บทที่ 37 : การเผยแผ่เคล็ดวิชาให้ที่บ้าน!
บทที่ 37 : การเผยแผ่เคล็ดวิชาให้ที่บ้าน!
“ท่านพ่อ!”
หลินเทียน….พี่ชายคนโต เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มขมขื่น
“ท่านพ่อ อุ้มหน่อย!”
ในขณะเดียวกัน, หลินเสวี่ยก็กางแขนออกไปหาพ่อของหลินเสวียน
“ได้สิ!”
พ่อของหลินเสวียนรีบอุ้มหลินเสวี่ยขึ้นมาทันที!
ทันใดนั้น, หลินเสวี่ยก็เอื้อมมือไปดึงเคราของท่านพ่ออย่างรวดเร็ว ทำให้พ่อของหลินเสวียนต้องสูดหายใจด้วยความเจ็บ!
“พ่อจ๋า เจ็บไหม?”
“ถ้าเจ็บ ก็แปลว่าไม่ได้ฝันอยู่!”
คำพูดไร้เดียงสาของหลินเสวี่ยทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์พากันหัวเราะออกมา
“ศิษย์น้องหลิน!”
“ข้าต้องไปทำภารกิจต่อแล้ว”
จากนั้น, ซูเหอก็พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่…ไม่พักอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันหรือ?” หลินเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ล่ะ!”
“ถ้ามีเวลา, ศิษย์พี่จะมาเยี่ยมอีกนะ!” ซูเหอกล่าวอย่างหนักแน่น
ในเวลานี้, ซูเหอก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน
ซูเหอรู้ดีว่าด้วยพรสวรรค์ที่หลินเสวียนแสดงออกมา, เขาจะต้องทำให้สายนอกให้ความสำคัญมากขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ซูเหอไม่คิดเลยว่าองครักษ์สิบสามแห่งหอลงทัณฑ์จะมาด้วยตัวเอง
แม้แต่เรื่องของภูเขาหลางหยาก็ถูกมอบหมายให้กับตระกูลหลิน!
สิ่งนี้ทำให้ซูเหออยากแข็งแกร่งขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ!
มีเพียงการแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะมีสถานะและจะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น
“ตกลง!”
“ไว้เรากลับไปสายนอกแล้วค่อยคุยกันใหม่!”
หลินเสวียนไม่รั้งซูเหอไว้ และสั่งให้คนเอาเงินห้าพันตำลึงมาให้ซูเหอ
“ตกลง!”
“ลาก่อน!” หลังจากพูดจบ, ซูเหอก็หันหลังกลับและจากไป
……..
“พ่อ แม่ น้องสาม อาหารเตรียมเสร็จแล้วเจ้าค่ะ!”
“เราเริ่มงานเลี้ยงได้แล้ว!”
ในตอนนั้นเอง, หลินหลันก็กลับมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“งั้นก็ทานข้าวกันก่อนเถอะ!”
แม่ของหลินเสวียนจูงมือหลินเสวียนเดินไป!
แม่ของหลินเสวียนไม่สนใจว่าตอนนี้หลินเสวียนมีสถานะอะไรในสำนักเทียนเซียว…เธอรู้แค่ว่าลูกชายของเธอผอมลง
ผอมลงก็ต้องกินข้าวเยอะๆ!
ด้านหลินเสวียนก็ไม่ได้กินข้าวดีๆมาหลายวันแล้ว
ตอนนี้เมื่อเขากลับมาบ้าน….เขาก็ย่อมผ่อนคลายอย่างเต็มที่ เเละกินข้าวจนถึงเที่ยงวัน
หลังอาหาร หลินเสวียนก็พาพ่อของเขาเข้าไปในห้องหนังสือ
ทั้งสองคุยกันอยู่นานจึงออกมา
……
“พี่ใหญ่ พี่รอง ตามข้ามาหน่อย!”
หลังจากหลินเสวียนออกมาจากห้องหนังสือ…เขาก็เรียกพี่ชายหลินเทียน และพี่สาวหลินหลัน ไปที่สวนหลังบ้าน
“น้องสาม มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ทำไมต้องลึกลับขนาดนี้”
หลินเทียนถามอย่างสงสัย
ในบรรดาลูกๆ ทั้งสี่ของตระกูลหลิน….คนที่ได้รับความรักมากที่สุดคือเสี่ยวเสวี่ย เพราะเธอยังเด็ก
ส่วนหลินเทียน พี่ชายคนโต…เขามีอายุมากกว่าหลินเสวียนสิบกว่าปี, เเละได้ติดตามพ่อของเขาทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก
ปัจจุบัน, ธุรกิจส่วนใหญของตระกูลหลินล้วนถูกจัดการโดยหลินเทียน
ส่วนหลินหลัน พี่สาวคนรอง
เธอเป็นคุณหนูใหญ่ในครอบครัว….เธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องต่างๆในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ตอนนี้เธอยังไม่ได้แต่งงาน
ในผู้ใหญ่สามคน, มีเพียงหลินเสวียนที่ไม่มีหน้าที่ในบ้าน!
ตั้งแต่เด็กเขาเป็นคนคล่องแคล่วว่องไว, มีความจำเป็นเลิศ, ชอบฝึกฝนวิทยายุทธ์…และไม่สนใจการทำธุรกิจ
พ่อของหลินเสวียนจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเขาเข้าสำนักเทียนเซียว
พี่น้องทั้งสี่คนสนิทกันมาก…เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา พ่อของหลินเสวียนยุ่งอยู่กับการทำธุรกิจ
ดังนั้น, ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นหลินเทียนและหลินหลันที่คอยดูแลหลินเสวียนและหลินเสวี่ย
………
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านอยากก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนหรือไม่?”
