บทที่ 4 การเปลี่ยนแปลงของถ้ำสวรรค์ (re)
เมื่อแสงแรกของรุ่งเช้าสาดลงมาบนเต็นท์ เสิ่นหยวนก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาจากสภาวะการฝึกฝนของเคล็ดวิชาหายใจเมฆหมอก
ตั้งแต่เริ่มฝึกเคล็ดวิชาหายใจเมฆหมอกจนเข้าถึงระดับพื้นฐาน เสิ่นหยวนก็เคยชินกับการใช้เคล็ดวิชานี้แทนการนอน การหมุนเวียนพลังด้วยเคล็ดหายใจและรับรู้การเคลื่อนไหวของจักรวาลย่อมดีกว่าการนอนหลับธรรมดา
โดยปกติ เสิ่นหยวนใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงในการฝึกเคล็ดวิชาหายใจเมฆหมอก ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารักษาสภาพจิตใจที่สดชื่นตลอดทั้งวัน
แต่เมื่อวานนี้แตกต่างจากปกติอย่างเห็นได้ชัด เสิ่นหยวนใช้เวลาฝึกฝนนานกว่าปกติเกือบสองเท่า จนถึงตอนนี้ถึงจะฟื้นฟูสภาพจิตใจได้เต็มที่ ตามที่เสิ่นหยวนคาดการณ์ น่าจะเป็นเพราะใช้พลังเทพฮู๋เทียนที่ทำให้จิตวิญญาณหมดไปมาก
เสิ่นหยวนเดินออกมาจากเต็นท์ เริ่มเก็บกวาดแคมป์ เตรียมตัวกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยกองไฟหรือเครื่องหมายที่ตั้งแคมป์ เสิ่นหยวนจัดการให้เรียบร้อยทั้งหมด
เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ได้สำเร็จลงแล้ว เสิ่นหยวนไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในเทือกเขาอวิ๋นอู่อีกต่อไป
แม้ว่าอัตราการฝึกฝนในเทือกเขาอวิ๋นอู่จะเร็วกว่าภายในเมืองมาก แต่เสิ่นหยวนยังไม่พร้อมที่จะละทิ้งสังคมและกลายเป็นผู้ฝึกตนที่ปลีกวิเวกจากโลก
นอกจากนี้ การที่เขาแยกตัวออกจากกลุ่มทัวร์เพื่อเข้าเทือกเขาอวิ๋นอู่เพียงลำพัง หากเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่หากอยู่นานและครอบครัวไม่สามารถติดต่อได้ อาจเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมา จึงควรกลับไปให้เร็วที่สุด
ก่อนจากไป เสิ่นหยวนยังตั้งใจไปดูสถานการณ์ของถ้ำสวรรค์ลั่วอวิ๋น
เสิ่นหยวนใช้ตราประทับเติ้งเซียนเปิดถ้ำสวรรค์ลั่วอวิ๋น ทำให้ถ้ำสวรรค์ที่ถูกปิดมากว่าหมื่นปีได้พบเจอแสงอาทิตย์อีกครั้ง แต่ก็ทำลายสมดุลของถ้ำสวรรค์ที่รักษามานานกว่าหมื่นปีไปด้วย
พื้นที่ภายในถ้ำสวรรค์ที่ใกล้จะพังทลายก็ยิ่งไม่เสถียร รอยแยกของฟากฟ้าที่แตกร้าวเริ่มแผ่ขยายลงสู่พื้นดิน อีกไม่เกินครึ่งวัน ถ้ำสวรรค์ลั่วอวิ๋นจะต้องพังทลายลงโดยสมบูรณ์
เป้าหมายการเดินทางของเสิ่นหยวนสำเร็จแล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกฝนและของวิเศษทั้งหมดภายในถ้ำสวรรค์ลั่วอวิ๋นถูกลบออกไป เหลือเพียงเปลือกว่างเปล่า การสำรวจต่อไปจึงไม่มีความหมายใด ๆ
เสิ่นหยวนใช้พลังเทพฮู๋เทียนในการอำพรางทางเข้าของถ้ำสวรรค์ แล้วตัดสินใจจากไปทันที
เมื่อเทียบกับความยากลำบากในการค้นหาสำนักลั่วอวิ๋นเมื่อแรกเข้าสู่เทือกเขา ตอนนี้เสิ่นหยวนไม่มีข้อจำกัดใด ๆ อีกแล้ว ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า เสิ่นหยวนสามารถเดินทางถึงขอบเขตของเทือกเขาอวิ๋นอู่ได้ภายในครึ่งวัน
เมื่อถึงเขตนอกเทือกเขาก็สามารถมองเห็นเส้นทางที่สร้างไว้ในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงขยะที่ถูกทิ้งบางส่วน และยังมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางตามไกด์เพื่อเที่ยวชมสถานที่อยู่บนเส้นทางด้วย
เสิ่นหยวนเดินเข้าไปปะปนในกลุ่มคนและกลับมาที่เขตท่องเที่ยวได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ
บนรถ เสิ่นหยวนเพิ่งเปิดโทรศัพท์ที่ปิดไปสี่วัน และข้อความกับสายที่ไม่ได้รับจำนวนมากก็ทำให้โทรศัพท์ของเขาดังไม่หยุด
ในบรรดาข้อความเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นของบุคคลที่ถูกบันทึกว่า "พี่สาว"
พี่สาว: ได้ยินว่าช่วงนี้ไปเที่ยวหรือ? วัยรุ่นก็ต้องออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อย่าอยู่แต่บ้านตลอด ถ้าขาดเงินก็บอกพี่ได้เลย
พี่สาว: เมื่อวานส่งข้อความไปทำไมไม่ตอบ? หรือว่าไปมีความรักแล้ว? ลูกสาวบ้านไหน? สวยหรือเปล่า?
