บทที่ 39 : ดาบที่เจ้าสำนักธาราไม่สามารถดึงออกมาได้!
บทที่ 39 : ดาบที่เจ้าสำนักธาราไม่สามารถดึงออกมาได้!
ตูมมมมม!
หลินเสวียนใช้เพลิงบัวแดงในการควบเเน่นน้ำยาสมุนไพรที่อยู่ภายในเตาหลอมโอสถสีเลือด!
ตอนนี้, หลินเสวียนค่อยๆเข้าใจเเล้วว่าผลของทักษะการปรุงโอสถสมบูรณ์เป็นอย่างไร
ภายใต้ผลของการปรุงโอสถสมบูรณ์…หลินเสวียนสามารถควบคุมอุณหภูมิของเพลิงบัวแดงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ในตอนนี้ เพลิงโอสถดูเหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของหลินเสวียน
ดังนั้น, การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของน้ำยาสมุนไพรภายในเตาหลอมโอสถสีเลือดล้วนถูกหลินเสวียนควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบผ่านทางเพลิงโอสถ!
นอกจากนี้, หลินเสวียนยังสามารถมองเห็นกระบวนการทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่น้ำยาสมุนไพรที่เป็นของเหลวในตอนแรกค่อยๆรวมตัวกันกลายเป็นโอสถทีละเม็ด
นี่คือกระบวนการปรุงโอสถที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ!
หนึ่งวัน!
สองวัน!
สามวัน!
หลินเสวียนใช้เวลาสามวันเต็มๆจึงสามารถปรุงโอสถได้สำเร็จ
ทันใดนั้น, หลินเสวียนก็ยื่นมือออกมาตบเบาๆที่เตาหลอมโอสถสีเลือด!
ฝาเตาเปิดออก, จากนั้นโอสถสิบสองเม็ดก็ลอยออกมาพร้อมกับเพลิงโอสถ ก่อนจะตกลงบนมือของหลินเสวียน
“สมบูรณ์แบบ!”
หลินเสวียนมองดูโอสถสิบสองเม็ดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี!
ผู้ปรุงโอสถแต่ละคนจะสามารถปรุงโอสถได้จำนวนไม่เท่ากันในหนึ่งเตา
ผู้ปรุงโอสถที่มีพรสวรรค์ต่ำหรือมีทักษะและการควบคุมเพลิงโอสถไม่คล่องแคล่ว…มักจะทำให้สรรพคุณทางยาสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก
คนพวกนั้น…การปรุงโอสถได้หนึ่งเม็ดต่อหนึ่งเตาถือว่าไม่เลวแล้ว!
การที่หลินเสวียนสามารถปรุงโอสถได้ถึงสิบสองเม็ดในหนึ่งเตา เป็นเพราะเขาหลอมรวมสรรพคุณทางยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และดึงศักยภาพของเพลิงโอสถออกมาได้จนถึงขีดสุด
[นายท่าน ข้าเก่งไหมล่ะ!]
คัมภีร์เตาหลอมโลหิตเอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“เก่งมาก!”
หลินเสวียนยกนิ้วโป้งให้คัมภีร์เตาหลอมโลหิต!
[นี่เป็นแค่การปรุงโอสถครั้งแรกของข้าเท่านั้น]
[ข้ารู้สึกว่าถ้าข้าได้ปรุงโอสถอีกสักสองสามครั้ง ได้สัมผัสกับผลของการปรุงโอสถสมบูรณ์มากขึ้น…ข้าอาจจะเข้าใจอะไรมากกว่านี้ก็ได้!]
คัมภีร์เตาหลอมโลหิตพึมพำกับตัวเอง
คัมภีร์เตาหลอมโลหิตรู้สึกว่าตนเองใกล้จะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว…แต่ก็ยังขาดอะไรไปอีกนิด
สิ่งนี้ทำให้คัมภีร์เตาหลอมโลหิตรู้สึกทรมานใจอย่างมาก!
“ไม่ต้องห่วง!”
“ในอนาคตเจ้ายังมีโอกาสปรุงโอสถอีกเยอะ!”
“แต่ตอนนี้ ข้าอยากจะลองดูว่าโอสถหลอมลมปราณนี้จะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง”
หลังจากพูดจบ, หลินเสวียนก็หยิบโอสถหลอมลมปราณขึ้นมาเม็ดหนึ่ง
โอสถหลอมลมปราณนี้มีขนาดเท่าปลายนิ้วโป้ง…มีสีใสแวววาว เเละบนพื้นผิวยังมีหมอกจางๆลอยอยู่
ดูรวมๆแล้วไม่ธรรมดาเลย
หลินเสวียนอ้าปากกลืนโอสถหลอมลมปราณลงไป!
