ดาบที่รอการลับคม (17)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 14>
2. ดาบที่รอการลับคม (17)
****
“กัปตัน เกิดอะไรขึ้นครับ?”
"มันแปลก ทำไมพวกเขาไม่มา?"
"แล้วแตรนั้นมาจากไหน?"
ขณะที่กลุ่มกำลังส่งเสียงดัง ไคนิลก็เป่าแตรอีกครั้ง
ปู๊ว
"......"
เงียบ
ใบหน้าของไคนิลซีดเผือด
"กัปตัน? กองทัพปลดปล่อยอยู่ที่ไหน?”
“พวกเขาไม่ได้บอกว่ากำลังเสริมกำลังมาเหรอ? ไหนผู้เฒ่านั้นบอกว่า...
“กองทัพปลดปล่อยคืออะไร แล้วกองกำลังเสริมคืออะไร? อย่าบอกนะว่าพวกนายเก็บมันไว้เป็นความลับ?”
"เงียบ!"
เสียงตะโกนของไคนิลนำความเงียบมาสู่
"ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เริ่มแผนได้เลย"
“กัปตัน ชัดเจนว่ากองทัพปลดปล่อย…”
ไม่มีอะไรแบบนั้น"
"อะไรนะ?"
“ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากองทัพปลดปล่อย”
ไคนิลพึมพำราวกับกำลังเคี้ยวอะไรบางอย่าง
เบียนรีบพูดแทรก
"โกหกงั้นเหรอ? แล้วหลักฐานพวกนี้ล่ะ? ไหนจะธง แตร และ..."
"หยุด."
ไคนิลหลับตาแน่น
เบียนมองลงไปที่พื้นด้วยสายตาว่างเปล่า
'มันเป็น...เรื่องโกหกเหรอ?'
ไคนิลไปที่ห้องของชายชรา 20 นาทีก่อนเริ่มปฏิบัติการ
เพื่อยืนยันแผนการขั้นสุดท้าย
เนื่องจากที่พักของทั้งสองอยู่ใกล้กัน การแอบเข้าไปจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่สิ่งที่ไคนิลเห็นนั้น
เขาเห็นศพชายชราคนนั้นผูกคอตาย
แน่นอนว่าเขาตกใจ และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นจดหมายลาตายข้างศพ
จดหมายลาตายบรรจุคำสารภาพของชายชรา
เกิดอะไรขึ้น?
และเเล้วไคนิลก็ค้นพบความจริงจากจดหมายนั้น
จริงๆแล้วไม่มีกองทัพปลดปล่อย
แผนของไคนิลที่วางขึ้นมาห้สอดคล้องกับความร่วมมือกองกำลังเสริมผิดเพี้ยนไป
อแต่เขาไม่สามารถบอกเพื่อนร่วมทีมของเขาให้ยกเลิกแผนได้
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การรักษาความปลอดภัยในสนามประลองมีความเข้มงวดมาก
หากพวกเขารวมตัวกันมากกว่าสามคน พวกเขาจะถูกสงสัยทันที แม้แต่การที่พวกเขาสามคนไปเยี่ยมห้องของนิรนามนั้นก็ถือเป็นการพนันครั้งใหญ่
โดยปกติ วิธีการสื่อสารของพวกเขาคือจากคนที่อยู่จุดหนึ่งไปยังคนที่อยู่อีกจุดหนึ่ง
แต่จะแจ้งข่าวการยกเลิกแผนให้เพื่อนร่วมทีมทั่วสนามกีฬาทราบภายใน 1 ชั่วโมงได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน
มีคำสั่งห้ามออกไปข้างนอกในเวลากลางคืน
แม้ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องนี้เมื่อวานนี้ มันก็คงเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นนี้จึงแผนไม่สามารถเดินย้อนกลับไปข้างหลังได้อีกแล้ว
หากมีคนไม่ได้รับข่าวการยกเลิกและดำเนินการตามแผนและถูกจับได้ เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ก็จะจบลงเช่นกัน
ไคนิลต้องเริ่มแผนการที่ล้มเหลวนั้น
ถึงกระนั้น สถานการณ์ก็ดีขึ้นด้วยความตั้งใจของชายคนนั้น'
แทม้เรื่องราวของกองกำลังเสริมเป็นเรื่องหลอกหลวง แต่นักสู้ที่ชื่อนิรนามกลับมีบทบาทคล้ายกัน
"ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราจะบุกทะลวงประตูทิศใต้"
"...ครับ"
ชิ้ง!!