หลินเสวียนถามด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราฝึกฝนได้ด้วยหรือ?”
“เเต่ข้าได้ยินมาว่า วิชาฝึกฝนของสำนักเซียนล้วนเป็นความลับเเละห้ามเปิดเผยนี่!”
“น้องสาม การที่ตระกูลหลินของเรามีเซียนอย่างเจ้า…ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว”
“อย่าได้ทำเรื่องวุ่นวายเพราะพวกเราเลย!”
ทั้งหลินเทียนและหลินหลันต่างก็พูดห้ามปรามอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องกังวล!”
“วิชานี้ข้าซื้อมา…มันไม่ได้เป็นของสำนักเทียนเซียว”
“ถ้าข้าส่งต่อให้พวกท่าน…มันก็ไม่เป็นไรหรอก”
“น่าเสียดายที่ท่านพ่ออายุมากแล้ว เลือดลมไม่เพียงพอ…ไม่อย่างนั้นก็ฝึกฝนได้เช่นกัน” หลินเสวียนพูดพร้อมรอยยิ้ม
“จริงหรือ?”
หลินเทียนและหลินหลันมองหลินเสวียนด้วยความสงสัย
“จริงสิ!” หลินเสวียนกล่าวอย่างมั่นใจ
“ดีจัง!”
“พวกเราก็กลายเป็นเซียนได้แล้ว!”
ทั้งหลินเทียนและหลินหลันต่างดีใจอย่างมาก
หลังจากเหตุการณ์ที่ภูเขาหลางหยา
หลินเทียนและหลินหลันก็ยิ่งรู้สึกว่า การที่ท่านพ่อส่งหลินเสวียนไปที่สำนักเทียนเซียวนั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็คิดว่าการมีสำนักธาราคอยคุ้มครองอยู่, จะทำให้ตระกูลหลินก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ!
เเต่วันนี้, พวกเขาเพิ่งค้นพบว่าโลกนี้กว้างใหญ่
มีคนมากมายที่ไม่เห็นหัวสำนักธาราอยู่ในสายตา
ดังนั้น, ถ้าอยากให้ตระกูลหลินยืนหยัดอยู่ได้…สิ่งสำคัญคือต้องมีพลัง
“เอ่อ…เเต่มีสองเรื่องที่ข้าอยากจะบอกก่อน”
ทันใดนั้นหลินเสวียนก็ทำท่าทางลำบากใจ
เขาได้แต่ด่าพ่อของเขาอยู่ในใจ เรื่องแบบนี้พ่อไม่พูด แล้วข้าจะพูดออกไปได้อย่างไร?
“อะไรหรือ?” หลินเทียนและหลินหลันต่างก็สงสัย
“เรื่องแรก วิชาที่ข้าจะสอนพวกท่านคือวิชาระฆังทองคำอมตะ…มันเป็นวิชาฝึกฝนร่างกายของสายพุทธ”
“ดังนั้น…ในอนาคตวิธีการต่อสู้ของพวกท่าน อาจจะแตกต่างจากเซียนที่พวกท่านจินตนาการไว้” หลินเสวียนอธิบาย
“ไม่เห็นเป็นไรเลย!”
“การฝึกฝนเป็นสิ่งที่ผู้คนใฝ่ฝัน ฝึกเซียนหรือฝึกกายสายพุทธ…เเล้วมันจะต่างกันตรงไหน?” ทั้งหลินเทียนและหลินหลันพูดพร้อมกัน
“และอีกอย่าง!”
พี่รองอาจจะต้องหาเขยเข้าบ้าน….เพราะพ่อไม่ยอมให้วิชาฝึกฝนรั่วไหลออกไปข้างนอก”
หลินเสวียนพูดอย่างลำบากใจ
เมื่อหลินหลันได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาทันที…แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“แบบนี้ก็ดีแล้วนี่!”
“พวกเราทั้งครอบครัว ก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป!”
เมื่อหลินเสวียนได้ยินเช่นนั้น, เขาก็ไม่คิดมากอีกต่อไป
“งั้นก็ตกลง ข้าจะท่องให้ฟังหนึ่งรอบ…พวกท่านโปรดจดจำวิชาเอาไว้ให้ดี!”
“เเละก่อนที่จะสำเร็จวิชา จำไว้ว่าห้ามแพร่งพรายออกไป…มิฉะนั้นมันจะนำปัญหามาสู่ตนเอง!”
หลินเสวียนกล่าวเตือน
“ไม่ต้องห่วง พวกข้าเข้าใจ!” หลินเทียนและหลินหลันตอบอย่างจริงจัง
“ข้าจะอยู่ที่บ้านสักพัก ช่วงนี้ถ้าพวกท่านมีอะไรไม่เข้าใจ…ก็มาถามข้าได้ตลอดเวลา”
หลังจากที่หลินเสวียนท่องวิชาจบ…เขาก็พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ตกลง!” หลินเทียนและหลินหลันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“จริงสิ พี่ใหญ่!”
“ตระกูลหลินของเรามีธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรด้วยใช่หรือไม่?”
“ข้ามีสูตรโอสถอยู่สูตรหนึ่ง รบกวนพี่ใหญ่ช่วยรวบรวมสมุนไพรให้ข้าที”
หลินเสวียนกล่าวเเละยื่นรายการสมุนไพรให้หลินเทียน
ตอนนี้, ในเมื่อทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยแล้ว
หลินเสวียนก็อยากจะลองปรุงโอสถดูสักครั้ง!
…………………