กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 240 อนาถใจยิ่งนัก!
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 240 อนาถใจยิ่งนัก!
โลกอินทนิลเร้นลับ
ภายในห้วงดาราอันไร้ขอบเขต
ตำหนักสวรรค์อันยิ่งใหญ่มากมายตั้งตระหง่านอยู่ เคียงข้างกัน ดูเก่าแก่ โบราณ กว้างใหญ่ และสง่างาม
มองจากที่ไกลราวกับสรวงสวรรค์ในยุคบรรพกาล สะกดขุมอำนาจทั้งหมื่น ปล่อยบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ออกมา
ตำหนักมากมายสลักเสลาอย่างวิจิตรงดงาม บันไดราวกับหยกขาว ดูเรียบง่าย แต่หนักแน่น ถนนหนทางกว้างขวาง ระหว่างตำหนักมากมาย มีหมอกแห่งความโกลาหลปกคลุม
ตำหนักที่อยู่ใจกลางสูงเสียดฟ้า เมฆหมอกปกคลุม ดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงความสง่างาม สะกดทุกสรรพสิ่ง ราวกับบรรจุความยิ่งใหญ่เอาไว้ ปล่อยบรรยากาศอันน่าเกรงขามออกมา
ภายในตำหนัก เงาร่างหนึ่ง สวมชุดคลุมลายมังกร คุกเข่าอยู่บนพื้น มุมปากขยับเล็กน้อย ราวกับกำลังกล่าวสิ่งใด
ส่วนลึกที่สุดของตำหนัก หมอกแห่งความโกลาหลปกคลุม
สถานที่แห่งนั้น ราวกับมีคนนั่งอยู่ แต่กลับราวกับไม่มีอะไร มองเห็นเพียงเงาเลือนราง ห้วงมิติบิดเบี้ยว
มีเพียงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่ ไร้เทียมทาน ปกคลุมทั่วทุกมุม ราวกับเทพเซียนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง กำลังมองลงมายังโลกมนุษย์
กดทับเงาร่างที่อยู่ด้านล่าง จนอีกฝ่ายสีหน้าซีดเผือด แทบจะหายใจไม่ออก
หลังจากที่เงาร่างด้านล่างกล่าวจบ
ศีรษะของเขาก็กดลงบนพื้น สีหน้าซีดเผือด เหงื่อเม็ดโตหยดลงบนพื้น แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวในใจ
"ฝ่าบาท"
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
เสียงแผ่วเบาดังขึ้น
ราวกับดังมาจากยุคอันไกลโพ้น กึกก้องไปทั่วห้วงมิติ
"เจ้ากล่าวว่า มีกึ่งจักรพรรดิ บุกเข้ามาในดินแดนของข้าหรือ"
"ขอรับ"
เงาร่างที่สวมชุดคลุมลายมังกร ก้มศีรษะลงต่ำ แทบจะจมลงไปในพื้นดิน
เผชิญหน้ากับเสด็จพ่อที่น่ากลัวเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าตนเองนั้นควรจะร้องไห้ หรือหัวเราะ เสด็จพ่อของเขานั้นแข็งแกร่ง และทะเยอทะยาน ต้องการจะยึดครองโลกอินทนิลเร้นลับทั้งหมด!
จากนั้นจะยึดครองโลกสวรรค์ก่อกำเนิด!
ต้องการจะให้โลกทั้งสองอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา!
ความทะเยอทะยานเช่นนี้ หาได้ยากยิ่งนัก
"ข้ารู้แล้ว"
คำพูดเพียงสามคำ แต่กลับราวกับเสียงแห่งมหามรรค ตำหนักทั้งหลังสั่นสะเทือน สัญลักษณ์โบราณมากมายปรากฏขึ้น ส่องแสงสว่าง ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
"อืม"
เสียงแผ่วเบาดังขึ้น
ภายในหมอกแห่งความโกลาหล ฝ่ามือสีขาวราวกับหยกปรากฏขึ้น ก่อนจะดีดนิ้วเบา ๆ หยดเลือดที่บรรจุกฎเกณฑ์มากมาย พุ่งทะลวงห้วงมิติ
หยดเลือดนี้ แปรเปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็ว กลายเป็นชายหนุ่ม สวมชุดคลุมสีทอง สวมมงกุฎสีม่วงทอง คิ้วเข้มเฉียงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
ภายในดวงตา ภาพของโลกแตกดับมากมายปรากฏขึ้น แม้จะไม่เอ่ยวาจาใด ๆ แต่การเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง ล้วนเต็มไปด้วยรังสีอำนาจ ราวกับจักรพรรดิที่จุติลงมา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูจืดชืดลง
เขาก้าวเท้าออกไปทีละก้าว เดินทางออกจากตำหนัก ทันใดนั้นท้องฟ้าก็แยกออกจากกัน เขาก้าวเท้าอีกครั้ง ร่างกายก็หายไปในทันที
ในเวลาเดียวกัน ภายในซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง
เมิ่งชิ่งจือยืนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขามองแหวนเก็บของเจ็ดวงในมือ ราวกับว่าตนเองอายุยืนขึ้นอีกหนึ่งล้านปี
ภายในร่างกาย เต็มไปด้วยพลัง
แหวนเก็บของเจ็ดวง หมายถึงขุมอำนาจเจ็ดแห่ง!
