ตอนที่แล้วตอนที่ 32 : ท่านหญิงสลิเธอร์?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 : กลยุทธ์

ตอนที่ 33 : กะกลางคืน


ตอนที่ 33 : กะกลางคืน

สลิเธอร์…

หวู่เหิงพยายามนึกชื่อนี้

ดูเหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

เขารีบคิด โอกาสที่เขาจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนระดับท่านหญิงในเมืองหินดำมีน้อยมาก

ในไม่ช้าเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหน

ท่านหญิงสลิเธอร์เป็นชื่อที่คาวิน่าเคยพูดถึงบนรถไฟระหว่างทางกลับมาจากภารกิจหมู่บ้านเหมืองแร่

เธอคือรองผู้บริหารของสมาคมนักผจญภัยสาขาเมืองหินดำ และยังเป็นเจ้าของแมวนำโชค

เธอคือหนึ่งในเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลประจำเมืองหินดำ

ตำแหน่งของเธอในสมาคมนักผจญภัยนั้นก็พิเศษมาก เธอไม่ใช่แค่รองผู้บริหารเท่านั้น แต่ยังเป็นทูตลับด้วย

ผู้เชี่ยวชาญที่กระตือรือร้นในการรวบรวมข้อมูลทุกประเภท

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หวู่เหิงจึงเหลือบมองไปที่เธอ และพบว่าเธอเองก็กำลังมองมาที่เขาด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน

“หวู่เหิง นี่คือสลิเธอร์ รองผู้บริหารของสมาคม” ผู้บริหารยาซ์ดแนะนำ จากนั้นเขาก็หันไปหาสลิเธอร์ “นี่คือหวู่เหิง เขาเพิ่งเข้าร่วมในหน่วยสี่เมื่อไม่นานมานี้”

“โอ้? เจ้าคือเนโครแมนเซอร์ที่ทำการสืบสวนเรื่องหมู่บ้านเหมืองแร่ใช่ไหม?” ดวงตาของสลิเธอร์มองมาที่หวู่เหิงในขณะที่เธอพยายามจะตรวจสอบอะไรบางอย่าง

แววตาของเธอมีความสนใจที่ไม่อาจปิดบังได้อยู่

“สลิเธอร์ หยุดหยอกล้อเขาได้แล้ว” ยาซ์ดเตือนเธอจากข้างๆ

สลิเธอร์ถอนสายตากลับมา แต่เธอก็ยังยิ้มและถามว่า “เจ้าสามารถสังหารพวกทหารรับจ้างจากกลุ่มทหารรับจ้างหัวหมาป่าได้ยังไงกัน?”

“ข้าแค่โชคดีเท่านั้นขอรับ ผลงานส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะหัวหน้าและทีมสืบสวน”

สลิเธอร์ตรวจสอบเขาต่อในขณะที่เธอยังยิ้มอยู่ “แล้วเจ้าคิดอะไรถึงได้เลือกเป็นเนโครแมนเซอร์?”

เธอกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเขางั้นเหรอ?

แต่คำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามที่คนอื่นถามเขาตามปกติ ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปตามปกติ

“มันเป็นอาชีพเดียวที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ที่ข้าสามารถหาได้ ดังนั้นข้าจึงเลือกมันน่ะ”

“แล้วโครงกระดูกของเจ้าล่ะ? เจ้ามีโครงกระดูกกี่ตัวเหรอ?”

“ตัวเดียวขอรับ”

“ไม่เลวเลย” สลิเธอร์แสดงความเห็น และเอนตัวลงบนโซฟาด้วยความเกียจคร้าน

หลายคนที่อยู่ในห้องนี้สามารถบอกได้เลยว่ารองผู้บริหารผู้นี้สนใจในตัวหวู่เหิงมาก ในการประชุมครั้งแรก เธอก็ได้คำถามกับเขาหลายคำถามแล้ว

เมื่อเห็นว่าสลิเธอร์เงียบไปแล้ว ยาซ์ดก็พูดต่อ “เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า คืนนี้สมาคมจะมีการระดมพล…”

บ้าเอ้ย!