พี่สาว: พี่ได้ยินมาว่าช่วงนี้ที่อาณาจักรม่านวุ่นวายมาก หลายคนหายตัวไป มีคนบอกว่าถูกจับไปขายอวัยวะ บ้างก็ว่าถูกทำพิธีมนต์ดำหรืออะไรสักอย่าง อย่าได้เอาตัวเองไปหลงเชื่ออะไรเข้าล่ะ
พี่สาว: แล้วทะเลก็ไปไม่ได้นะ ได้ยินว่าที่มลฑณอิ๋งนั้นมีการปล่อยสารกัมมันตรังสี เลี้ยงอะไรประหลาด ๆ ไว้เยอะ มีแม้กระทั่งงูแปดหัวที่วิ่งออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
พี่สาว: น้องชาย ทำไมไม่ตอบข้อความสักที!
พี่สาว: หรือว่าไปอาณาจักรม่านจริง ๆ ?
ในช่วงสี่วันที่เข้าเทือกเขาอวิ๋นอู่ พี่สาวส่งข้อความมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด โทรศัพท์ก็โทรเข้ามาทุกสองสามชั่วโมง
แม้ว่าข้อความที่พี่สาวคิดเองว่าตัวเขาถูกพาไปอาณาจักรม่านแล้วถูกตัดไตนำไปขายทำให้เสิ่นหยวนอดหัวเราะไม่ได้ แต่ความห่วงใยและความกังวลในข้อความเหล่านั้นกลับทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง
ตั้งแต่ข้ามภพมา เสิ่นหยวนก็หมกมุ่นกับการฝึกฝนตนเอง และด้วยเหตุผลหลายอย่างทำให้เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องในอดีตส่วนใหญ่ขาดการติดต่อ แม้แต่พ่อแม่ที่เป็นเพียงในนามก็ไม่ค่อยสนใจเขา
มีเพียงพี่สาวเสิ่นอวี๋เท่านั้นที่ยังคงห่วงใยและให้การช่วยเหลือในชีวิตประจำวันแก่เขา แม้แต่หินที่ถูกอุ่นไว้นานครึ่งปียังรู้สึกร้อน แล้วคนอย่างเสิ่นหยวนที่ยังมีชีวิตก็ยิ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นจากความห่วงใยนี้
ด้วยนิสัยที่ไม่เร่งรีบของเสิ่นหยวน เหตุผลที่เขาไม่ไปหาภูเขาเพื่อฝึกฝนอย่างเต็มตัวก็เป็นเพราะพี่สาวเสิ่นอวี๋นี่เอง
นิ้วแตะบนหน้าจอโทรศัพท์ เสิ่นหยวนส่งข้อความแรกในรอบสี่วันไปยังเสิ่นอวี๋
“ไม่ต้องห่วง ยังสบายดี”
หลังจากส่งข้อความไปไม่ถึงนาที โทรศัพท์ของเสิ่นหยวนก็ส่งเสียงขึ้นทันที แม้จะไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครโทรมา
เขากดรับสาย อีกฝั่งของโทรศัพท์ก็ส่งเสียงโกรธเกรี้ยวอย่างรวดเร็ว
“ช่วงหลายวันที่ผ่านมาน้องหายไปไหนมา?”