ไคนิลดึงดาบของเขาออกจากฝัก
ถึงเวลาที่ต้องรีบเข้าไปแล้ว
"......?!"
แต่กลุ่มของไคนิลก็ต้องหยุดกะทันหัน
พวกเขาได้แต่มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง
บนถนนใหญ่สองสายเชื่อมต่อกับจัตุรัสวงกลม
มีเงาที่น่าสงสัยตกลงมาจากหลังคาอาคารทั้งสองด้าน
“หึหึหึ…”
แม้ว่าจะมีความสูงมากกว่า 5 เมตรระหว่างพื้นกับหลังคา แต่พวกมันก็ลงมาที่พื้นได้อย่างง่ายดาย
พวกมันคือขุนนางผิวขาวที่ติดอาวุธครบมือ
"ดะ เดี๋ยวก่อน..."
"นี่มันไม่เหมือนที่พูดไว้นี่!"
จำนวนศัตรูเพิ่มขึ้นในทันที
พวกที่ปรากฏตัวจากหลังคาอาคารได้ปิดล้อมและสร้างวงล้อมขณะที่ปิดกั้นทางออก
'มันเป็นกับดัก!'
พวกเขาไม่สังเกตเห็นเพราะพวกมันซ่อนตัวอยู่บนหลังคาของอาคารสูง
มันเป็นกับดัก
ไคนิลถอยกลับไปนับจำนวนของพวกมัน
มี 12 คนที่ประตูทิศใต้
และ12 ที่ถนนใหญ่ด้านตะวันตก
และ 11 คนที่ถนนใหญ่ด้านทิศเหนือที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา
ดังนั้น จำนวนขุนนางผิวขาวที่ล้อมผู้ลี้ภัยคือ...มีทั้งหมด 35 คน
“กองทัพปลดปล่อยล่ะ... กองทัพปลดปล่อยอยู่ที่ไหน?”
"มันมีมากกว่าที่เราคิดไว้!!"
พวกขุนนางผิวขาวกำลังเข้ามาใกล้
นักสู้และผู้ลี้ภัยถอยกลับไปที่มุมหนึ่ง
ไปทางทิศตะวันออกของจัตุรัสวงกลม
แต่ไม่มีทางออกที่นั้น
มีเพียงกำแพงใหญ่กั้นไว้
เส้นทางหลบหนีถูกปิดกั้น
"ฮี๊!"
"ช่วย... ช่วยด้วย..."
ความสับสนวุ่นวายของผู้ลี้ภัยทวีความรุนแรงขึ้น
พวกเขารวมตัวกันที่กำแพงด้านตะวันออกของจัตุรัสซึ่งไม่มีขุนนางผิวขาวและเริ่มสั่นเทาด้วยความกลัวตาย
ผู้คนพยายามปีนกำแพง แต่ก็ไร้ประโยชน์
ไม่มีที่ให้ปีนขึ้นไป
"กัปตัน"
มีคนพูดกับไคนิล
เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไคนิลสนิทสนมมายาวนาน ชายคนนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาของเขา
“กองทัพปลดปล่อยไปไหน? คุณโกหกเราเหรอ?”
“.....”
“....สำหรับการซุ่มโจมตี นี่ก็เป็นเรื่องปกติ แต่หากมีกองทัพปลดปล่อยก็ยังมีหวังที่จะต่อสู้กับพวกมันไม่ใช่เหรอ? พวกเขาหายไปไหนกันหมด?”