มันมีภารกิจอีกแล้ว

หวู่เหิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย

ยาซ์ดพูดต่อ “หน่วยของเจ้ามีสมาชิกน้อย ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องเข้าร่วมในภารกิจของคืนนี้ก็ได้ หน้าที่ของพวกเจ้าคือการเฝ้าสมาคมเอาไว้ ออทรัครู้ข้อมูลดี ดังนั้นเดี๋ยวเขาจะแจกจ่ายงานให้กับพวกเจ้าเอง”

เห้อ!

หวู่เหิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขาคิดว่าเขาจะถูกส่งออกไปทำภารกิจสืบสวนสิ่งแปลกๆ อีกแล้ว

แต่การเข้ากะกลางคืนก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เขาแค่ต้องอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืนก็เท่านั้น

“ตามนั้นนะ พวกเจ้ากลับไปเตรียมตัวกันได้เลย” ยาซ์ดกล่าว

ทั้งสามคนพยักหน้าและออกมาจากห้องพร้อมกัน

...

ท้องฟ้าตอนนี้มืดลงแล้ว

ห้องโถงใหญ่มีแสงสลัวลงมาเล็กน้อย และหน่วยนักผจญภัยต่างก็ได้มารวมตัวกันที่นี่

แต่ละคนกำลังจัดกลุ่มกันอยู่ พวกเขาต่างก็สวมชุดเกราะและเตรียมอาวุธไว้พร้อมแล้ว

หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ยาซ์ดก็เดินออกมาจากแนวหลัง

เขาประกาศ “เป้าหมายสำหรับภารกิจนี้ก็คือ ‘ป้าอู๋ตง’ ผู้อาวุโสจาก ‘โบสถ์ทัณฑ์สวรรค์’ เขาคือผู้เชี่ยวชาญเลเวล 12 และมีหัวกะทิในโบสถ์หลายคนอยู่ภายใต้การดูแลของเขา ภารกิจของพวกเราคือการร่วมมือกับทหารของเมืองหินดำ แต่ภารกิจครั้งนี้ก็ยังอันตรายอยู่ดี ทุกคนจงระวัง ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของทุกหน่วยก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

ผู้เชี่ยวชาญเลเวล 12 ถือได้ว่าเป็นขุมกำลังที่หาได้ยากยิ่ง

มันถือว่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมากที่คนเช่นนี้มาอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองหินดำ

ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็ตระหนักได้ว่าทำไมพวกเขาจึงต้องออกค้นหาพวกอาชญากรตลอดหลายวันมานี้ พวกเขากำลังค้นหาคนของโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ แต่มันก็ไม่มีการเปิดเผยใดๆ ออกมาจนกระทั่งพบกับเงื่อนงำจึงมีการประกาศเช่นนี้

ขุมพลังเลเวล 12 คือปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย

หลังจากได้คำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้บริหารแล้ว มันก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอกและกล่าวว่า “พวกเราจะออกเดินทางกันรึยัง”

“หน่วยสี่จะประจำการอยู่ที่สมาคม ส่วนหน่วยที่เหลือจะต้องออกไปทำภารกิจ” ยาซ์ดโบกมือ และนำกลุ่มนักผจญภัยออกไปจากสมาคม

พวกเขาร่วมมือกับทหารลาดตระเวนระหว่างทางและมุ่งหน้าไปยังประตูทิศเหนือ

...

หลังจากทุกคนออกไปแล้ว ห้องโถงก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

หวู่เหิงบอกให้บาเซนไปประจำการอยู่ตรงประตูหลัก จากนั้นเขาก็พูดคุยกับออทรัค “หัวหน้า ผู้อาวุโสของโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์นั้นทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมพวกเราต้องส่งคนออกไปมากขนาดนั้นด้วย”

ออทรัคครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์เท่าไรเหมือนกัน ทั้งหมดที่ข้ารู้ก็คือพวกเขาคือโบสถ์ที่ดำเนินกิจการอยู่ในภูมิภาคตะวันออกของอาณาจักร ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นโดยสาวกกลุ่มหนึ่ง พวกเขามักจะประกอบพิธีกรรมบูชายัญและมีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาก”

มันมีหลายอาชีพในโลกนี้ที่เกี่ยวพันกับเทพเจ้า

ตัวอย่างเช่น นักบวชหรือพ่อมดที่มีชื่อเสียงค่อนข้างฉาวโฉ่

ทิศทางของอาชีพขึ้นอยู่กับการได้รับหรือแลกเปลี่ยนพลังจากเทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธา

หวู่เหิงเคยเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้ามาก่อน แต่ในตอนนี้ที่เขาสามารถเดินทางระหว่างทั้งสองโลกได้ด้วยกุญแจเพียงดอกเดียว มันก็คงจะไม่แปลกถ้าวันหนึ่งมีเทพเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของเขา

แน่นอนว่ามันย่อมเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปยั่วยุสิ่งเหล่านั้น

“งั้นทำไมพวกเขาถึงได้มาอยู่ที่เมืองหินดำได้ล่ะ?” หวู่เหิงถามต่อ

“พวกเขาอาจจะมีเป้าหมายบางอย่าง หรือพวกเขาอาจจะแค่ผ่านมาและตัดสินใจปักหลักอยู่ที่นี่ ข้าเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม คนจากโบสถ์ทัณฑ์สวรรค์ก็เป็นคนที่อยู่ในหมายจับมาโดยตลอด” ออทรัคตอบเบาๆ

“โอ้!” หวู่เหิงตอบกลับโดยไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้เท่าไร จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “หัวหน้า ข้าเพิ่งฝึกดาบได้ไม่นาน หัวหน้าช่วยชี้แนะหน่อยได้ไหม?”

“ได้สิ แสดงให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าฝึกไปถึงไหนแล้ว” ออทรัคกล่าว

หวู่เหิงหยิบดาบเหล็กของเขาออกมาทันทีและเริ่มการฝึกกระบวนท่าที่เขาได้เรียนรู้มาจากเจียนอี้

“ยกแขนของเจ้าให้สูงกว่านี้ กล้ามเนื้อของเจ้าเกร็งเกินไป” ออทรัคเดินเข้ามาและแนะนำ

คาวิน่ายืนอยู่ข้างๆ และมองดูชายหนุ่มสองคนฝึกฝนดาบในขณะที่เธอกำลังชงชาผลไม้สามแก้ว

...

ในบ้านพักแห่งหนึ่ง ณ ย่านที่อยู่อาศัย

อีกาขนดำตัวหนึ่งบินผ่านหน้าต่าง ร่อนลงบนไหล่ของชายคนหนึ่งอย่างแม่นยำในห้องที่มืดสนิท

ชายคนนั้นเอื้อมฝ่ามือไปที่อีกาและกล่าวว่า “หน่วยทหารของเมืองหินดำและหน่วยนักผจญภัยได้ออกไปจากประตูทิศเหนือแล้ว จุดหมายของพวกเขาน่าจะเป็นสถานที่ที่พวกเราได้เตรียมเอาไว้ และมันก็เหลือคนแค่สี่คนเท่านั้นภายในสมาคม”

ม่านถูกดึงออก แสงจันทร์ส่องไปทั่วห้อง และท่ามกลางแสงจันทร์สลัว มันก็สามารถมองเห็นชายสามคนที่กำลังนั่งอยู่รอบๆ โต๊ะทรงกลมได้

หนึ่งในนั้นคือชายร่างกำยำที่มีศีรษะโล้น อีกคนคือชายสวมชุดเกราะหนังที่มีดาวเหล็กห้อยอยู่ที่เอว และคนสุดท้ายก็คือชายในชุดคลุมสีดำซึ่งเป็นเจ้าของอีกาดำที่เพิ่งบินเข้ามา

“เหอะ ไอ้พวกโง่เอ้ย” ชายในชุดเกราะหนังแค่นเสียงออกมา

ส่วนชายเจ้าของอีกาไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขามองไปยังชายร่างสูงในขณะที่เขาพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสป้าอู๋ตง หากพิจารณาจากสภาพของเมืองหินดำ ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะมีกองกำลังเหลืออยู่ในเมืองเท่าไร”

ชายคนนั้นเอียงศีรษะ “เนื่องจากสมาคมนักผจญภัยได้ไล่ล่าพวกเรา งั้นพวกเราก็คงต้องตอบแทนพวกมันบ้างล่ะ”

“มาเริ่มกันเถอะ”

จากนั้นร่างทั้งสามร่างก็ลุกขึ้นและมุ่งหน้าออกไปในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด