเหิน
ครั้นได้เห็นเช่นนั้น เซวียเหินก็ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกอย่างเหนื่อยหอบ
เพราะชายตรงหน้านี้ สามารถสังหารคนได้อย่างไรปรานีราวกับบทขยี้เพียงหมดปลวก! ความแข็งแกร่งของเขานั้นมากจนน่าหวาดกลัวทีเดียว!
เซวียเหินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับสติอารมณ์ จากนั้นประสานมือกำหมัดกัดฟันกล่าว
“ขอบคุณศิษย์พี่ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”