ขุมอำนาจเหล่านี้ ถูกเขาทำลายจนสิ้นซาก ทรัพย์สมบัติทั้งหมด ถูกเขาเก็บไว้
“อาวุธกึ่งจักรพรรดิสิบชิ้น อาวุธจักรพรรดิที่แตกหักหนึ่งชิ้น วิชาเวทระดับกึ่งจักรพรรดิหลายเล่ม สิ่งของเหล่านี้ น่าจะเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับโอกาสบรรลุระดับจักรพรรดิ!”
เมิ่งชิ่งจือนึกคิดในใจ
เขาเดินทางออกมาจากซากปรักหักพัง เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
เบื้องหน้าเขาคือห้วงดาราอันไร้ขอบเขต ดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ดวงดาวบางดวง ปล่อยปราณวิญญาณอันยิ่งใหญ่ออกมา
“สถานที่ที่ข้าอยู่ เป็นเพียงผืนแผ่นดินที่ลอยอยู่ในห้วงดารา โลกอินทนิลเร้นลับนี้ ช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก!”
เมิ่งชิ่งจืออดทึ่งไม่ได้
โลกอินทนิลเร้นลับนั้น แตกต่างจากโลกของเขา
โลกสวรรค์ก่อกำเนิด เป็นผืนแผ่นดินที่สมบูรณ์
ส่วนโลกใบนี้สร้างจากดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วน ดวงดาวบางดวง เป็นเพียงดาวเคราะห์ แต่บางดวงกลับเป็นผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ ลอยอยู่ภายในห้วงมิติ
เขารับรู้ได้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมาย อาศัยอยู่บนดวงดาวเหล่านั้น
ภาพเช่นนี้ในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด นับว่าหาได้ยาก
จะมีเพียงขุมอำนาจเก่าแก่บางแห่ง เพื่อแสดงความแตกต่าง จึงทุ่มเททรัพยากรมากมาย สร้างดวงดาวขึ้นมาอาศัยอยู่บนดวงดาว
“ทำลายอีกสักแห่ง ข้าก็จะกลับแล้ว!”
เมิ่งชิ่งจือเงยหน้าขึ้น มองไปยังดวงดาวสีน้ำตาลที่อยู่ไม่ไกล กล่าวอย่างแผ่วเบา “ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย! ทำลายแล้วจะกลับทันที หากยังคงอยู่ที่นี่ อาจจะดึงดูดจักรพรรดิแห่งโลกใบนี้ก็เป็นได้!”
อืม...
“ครั้งสุดท้ายแล้ว!”
เมิ่งชิ่งจือกล่าวราวกับให้กำลังใจตนเอง เขาก้าวเท้าออกไป เคลื่อนไหวในห้วงมิติอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นในมือของเขา ปรากฏเตาหลอมมังกรฟ้าขึ้นมา หมุนวนอยู่บนท้องฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาของการสร้างโลก
พลังอันยิ่งใหญ่ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
“ตู้ม!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฟ้าดินแตกสลาย
ห้วงมิติโดยรอบราวกับกำลังจะพังทลาย ดวงดาวนับไม่ถ้วนแตกสลาย กลายเป็นฝุ่นผง พลังทำลายล้างปกคลุมทั่วห้วงดารา
“อืม?”
เมิ่งชิ่งจือขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในใจเขาปรากฏความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
“ดวงดาวดวงนั้น เหตุใดจึงไม่เป็นอะไร”
พลังของเขา ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา
เตาหลอมมังกรฟ้าตกลงมา น่าจะบดขยี้ดวงดาวดวงนั้นจนแหลกสลาย เหตุใดจึงถูกหยุดเอาไว้
เมิ่งชิ่งจือตกใจ
ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็สั่นสะเทือน ราวกับถูกเทพเซียนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งจับจ้อง ทำให้ขนลุกซู่
“เจ้า มิใช่คนของโลกใบนี้!”