รับรู้ถึงความโกรธของเสิ่นอวี๋ เสิ่นหยวนจึงยกโทรศัพท์ออกห่างหูเล็กน้อย แล้วตอบกลับอย่างไม่จริงจัง
“ช่วงนี้ไปเล่นในภูเขามา ตอนนี้ผมกำลังกลับที่พักแล้ว พี่ไม่ต้องห่วง อีกอย่างแบตโทรศัพท์ผมจะหมดแล้ว แค่นี้ก่อนนะ”
ยังไม่ทันให้เสิ่นอวี๋ตอบกลับ เสิ่นหยวนก็ตัดสายทันที และด้วยความเชี่ยวชาญก็จัดการบล็อกเสิ่นอวี๋เข้าไปในรายชื่อสายที่ห้ามโทรเข้า
เขารู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เสิ่นอวี๋พูดต่อไป ไม่มีทางจบในสามชั่วโมง ยังไงก็รอให้อีกฝ่ายใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยกันใหม่ดีกว่า
เสิ่นหยวนมองไปที่ข้อความที่ยังคงกระพริบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับสติ๊กเกอร์แมวโกรธยาวเหยียด เสิ่นหยวนยิ้มออกมาเล็กน้อย
...
...
...
ขณะที่เสิ่นหยวนกำลังหยอกล้อกับพี่สาวของตน การเปลี่ยนแปลงที่เทือกเขาอวิ๋นอู่ก็เริ่มต้นขึ้น
ไม่นานหลังจากที่เสิ่นหยวนจากไป กองทัพเจิ้นหนานก็ได้ทำการปิดกั้นทางเข้าสู่ส่วนลึกของเทือกเขาอวิ๋นอู่ทั้งหมด
ส่วนพื้นที่ท่องเที่ยวบริเวณรอบนอกของภูเขาอวิ๋นอู่นั้นถูกยกเลิกการให้บริการไปก่อนแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งหมดถูกจัดการให้ย้ายไปยังเมืองข้างเคียงอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับการได้รับค่าชดเชยบางส่วน
ในบริเวณใกล้กับทางเข้าเทือกเขาอวิ๋นอู่ ทหารช่างทำงานร่วมกับเครื่องจักรก่อสร้างเพื่อสร้างศูนย์บัญชาการ
เพียงครึ่งชั่วโมงต่อมา เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งค่อย ๆ ลงจอดบนลานจอดที่เพิ่งถูกเตรียมไว้ ชายวัยกลางคนในชุดหรูหราสง่างามลงจากเฮลิคอปเตอร์และเดินเข้ามายังศูนย์บัญชาการของกองทัพเจิ้นหนาน
ตามหลังเขามามีชายชราที่สวมชุดเต๋าสีน้ำเงิน ในมือถือแส้ปัดรังควาน มองดูคล้ายผู้ที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณและธรรมะ
ชายกลางคนที่มีท่าทางสง่างามผู้นี้คือเจิ้นหนานโหว [1] ผู้ดูแลดินแดนสามมณฑลซึ่งเทือกเขาอวิ๋นอู่เป็นส่วนหนึ่งในเขตการปกครองของเขา
ตั้งแต่เมื่อวาน สำนักโหรหลวงแห่งจักรวรรดิต้าเซี่ยมีโหรดูดาวที่สามารถมองเห็นว่ามีถ้ำสวรรค์ถูกเปิดขึ้นในเขตแดนของต้าเซี่ย แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ทำให้ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้ทันที
จนกระทั่งเช้าวันนี้ ถ้ำสวรรค์ปิดตัวลงและทำให้เกิดปรากฏการณ์สะเทือนฟ้าอีกครั้ง สำนักโหรหลวงจึงใช้พลังของการทำนายด้วยดวงดาวจนสามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งของถ้ำสวรรค์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งก็พบว่าอยู่ภายในเทือกเขาอวิ๋นอู่
เมื่อได้รับข่าวสารนี้ เจิ้นหนานโหวจึงสั่งการให้ปิดกั้นเทือกเขาอวิ๋นอู่ทันที และได้เชิญนักพรตไจ้ซิง หนึ่งในเจ้าอธิการสูงสุดของเจิ้นหนานโหวมายังเทือกเขาอวิ๋นอู่เพื่อยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนของถ้ำสวรรค์
การปิดกั้นทางเข้าเทือกเขาอวิ๋นอู่ที่เห็นยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่เจิ้นหนานโหวรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
.
(จบตอน)
.
.
[1] โหว — เป็นคำเรียกขุนนางชั้นสูงในสมัยจีนโบราณ มีศักดิ์เป็นอันดับสองรองจาก "ท่านอ๋อง" ในระบบขุนนาง 5 ชั้น (อ๋อง,โหว, ป๋อ, จื่อ, นาน) ซึ่งเทียบได้กับระบบขุนนางไทยในสมัยโบราณ คือ เจ้าพระยา]