ไคนิลกัดฟันแน่น
ถึงขั้นมีเลือดไหลออกมา
แน่นจนเลือดออก
ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร มันก็เป็นเพียงข้อแก้ตัว
"...ฉันขอโทษ"
“เราเชื่อใจคุณมากนะกัปตัน เราเสี่ยงชีวิตเพื่อคุณ แต่นี่คือผลลัพธ์ที่เราได้รับงั้นเหรอ? แล้วเราทุกคนต้องตายอย่างน่าสังเวชเพื่อความพึงพอใจของคุณเหรอ?”
สายตาที่ไม่ไว้วางใจจับจ้องมาที่เขา
"เราบอกว่าเราพร้อมที่จะตาย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะตายอย่างไร้ความหมาย"
"...ฉันขอโทษ"
“ไม่มีกองทัพปลดปล่อยใช่ไหม?”
ไคนิลก้ามหน้าลง
นั่นคือคำตอบ
"งั้นเหรอ เป็นอย่างนั้นเองเหรอ"
"......"
"เอาล่ะ เรื่องนั้นชายชราเป็นคนวางแผนงั้นสินะ? ว่าเเล้วตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มจู่โจมผมยังไม่เจอเขาเลย แสดงว่ากัปตันเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันสินะ…เอาล่ะ…ไม่เป็นไรผมจะยกโทษให้"
ไคนิลไม่สามารถแม้แต่จะพูดขอบคุณเขาได้
เพราะเขาเป็นคนที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย
"เอาล่ะกัปตันเราต้องเปลี่ยนแผนแล้ว"
"เปลี่ยน?"
"มันก็เห็นชัดเจนไม่ใช่เหรอ? การต่อสู้แบบซึ่งๆหน้าเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องฝ่าวงล้อมแล้วค่อยหนีไป"
ไคนิลเงียบและฟังชายคนนั้นพูดต่อไป
“เราไม่สามารถพูดได้ว่าการซุ่มโจมตีของพวกมันมุ่งเป้าไปที่เราเท่านั้น ถ้าพวกมันรู้ว่าเรากำลังจะหลบหนี พวกมันคงจะเข้ามาจัดการเราไปนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายของพวกมันก็ไม่ใช่เรา”
เขาเหลือบมองไปข้างหลัง
มีผู้ลี้ภัยที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัวตาย
'อย่างที่คิด'
ไคนิลเดาว่ามันเป็นแบบนั้น
บางทีพวกมันอาจจะได้รับคำสั่งว่าให้รอผู้ลี้ภัยรวมตัวกันที่จัตุรัสแล้วค่อย "ทำความสะอาด" ทีเดียว
ไคนิลและพรรคพวกของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องโดยบังเอิญเท่านั้น
ทางออกอยู่ตรงนั้น
"หมายความว่ายังไง? เราจะใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อแล้วหนีไปในระหว่างนั้นงั้นเหรอ?"
ความปวดร้าวปรากฏบนใบหน้าของชายคนนั้น
สักพักเขาก็ตอบ
"ใช่ครับ"
"......"
"ถ้าเราปกป้องพวกเขาได้ เราก็จะปกป้องพวกเขา แต่ตอนนี้เราไม่มีโอกาสที่จะชนะเลย ดังนั้นการเอาชีวิตรอดของเราต้องมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ?"
“นายพูดจริงเหรอ?”
"แล้วจะทำยังไงครับ จะสู้แล้วตายไปพร้อมกับพวกเขางั้นเหรอ?"