เสียงเย็นชา ดังขึ้น ราวกับดังมาจากขุมนรกทั้งเก้า
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ใต้เตาหลอมมังกรฟ้า ปรากฏเงาร่างของชายหนุ่มขึ้นมา เขายืนอยู่ที่นั่น ยกมือข้างหนึ่งขึ้น รองรับเตาหลอมมังกรฟ้าเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง ไขว้หลัง
ผมยาวสลวยสะบัดพลิ้วไหว ผิวพรรณเปล่งประกายราวกับหยก ดวงตาดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า
นี่คือชายหนุ่มที่อ่อนเยาว์ยิ่งนัก
เขาสวมชุดคลุมสีทอง รอบกายปกคลุมด้วยแสงเซียน รังสีนับหมื่นสายแผ่กระจาย ส่องสว่างไปทั่ว
พลังของมหาจักรพรรดิ แผ่กระจายออกไป!
เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ ไร้เทียมทาน!
รังสีอำนาจของเขานั้น เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทะลวงผ่านเก้าชั้นฟ้า สะกดขุมนรกทั้งเก้า ปกคลุมทั่วฟ้าดิน ราวกับสามารถตัดผ่านโลกทั้งสามพัน ทำให้สิ่งมีชีวิตนับล้านหวาดกลัว
“มหาจักรพรรดิ”
เมิ่งชิ่งจือสีหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นแรง ยังไม่ทันได้คิดจะหลบหนี ก็พบความผิดปกติ กลิ่นอายของมหาจักรพรรดิผู้นี้ ดูเหมือนจะเลือนราง
ราวกับดอกไม้ในกระจก เงาจันทร์ในน้ำ
หากเขาไม่ใช่ระดับกึ่งจักรพรรดิ คงไม่อาจสังเกตเห็นความผิดปกตินี้
“มิใช่ร่างจริง?”
เมิ่งชิ่งจือรู้สึกโล่งใจ
ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ คิดหาวิธีหลบหนี
ในเมื่อถูกมหาจักรพรรดิจับจ้องแล้ว
ตอนนี้ไม่หนี รอให้มหาจักรพรรดิร่างจริงเดินทางมาถึง เขาคงต้องตาย
เมิ่งชิ่งจือก้าวเท้าออกไป
ยังไม่ทันได้จากไป เสียงเย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง
“คนของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด?”
“ข้าเคยพบเจอเจ้า”
ชายชุดดำคนหนึ่ง ก้าวเท้าออกมา เสียงของเขาน่าเกรงขาม ปล่อยบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ออกมา ราวกับสามารถควบคุมทุกสรรพสิ่ง
“มหาจักรพรรดิสองท่าน คงจะให้เกียรติข้ามากเกินไป”
เมิ่งชิ่งจือหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมา เบื้องหน้าและเบื้องหลัง ต่างก็มีมหาจักรพรรดิยืนอยู่
การปฏิบัติเช่นนี้ แม้แต่มหาจักรพรรดิทั่วไปก็ยังไม่เคยได้รับ
ส่วนเขากลับได้ลิ้มรสก่อน
รู้อย่างนี้ เขาควรจะกลับไป หลังจากทำลายขุมอำนาจแห่งนั้น
น่าเสียดาย ตอนนี้สายเกินไปแล้ว
“โลกสวรรค์ก่อกำเนิดหรือ”
ชายชุดทอง ดวงตาเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ปล่อยกลิ่นอายของจักรพรรดิออกมา ห้วงดาราโดยรอบแตกสลาย ทุกสรรพสิ่งมลายหายไป สิ่งมีชีวิตมากมายตัวสั่น
พลังกดดันเช่นนี้ไม่อาจจินตนาการ
“เจ้าบุกรุกเข้ามาในดินแดนของข้า สังหารประชาชนของข้า เจ้าสมควรตาย!”
จิตสังหารที่ราวกับเป็นรูปธรรม ปกคลุมทุกสารทิศ
แผ่กระจายออกไป มุ่งหน้าไปยังเมิ่งชิ่งจือ พลังทำลายล้างนี้ สามารถทำลายดวงวิญญาณของผู้คนได้
“ตู้ม!”
ชายชุดทองลงมือก่อน
เพียงแค่ชี้ไปข้างหน้า ห้วงดาราสั่นสะเทือน มิติแตกสลาย รังสีอำนาจอันยิ่งใหญ่พุ่งทะลวงฟ้าดิน เปิดเส้นทางแห่งความโกลาหลขึ้นมา!
“แย่แล้ว!”
