ดาบที่รอการลับคม (19)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 15>
2. ดาบที่รอการลับคม (19)
****
ชายคนนั้นเดินช้าๆ
สถานที่ที่เขาอยู่คือห้องโถงของพระราชวังทางทิศเหนือของเมือง
ทุกที่ที่มองเห็นประดับประดาไปด้วยอัญมณีและเครื่องประดับนานาชนิด
มีพรมแดงที่สวยงามปูอยู่ใต้ฝ่าเท้า
"กรี๊ดดดด!"
"ช่วยด้วย......!"
สาวใช้มนุษย์กรีดร้องและวิ่งหนีออกไป
พวกเขากำลังวิ่งหนีออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงชายคนนั้น
เป็นเรื่องปกติ
เพราะตัวของเขาเปื้อนเลือด
“กร๊าก!”
ขุนนางผิวขาวที่มีดวงตาแดงก่ำพุ่งเข้าใส่เขาทันที
มันเป้นทหารองค์รักษ์ของวังหลวง
มันได้ขว้างทวนยาวออกไปแล้ว
มันพยายามจะฉีกชายคนนั้นด้วยเล็บและฟันของมัน
ซวบ
"กร๊าก?"
ชายคนนั้นเดินผ่านเขาไป
มีเส้นสีแดงปรากฏบนคอของขุนนางผิวขาวที่แข็งค้างอยู่ และจากนั้นร่างกายของเขาก็แยกออกจากกัน
ชึ้บ!
จากนั้นเลือดก็พุ่งออกมา
มันสร้างแอ่งน้ำบนพรมแดง
ชายคนนั้นไม่สนใจและเดินต่อไป
"นั่นอะไร เจ้าบ้านั่น......!"
"ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ!"
“หากแกก้าวเข้ามาอีกก้าว ฉันจะฆ่าแก!”
ขุนนางผิวขาวล้อมรอบชายคนนั้นไว้ในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง
แต่ไม่มีใครกล้าก้าวออกไป
เพราะขุนนางผิวขาวผู้กล้าหาญได้กลายเป็นศพนอนเกลื่อนอยู่ตรงนั้นแล้ว
"หลีกไป"
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
ขุนนางผิวขาวสองคนที่ขวางทางเขาอยู่ลังเล
ผู้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังตะโกน
"พวกนายยืนบื้ออะไรอยู่?!"
ทหารสองนายที่ถูกเร่งเร้ารวบรวมความกล้าและยกอาวุธขึ้น
โจมตีพร้อมกันจากทางซ้ายและขวา
สายตาของชายคนนั้นมองไปทางซ้ายและขวา
ดาบเหล็กทื่อๆเริ่มวาดเป็นเส้นโค้ง
"......"
ขุนนางผิวขาวทางขวากระโจนเข้าใส่ชายคนนั้น
ด้วยความเร็วที่ทำให้รู้สึกเหมือนอากาศสั่นสะเทือน
เล็บของพวกมันเฉียดผ่านหน้าท้องของชายคนนั้น
ทันทีนั้น ทางด้านซ้ายเล็บของทหารอีกนายเล็งไปที่คอของชายคนนั้น
ในชั่วพริบตา ดาบก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเหมือนแสง
ดาบและเล็บปะทะกัน
"อ๊ะ!"
การโจมตีของขุนนางผิวขาวที่เล็งไปที่คอนั้นไม่สำเร็จ
ปลายดาบของชายคนนั้นแทงทะลุหัวใจของเขาก่อน
ในขณะเดียวกัน ทหารทางขวาที่ทำให้ชายคนนั้นได้รับบาดเจ็บก็กลายเป็นศพไปแล้ว ในขณะที่มันข่วนท้องชายคนนั้น คอก็ถูกดาบตัดขาดอย่างรวดเร็ว
ฉึก!
ชายคนนั้นดึงดาบที่ปักอยู่ที่หัวใจของศัตรูออกมา
ด้วยวิธีนี้ ศพอีกสองศพก็เพิ่มขึ้นในห้องโถงของพระราชวัง
“กร๊าก กร๊าก!”
ตอนนี้ เหล่าขุนนางผิวขาวได้แต่ข่มขู่ ไม่กล้าเข้ามาโจมตีอีก
พวกเขาเข้าใจโดยสัญชาตญาณว่าถ้าต่อสู้กับชายคนนี้พวกมันจะต
“แกเป็นมนุษย์..ใช่ไหม?”
หัวหน้าองครักษ์พึมพำ
มันเป็นไปไม่ได้ตามสามัญสำนึกของเขา
เขาไม่สามารถยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้
ขุนนางผิวขาวเกิดมาเพื่อปกครองมนุษย์
พวกมันมีพละกำลังและสัญชาตญาณสัตว์ที่เหนือกว่ามนุษย์
ขุนนางผิวขาวที่โตเต็มวัยสามารถกระโดดได้ไกลกว่า 5 เมตรในครั้งเดียว วิ่งได้ 100 เมตรภายใน 8 วินาที และสามารถยกหินหนักเกือบ 200 กิโลกรัมได้
พวกมันแต่ละคนเป็นยอดมนุษย์ในสายตามนุษย์
แล้วฟันและเล็บของพวกมันล่ะ?
ฟันกรามที่ดุร้ายสามารถเคี้ยวแม้กระทั่งหิน
เล็บที่แหลมคมและแข็งแรงสามารถสร้างรอยแผลเป็นยาวบนชุดเกราะโลหะได้
เช่นเดียวกับที่มนุษย์เกิดมาและเรียนรู้วิธีเดินตามธรรมชาติ ขุนนางสีขาวก็เรียนรู้วิธีฆ่าและฉีกผู้อื่นให้เป็นชิ้น ๆ เช่นกัน
นี่คือเรื่องของสัญชาตญาณ ไม่ใช่ทักษะ
ขุนนางผิวขาวมีสัญชาตญาณการต่อสู้มาตั้งแต่เกิด แต่นักรบมนุษย์ต้องได้รับจากการฝึกฝนอย่างหนัก
พวกเขาไม่ต้องการอาวุธใด ๆ ตั้งแต่แรก
พวกเขาสวมชุดเกราะและถือหอกก็เพราะความเพี้ยนของกษัตริย์
พวกเขาแค่เล่นตามบทบาทของกษัตริย์เท่านั้น
แล้วมนุษย์ล่ะ
ไม่ว่าพวกนั้นจะฝึกฝนหนักแค่ไหน พวกมันก็พร้อมที่จะเหยียบย่ำ
สำหรับพวกมัน…มนุษย์เป็นเพียงของเล่น
แต่อย่างไรก็ตาม…
มันชัดเจนมาก... ชายคนนั้นกำลังทำลายสามัญสำนึกของขุนนางผิวขาว
“จ๊ากกก จ๊ากกก!”
การโจมตีอันน่าประหลาดใจจากด้านหลัง
ดาบกระพริบขึ้นอีกครั้ง
ขุนนางผิวขาวที่แขนขาดร้องโหยหวน
ในขณะเดียวกัน ดาบเหล็กก็ตัดคอของเขา
และจากนั้น
ทุกครั้งที่ชายคนนั้นก้าวเดิน
จะมีศพของขุนนางผิวขาวกองอยู่ข้างหลังเขาเหมือนถ้วยรางวัล
“เป็นไปได้ยังไง...?”