“ตูม!”
ร่างกายของหลินเสวียนสั่นสะท้าน
สรรพคุณทางยาได้ไหลบ่าเเละพุ่งตรงไปทั่วร่างกายของหลินเสวียนอย่างรวดเร็ว!
[ว้าว!]
[รสชาติของโอสถ ช่างน่าหลงใหลจริงๆ!]
[รสชาติไม่เลวไปกว่าศิลาวิญญาณเลย!]
ทันทีที่หลินเสวียนกลืนโอสถลงไป วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานก็ร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นทันที
[วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานดูดกลืนโอสถเป็นครั้งแรก จึงเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้…ทำให้สรรพคุณทางยาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!]
[วิชาระฆังทองคำอมตะ ดูดซับพลังของโอสถเป็นครั้งแรก…ทำให้เข้าใจแก่นแท้ของความเป็นอมตะมากขึ้น, ผิวทองแดงเเละกระดูกเหล็กกำลังเปลี่ยนแปลง!]
ภายในทะเลลมปราณของหลินเสวียน
กลุ่มก้อนลมปราณขนาดเท่าลูกท้อสามก้อน กำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
พวกมันกำลังดูดซับสรรพคุณทางยาอย่างตะกละตะกลาม!
พลังปราณที่อยู่ภายในโอสถหลอมลมปราณ ค่อยๆถูกหลอมรวมเข้าไปในทะเลลมปราณ…เพื่อเพิ่มพลังลมปราณของหลินเสวียนอย่างต่อเนื่อง
เเละโอสถนี้ยังส่งผลต่อวิชาระฆังทองคำอมตะอีกด้วย!
ก่อนหน้านี้ หลินเสวียนฝึกฝนจนบรรลุผิวทองแดงเเละกระดูกเหล็ก
คมดาบและคมกระบี่ไม่อาจทำอันตรายเขาได้
ในตอนนี้ ร่างกายของหลินเสวียนกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่ระดับที่สูงขึ้น!
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
ไม่ถึงครึ่งวัน!
โอสถหลอมลมปราณหนึ่งเม็ดก็ถูกหลินเสวียนหลอมรวมจนหมด
เเละโอสถนี้ทำให้กลุ่มก้อนลมปราณภายในทะเลลมปราณของหลินเสวียนขยายใหญ่ขึ้นอย่างมาก!
พลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นนี้…บางส่วนถูกชี้นำโดยวิชาระฆังทองคำอมตะ, เพื่อหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของหลินเสวียนอย่างต่อเนื่อง…เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาอย่างมาก
[หมดแล้ว?]
[ขาดอีกนิดเดียว!]
[นายท่าน รีบกินโอสถอีกเม็ดเร็วเข้า ข้ารู้สึกว่าข้าใกล้สำเร็จวิชาแล้ว!]
หลังจากที่หลอมรวมโอสถหลอมลมปราณหนึ่งเม็ด, วิชาระฆังทองคำอมตะก็ร้องขออีกครั้งด้วยความกระหาย
[“ใช่ๆๆ….นายท่าน ความรู้สึกที่พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบนี้มันยอดเยี่ยมมาก!]
วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานก็ร้องขอเช่นกัน
“ไม่มีปัญหา!”
หลินเสวียนกลืนโอสถหลอมลมปราณลงไปอีกเม็ดทันที!
เม็ดที่สาม!
เม็ดที่สี่!
เม็ดที่ห้า!
……
สิบสองเม็ด!
หลินเสวียนฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาหกวันเต็มๆ
เขากลืนโอสถหลอมลมปราณทั้งสิบสองเม็ดลงไปจนหมด!
[วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐาน หลอมรวมโอสถหลอมลมปราณสิบสองเม็ดอย่างต่อเนื่อง…ทำให้พลังลมปราณของท่านเลื่อนระดับเป็นระดับหลอมรวมลมปราณขั้นที่เจ็ด!]
[วิชาระฆังทองคำอมตะ ภายใต้ผลของโอสถได้เปลี่ยนผิวทองแดงเเละกระดูกเหล็ก…เป็นกายาอมตะขั้นต้น, พลังป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!]