เมิ่งชิ่งจือใจสั่น
ในตอนนี้เขาไม่สนใจการเก็บซ่อนพลัง การเอาชีวิตรอด คือสิ่งสำคัญที่สุด ของที่ควรได้ ได้มาแล้ว
ปราณโลหิตในร่างกายของเขาราวกับถูกจุดไฟเผาไหม้ พลังทั้งหมดแผ่กระจายออกไป แปรเปลี่ยนเป็นแสงวาบหนึ่ง พุ่งทะลวงห้วงมิติ หลบหนีไปทางเดิม
ก่อนจะจากไป เขายังคงถือเตาหลอมมังกรฟ้าเอาไว้
“ตู้ม!”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เตาหลอมมังกรฟ้าสั่นสะเทือน
พลังอันยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามา เมิ่งชิ่งจือราวกับถูกกระแทกอย่างรุนแรง กระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดเผือด
เขาใช้พลังนี้หลบหลีกการโจมตีของชายชุดดำ และหลบหนีไป
สิ่งที่แปลกประหลาดคือชายชุดดำคือร่างแยกของมหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬ ทั้งสองเคยเป็นศัตรูกัน แต่กลับไม่มีท่าทีใด ๆ
หากเขาลงมือ เมิ่งชิ่งจือมั่นใจว่าแม้จะมีอาวุธจักรพรรดิ เขาก็ไม่อาจหลบหนีได้ ต่อให้หนีไปได้ เตาหลอมมังกรฟ้าก็คงต้องสูญเสีย
ตอนนี้เขายังคงไม่เข้าใจ
เขาจึงคิดว่า นี่คงเป็นศักดิ์ศรีของมหาจักรพรรดิ มหาจักรพรรดิทั้งสอง ถือครองเจตจำนงของมหาจักรพรรดิ ไม่อยากร่วมมือกันกำจัดระดับกึ่งจักรพรรดิ
กลิ่นอายอันน่ากลัวสามสาย หนึ่งสายหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง สองสายติดตามอย่างใกล้ชิด
พุ่งทะลวงผ่านห้วงมิติ หลายหมื่นล้านลี้
ผู้คนมากมายในโลกอินทนิลเร้นลับต่างก็มองเห็นภาพนี้ พูดคุยกันอย่างออกรส
หรือว่าระดับกึ่งจักรพรรดิที่ชอบทำลายขุมอำนาจ จะถูกจับตัวแล้ว
การที่สามารถดึงดูดมหาจักรพรรดิสองท่านให้ลงมือ คงไม่มีระดับกึ่งจักรพรรดิคนใดทำได้เช่นนี้อีกแล้ว
แม้จะตายก็นับว่าน่าภาคภูมิใจ
ยุคสมัยอื่นไม่มีระดับกึ่งจักรพรรดิคนใด สามารถหลบหนีจากมหาจักรพรรดิได้
ครึ่งวันผ่านไป
เมิ่งชิ่งจือมองไปยังเบื้องหน้า ดวงตาของเขาเป็นประกาย เห็นประตูมิติอยู่ไม่ไกล แม้ว่าอ๋าวเสวียนจะทิ้งวิธีการบางอย่างเอาไว้
แต่ชัดเจนว่าไม่อาจปกปิดจิตตระหนักรู้ของระดับกึ่งจักรพรรดิเช่นเขา
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในประตูมิติ
ในพริบตา ราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างออก สีหน้าซีดเผือด
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เหตุใดเขาจึงสามารถหลบหนีจากมหาจักรพรรดิทั้งสองได้
“เป้าหมายของพวกเขา มิใช่ตัวข้า แต่เป็นประตูมิติเบื้องหลังข้าหรือ”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้น
เบื้องหน้าเมิ่งชิ่งจือปรากฏเงาร่างอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาสองร่าง มหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬโบกมือเบา ๆ วิธีการที่อ๋าวเสวียนทิ้งเอาไว้ ก็แตกสลาย
ประตูมิติอันลึกลับ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา
“เป็นอย่างที่ข้าคิด!”
มหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬกล่าวอย่างเย็นชา
เขาหันกลับมา มองเมิ่งชิ่งจือ เอ่ยอย่างแผ่วเบา “คุณค่าของเจ้า หมดแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าจะจากไปแล้ว!”
ฝ่ามือของเขายกขึ้น ปรากฏสัญลักษณ์บนฝ่ามือ ปล่อยกลิ่นอายอันน่ากลัว ปกคลุมห้วงมิติโดยรอบ ต้องการสังหาร!
ยังไม่ทันได้ลงมือ
“ตู้ม!”
สายฟ้าสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า!
เมฆมากมายรวมตัวกัน
เมฆทมิฬ ปกคลุมพื้นที่โดยรอบหลายสิบล้านลี้ เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง สายฟ้ามากมาย พุ่งลงมายังดินแดนบรรพบุรุษของเผ่าเจียวกิเลนมรกต
เพราะว่าดินแดนบรรพบุรุษของเผ่าเจียวกิเลนมรกตอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
ทำให้คนทั้งสาม ถูกปกคลุมไปด้วย