บทที่ 164 หนึ่งกระบี่สามศีรษะ
หลัวเฉิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วทันที เพราะระหว่างที่กำลังดูการต่อสู้อย่างตื่นเต้น แต่จู่ๆก็พบว่ามีนามของตนถูกขานขึ้น
เซวียเหินชะงักเสียงขาดไปครู่ แต่สุดท้ายก็ยกหน้าขึ้นกัดฟันกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“ข้าสามารถมอบแต้มการล่าให้เจ้าได้ แต่อย่างไรข้าจะไม่ไปอาศัยใบบุญของเฉาชิง! หากอยากจะเป็นศิษย์ฝ่ายนอก ข้าจะพึ่งพาเพียงความสามารถตัวเองเท่านั้น!”
“ปากดีนัก! ไปตายซะ!”
เฉาจีตวาดเสียงแข็งกร้าว
ทุกคนก็ต่างชักอาวุธเตรียมพร้อมจะลงมือเช่นเดียวกัน
แต่ทันใดนั้นเอง
แคร็ก!
เสียงกิ่งไม้หักก็ดังขึ้นจากป่าทึบในบริเวณใกล้เคียง
“นั่นใคร!”
เฉาจีมองป่าทึบด้วยแววตาหวาดระแวง
ทันใด หลัวเฉิงก็เดินออกมาจากที่ซ่อนอย่างเชื่องช้า
“นั่น นั่นมันหลัวเฉิงมิใช่หรือ? คนที่ศิษย์พี่เฉาชิงกำลังตามหาอยู่!”
หนึ่งในนั้นพลันอุทาน
ครั้นได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเฉาจีก็เบิกกว้างเปล่งประกาย จากนั้นก็เปิดปากหัวเราะอย่างสุดเสียง
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า! พวกเราอุตส่าห์ตามหาเจ้าอย่างยากลำบาก แต่จู่ๆ กลับโผล่มาหาด้วยตัวเองถึงที่นี่! ฮ่าๆ”
หลัวเฉิงรู้สึกสะกิดใจในบางสิ่ง
เขาพบว่าเซวียเหินเป็นคนที่มีนิสัยใจคอไม่เลว จิตใจแน่วแน่และตั้งมั่นในปณิธานตน ด้วยนิสัยเช่นนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อเขา จึงได้ตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วย
แต่สิ่งที่เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้น นั่นคือตัวเต็งสิบอันดับแรกกลับต้องการตัวเขา
“เฉาชิงต้องการอะไรจากข้า”
หลัวเฉิงโพล่งปากถามอย่างกะทันหัน
ตัวเต็งในสิบอันดับแรกย่อมสามารถกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกได้อย่างง่ายดาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาสงสัยว่าไฉนต้องออกตามล่าเขาเพื่อตำแหน่งศิษย์ฝ่ายนอกด้วย
“สำหรับผู้ที่กำลังจะตาย ไยจึงถามมากมายเช่นนี้”
เฉาจีมองยังหลัวเฉิงด้วยแววตาอำมหิตก่อนแสยะยิ้มเยือกเย็นกล่าวว่า “แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญ หลังสังหารเจ้าแล้วข้าจะมอบหัวเจ้าให้กับลูกพี่ลูกน้องของข้า มันจะนับว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่! หากฆ่าสังหารเจ้าได้อย่างไรเสียข้าก็สามารถกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกได้เช่นเดียวกัน!”
หลัวเฉิงเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “จริงหรือ? ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้วไง หากเจ้าอยากได้หัวข้าถึงเพียงนี้ ไยไม่เข้ามาเอาเล่า”
“ไอ้ขยะบัดซบ ไปตายซะ!”
เมื่อรับรู้ถึงแววตาเหยียดหยามของหลัวเฉิง เฉาจีก็มิอาจระงับโทสะได้อีกต่อไป ทันใดก็สะอึกกายเข้าหา แล้วฟาดหลัวเฉิงกลางกระหม่อมด้วยฝ่ามือ
“ระวัง!”
เซวียเหินรีบอุทานเตือนหลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งของเฉาจี นับว่าเป็นหนึ่งในผู้โดดเด่นของผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ด้วยกัน อีกทั้งเขายังเพิ่งรับการโจมตีของอีกฝ่ายไปเมื่อครู่จึงรับรู้เป็นอย่างดี
แต่กระนั้น ฉากที่เกิดเบื้องหน้าของเซวียเหินในตอนนี้ ทำให้เขาถึงกับตะลึงลานมิอาจกล่าววาจาใดออกมาได้
เนื่องจากยามนี้ หลัวเฉิงเพียงยื่นมือออกไปรับฝ่ามือของเฉาจี ด้วยท่าทางสงบราวกับมิได้สะทกสะท้านต่อความรุนแรงที่พุ่งเข้าใส่แม้แต่น้อย
“นี่เจ้าคิดจะตบยุงให้ข้าหรืออย่างไรกัน?” หลัวเฉิงกล่าวน้ำเสียงราบเรียบพลางเยื้องศีรษะไปมองด้วยแววตาเย้ยหยัน
“รนหาที่ตาย!”
ใบหน้าเฉาจีเต็มไปด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น ไม่ช้าก็เค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อสะบัดมือให้หลุดแล้วเข้าโจมตีอีกหน
แต่ทว่า ฝ่ามือของหลัวเฉิงที่คว้ามือเขาไว้นั้นคล้ายดั่งโซ่ตรวนขนาดใหญ่ ต่อให้เขาจะออกแรงมากขนาดไหนหรือใช้ความพยายามมากเพียงใด สุดท้ายมันก็ไร้ค่า
ระหว่างนั้น เฉาจีคล้ายจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ในหัว จึงเปิดปากตวาดลั่น
“รอช้าอยู่ไย! ร่วมมือกันสังหารมันให้ได้! หากเอาหัวของมันไปได้ ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะตบรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม!”
“ฆ่า!”
ศิษย์บำรุงสำนักเจ็ดคนที่เหลือกรูเข้าล้อมแล้วพุ่งเข้าใส่หลัวเฉิงทันที มีทั้งปราณกระบี่และปราณหมัด แต่ละกระบวนท่านั้นล้วนไร้ความปรานี
เซวียเหินเบือนหน้าหนีด้วยใจไม่กล้าพอจะมองเห็นฉากต่อไป
การถูกล้อมโจมตีด้วยกระบวนท่ามากมายขนาดนี้ ต่อให้จะมีความแข็งแกร่งในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ก็ต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง ในหัวเขาปรากฏภาพหลัวเฉิงถูกสับเละเป็นชิ้นๆ
“ในเมื่อพวกเจ้าแสวงหาความตายเช่นนี้ ก็อย่าได้คิดตำหนิข้าแล้วกัน!”
หลัวเฉิงยกมุมปากยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วเหวี่ยงเฉาจีกระเด็นไปด้านข้าง พริบตาก็ไหวกายเข้าชกสองคนเบื้องหน้าที่กำลังกรูเข้ามาจนในปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ สองร่างละลิ่วลอยสูงด้วยแรงหมัดมหาศาล พานให้พวกเขาทั้งคู่ต้องสิ้นใจตายกลางอากาศ
เสี้ยวอึดใจเกือบจะแทบเวลาเดียวกัน
เคร้ง!
กระบี่ทลายสวรรค์ถูกชักออกจากฝัก พร้อมกับร่ายรำท่วงท่าในชั่วพริบตา
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
สามร่างที่เหลือซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ยังไม่ทันได้ตอบสนองศีรษะก็ถูกตัดกระเด็นจากบ่าทันที ปรากฏเป็นเสาโลหิตสามเสาโผล่ขึ้นมาจากรอยตัด ละอองเลือดปลิวกระจายคล้ายดั่งสายฝน ส่งกลิ่นคาวอันน่าสะอิดสะเอียนไปทั่วอาณาบริเวณ!