งานของนักสู้คือความใจเย็น
เพราะหน้าที่ของกลาดิเอเตอร์คือการสงบสติอารมณ์
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจหรือสงสาร
อารมณ์ที่อ่อนโยนเช่นนี้เป็นจุดอ่อนร้ายแรงที่สุด ในการต่อสู้
ไคนิลเป็นกลาดิเอเตอร์อาวุโสระดับสูง
การเป็นกลาดิเอเตอร์ระดับสูงหมายถึงการต่อสู้ด้วยความสงบมากกว่าใครๆ
แม้ว่าเขาไม่ละทิ้งการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมของเขา แต่ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาในฐานะศัตรู เขาก็จะไม่ลังเล
ถ้าเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เขาก็คงไม่สามารถมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
เช่นเดียวกับกลาดิเอเตอร์ที่มารวมตัวกันที่นี่
การสร้างปฏิสัมพันธ์และการตัดขาดจะต้องมีความชัดเจน
“กัปตันครับ เราไม่มีทางเลือกอื่น ฉันคิดว่าเราต้องเอาชีวิตรอดก่อน ค่อยมาช่วยคนอื่นๆทีหลัง!”
“กัปตันโปรดตัดสินใจ!”
“กัปตัน ถ้าไม่มีกองทัพปลดปล่อย…นี่ก็เป็นทางเลือกเดียว!”
ใช่
สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นถูกต้อง
เนื่องจากการมีอยู่ของกำลังเสริมเป็นเรื่องโกหก แผนการช่วยเหลือก็ไม่มีผลอีกต่อไป
ถ้าอย่างนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการล่าถอย
ในฐานะผู้นำ เขามีหน้าที่นำพาเพื่อนร่วมทีมกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ค่อยวางแผนช่วยเหลือได้ในภายหลัง
สิ่งสำคัญคือต้องอยู่รอด
มีโอกาสมากมายที่จะแกว่งดาบเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นในอนาคต
ดังนั้น….
การถอยก็เป็นคุณธรรมของผู้นำเช่นกัน
เอาตัวรวดและรอโอกาสต่อไป
บาปนี้สามารถชดใช้ได้ในวันใดวันหนึ่ง
นั่นคือ...
'…….'
ภาพหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของไคนิล
ใบมีดที่จ่อคอเขา
ชายคนนั้นพูดกับเขา
เขายินดีจะช่วยเหลือแผนการ แต่เขาต้องการชีวิตของไคนิลเพื่อแลกกับมัน
ไคนิลพยักหน้า
เขาตัดสินใจแล้วมอบชีวิตของเขาให้กับชายคนนั้น
'การตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องโกหกหรือเปล่า?'
ไคนิลคิดว่าไม่เป็นไรที่จะตาย
ถ้าเขาสามารถทำให้แผนสำเร็จได้โดยเสียสละชีวิตของเขา
แต่นั่นเป็นการหลอกลวงตั้งแต่แรกหรือเปล่า?
เขามีความตั้งใจอื่นหรือไม่?
เขาทำแบบนั้นเพราะเขามั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ฆ่าเขาหรือเปล่า?
ถ้าเขารู้ว่าผู้ชายคนนั้นกำลังจะฆ่าเขา?
'....'
เขาคงจะหาข้อแก้ตัว
เขาคงจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
ในแผนที่เรามีต้องการเขาในฐานะผู้นำ
ดังนั้นเขาจะมาตายที่นี้ไม่ได้
ไคนิลนึกถึงนักสู้ที่ชื่อนิรนามคนนั้น
เขาอิจฉาผู้ชายคนนั้น
ไคนิล… ต้องต่อสู้กับเพื่อนร่วมทีมอย่างเต็มที่
เขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้ไปพร้อมๆ กับการดูแลพวกเขา
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่สามารถช่วยเพื่อนร่วมทีมของเขาได้
เขาต้องฆ่าfเพื่อนด้วยมือของเขาก่อนที่กษัตริย์จะตัดสินใจ
มันคงจะแตกต่างถ้าเป็นผู้ชายคนนั้น
เขาอาจจะทำให้ผู้ชมพอใจมากพอที่จะช่วยชีวิตเพื่อนร่วมทีมของเขาได้
แล้วตอนนี้ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน?
มีเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้
ผู้ชายคนนั้นกำลังต่อสู้อยู่ที่ไหนสักแห่งแน่นอน….