[วิชาระฆังทองคำอมตะ เข้าใจแก่นแท้ของความเป็นอมตะอย่างถ่องแท้….ทำให้เข้าใจวิชาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เลื่อนระดับเป็นระดับสีเหลืองขั้นสูง!]
“วิชาระฆังทองคำอมตะ ก็เลื่อนระดับเป็นระดับสีเหลืองขั้นสูงแล้ว?”
หลินเสวียนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
[นายท่าน พระน้อยมิได้ทำให้ท่านผิดหวังใช่หรือไม่?]
[ไม่เหมือนกับบางคน ดูถูกคนอื่นไปทั่ว…สุดท้ายก็ติดอยู่แค่ระดับสีเหลืองขั้นกลาง ยังสู้พระน้อยที่เป็นคนพิการไม่ได้เลย!]
ดูเหมือนว่าวิชาระฆังทองคำอมตะจะยังเคืองไม่หาย!
เห็นได้ชัดว่ามันยังจำได้ว่าวิชาดาบคลั่งสามวิถีเคยพูดว่ามันเป็นคนพิการ และดูถูกมัน
ตอนนี้วิชาระฆังทองคำอมตะแซงหน้าวิชาดาบคลั่งสามวิถีไปแล้ว มันจึงต้องพูดจาดูถูกกลับบ้างเป็นธรรมดา
[เจ้าพระขี้อวด!]
วิชาดาบคลั่งสามวิถีพูดอย่างขุ่นเคือง
[พระร้อย, เจ้าพิโรธน้อย…พวกเราต่างก็เป็นผู้ช่วยของนายท่าน ไม่ต้องมาทะเลาะกันหรอก]
วิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานที่คิดว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่จึงรีบพูดไกล่เกลี่ย
[หึ…พวกเจ้าอย่าได้ใจกันไปหน่อยเลย!]
วิชาดาบคลั่งสามวิถีพูดอย่างไม่พอใจ
จากนั้นเขาก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน
[นายท่าน ถ้าท่านไม่ช่วยข้าหาดาบที่ดีกว่านี้….ข้าต้องแย่แน่ๆ!]
ตอนนี้วิชาดาบคลั่งสามวิถีเริ่มร้อนใจแล้วจริงๆ!
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าหาเอง!”
หลินเสวียนปลอบใจด้วยรอยยิ้ม
เรื่องนี้, เขาคิดว่าจะให้หลินเทียนช่วยหา
……..
“คุณชายสาม ท่านออกมาแล้ว!”
ทันทีที่หลินเสวียนก้าวออกจากห้อง เซียวจี๋เซียงที่มีรอยคล้ำใต้ตา…ก็เอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
หลินเสวียนปรุงโอสถสามวัน ฝึกฝนอีกหกวัน…รวมกันเป็นเก้าวัน
เซียวจี๋เซียงเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอดเก้าวัน แทบจะไม่ไปไหน…ตอนนี้เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
“อืม!”
“เจ้าลำบากมากแล้ว”
หลินเสวียนตบไหล่ของเซียวจี๋เซียงเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ!”
“แต่ข้าก็เกือบจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”
เซียวจี๋เซียงหาวออกมา, แสดงให้เห็นว่าเหนื่อยมากจริงๆ
“จริงสิ เซียวจี๋เซียง….เจ้าเคยได้ยินไหมว่าในเมืองหลางหยาของเรามีดาบดีๆบ้างใหม?”
“ยิ่งเป็นดาบที่เซียนเคยใช้ยิ่งดี!” หลินเสวียนถามเข้าประเด็น
เซียวจี๋เซียงเป็นแหล่งข่าวที่มีชื่อเสียง
เขารู้เรื่องในเมืองหลางหยาดีกว่าหลินเสวียนเสียอีก
เรื่องของเมืองหลางหยา…ถามเขาย่อมไม่ผิด
“ดาบที่เซียนเคยใช้?”
“ในเมืองหลางหยาไม่มีหรอกครับ”
“แต่ข้าเคยได้ยินมาว่า สำนักธารามีดาบเล่มหนึ่งที่มหัศจรรย์มาก”
“มันถูกปักอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่หน้าประตูสำนักธารา”
“แม้แต่เจ้าสำนักธาราก็ยังดึงดาบเล่มนั้นออกมาไม่ได้!”
ทันใดนั้น, ดวงตาของเซียวจี๋เซียงก็เป็นประกาย
……………………