ชายคนนั้นไม่เร็ว
เขาไม่มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวสายฟ้า เช่น การกระโดดข้ามระยะทางหลายเมตรในครั้งเดียว
เขาดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา
ไม่ เขาค่อนข้างช้า
กลาดิเอเตอร์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานานจะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าชายคนนั้นมาก
แต่มันรวดเร็ว
เขาช้ากว่าขุนนางผิวขาว แต่เร็วกว่าขุนนางผิวขาว
พวกมันไม่สามารถยอมรับความขัดแย้งที่เหลือเชื่อนี้ได้
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายที่โจมตีก่อนคือขุนนางผิวขาว
แต่การโจมตีนั้นไม่โดนตัวชายคนนั้นเลย
คมดาบที่ปรากฏขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้แทงทะลุจุดสำคัญ
มันไม่ใช่ดาบที่ว่องไว
ถ้ามันเร็วอย่างเดียว ขุนนางผิวขาวก็ยังจะรับมือได้
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถป้องกันได้
คมดาบที่ "ปรากฏขึ้น" ไม่อนุญาตให้ใครหลบหลีกได้เลย
เหวี่ยงออกมาทีหลัง แต่ถึงก่อน
นี่คือหลักการของการโจมตีกลับหลังจากตั้งรับ
มันเป็นขอบเขตของศิลปะการต่อสู้ที่ได้มาหลังจากการฝึกฝนและการตรัสรู้เป็นเวลานาน แต่ชายคนนั้นทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
มันไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว
ถ้าเขาใช้ความเร็วเพื่อเอาชนะการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม นั่นก็จะไม่เรียกว่าการโจมตีกลับหลังจากตั้งรับ
เขาทำนายจุดและเวลาการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ
เขารับรู้ตำแหน่งของตัวเองและวิธีการตอบโต้ที่เป็นไปได้อย่างถ่องแท้
จากนั้นจึงปล่อยการโจมตีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุด
"......"
ดาบของชายคนนั้นวาดเป็นเส้นโค้ง
ขุนนางผิวขาวที่กำลังต่อสู้กับเขาเบิกตากว้าง
ดวงตาที่ตั้งตรงของเขามันอ่านวิถีของดาบ
สายตาและปฏิกิริยาตอบสนองของเขานั้นว่องไวพอที่จะจับลูกธนูได้
เมื่อเทียบกับดาบของชายคนนั้น มันช่างเชื่องช้าจนน่าเบื่อ
"ฉันจะฆ่าแก!"
ขุนนางขาวแยกเขี้ยวและเหวี่ยงกรงเล็บของเขา
ใช่แล้ว ตรงนี้
ตรงนี้ เขาสามารถหลบการโจมตีของมันและฆ่ามันได้...ฉึก
ความดีใจของขุนนางผิวขาวก็หยุดลงแค่นั้น
หัวที่ถูกตัดขาดลอยขึ้นไปในอากาศ
"......?"
นี่คือหลักการของภาพลวงตา
มันเป็นเทคนิคที่ทำให้วิถีของดาบเบี่ยงเบนไปเล็กน้อยโดยการขยับปลายดาบและคมดาบอย่างละเอียดในขณะที่เริ่มการโจมตี
ทำให้คู่ต่อสู้เข้าใจผิด
นี่ก็เป็นทักษะขั้นสูงที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและทำควาทเข้าใจเป็นเวลานาน
แต่ผู้ชายทำมันได้เลย
เป็นธรรมชาติมาก
เหมือนว่าเขารู้ตั้งแต่แรกแล้ว
“อ๊าก!”
หัวขุนนางพวกนั้นลอบขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่สำคัญว่าจะเขามาด้านหน้า ด้านข้าง หรือด้านหลัง
"อ๊ะ!"
ตอนนี้พวกมันเริ่มสูญเสียความมุ่งมั่นในการต่อสู้
ทหารบางนายทิ้งอาวุธและวิ่งหนีไป
ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนที่ไม่ยอมแพ้
"อ๊าค!"
ขุนนางผิวขาวอีกคนพุ่งเข้าใส่ชายคนนั้น
แต่ยังไงก็ตามความแข็งแกร่งของชายคนนั้นมีจำกัด
ลมหายใจชายคนนั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น เขาต้องตัดสินผลแพ้ชนะในการโจมตีครั้งเดียว
"......"