บทที่ 34 โล่แห่งแสง (IV)
หลงเฮ่าเฉินลองใส่พลังวิญญาณภายในลงในโล่ ทันใดนั้นลวดลายรูปดวงอาทิตย์กลางโล่ก็ส่องแสงขึ้น ทำให้โล่ทั้งหมดมีแสงสีทองอ่อนๆ ปรากฏขึ้น และพลังแสงสว่างก็ไหลกลับมาที่เขา ทำให้การใช้พลังวิญญาณของเขานั้นไม่มากนัก
“พี่สาว ขอบคุณมากครับ” หลงเฮ่าเฉินกล่าวอย่างจริงใจ
หลี่ซินยิ้ม "ขอบคุณอะไรกัน นี่เธอชนะเองต่างหาก เอาล่ะ ฉันจะบอกเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องระวังในการเรียนที่วิหารของเราให้ฟัง"
หลี่ซินอยู่ในห้องของหลงเฮ่าเฉินเกือบหนึ่งชั่วโมง บอกให้เขารู้เกี่ยวกับวิหารเฮ่าเยว่
รุ่งเช้า หลงเฮ่าเฉินล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็กินอาหารเช้าที่มีคนส่งมาให้ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่มีเฉพาะอัศวินแท้จริงเท่านั้น พวกอัศวินฝึกหัดต้องไปทานอาหารภายในโรงอาหาร เมื่อทานเสร็จแล้ว เขาก็รีบไปยังหออัศวิน
หออัศวินเป็นอาคารสองชั้นไม่ใหญ่มาก ชั้นหนึ่งเป็นที่เรียนของอัศวินป้องกัน ส่วนชั้นสองเป็นของอัศวินลงทัณฑ์
เมื่อหลงเฮ่าเฉินมาถึงห้องเรียนที่กว้างขวางของอัศวินป้องกัน ห้องนั้นยังว่างเปล่าอยู่ เขาหาที่นั่งมุมห้อง วางดาบหนักและโล่แห่งแสงลงข้างๆ และรออย่างเงียบๆ
ไม่นานก็มีอัศวินเข้ามาในห้องเรียน จนกระทั่งห้องเรียนนั้นเต็มไปด้วยอัศวิน หลงเฮ่าเฉินนับได้ประมาณแปดสิบคนเห็นจะได้ เห็นได้ชัดว่าอัศวินป้องกันมีจำนวนมากกว่าอัศวินลงทัณฑ์มาก
แม้ว่าหลงเฮ่าเฉินจะนั่งอยู่ในมุมห้อง แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจจากอัศวินคนอื่นๆ พวกเขาต่างมองเขาด้วยความสงสัยเพราะเขานั้นยังดูเด็กมาก
“ดูนั่นสิ เด็กคนนั้นเป็นใครน่ะ? โอ้ว นั่นไม่ใช่โล่แห่งแสงเหรอ? ดูเหมือนบ้านเขาจะมีเงินนะ”
“แต่หออัศวินของเราก็ไม่ใช่ที่ที่มีเงินแล้วจะเข้ามาได้ไม่ใช่เหรอ? หรือเขาเป็นญาติของครูคนไหน?”
“นี่พวกเธอไม่รู้ใช่ไหม? ฉันได้ยินมาจากยามที่เฝ้าประตูเมื่อวานนี้ว่า กุหลาบแห่งนรกเธอพาเด็กหนุ่มหน้าตาดีมา คงเป็นเด็กคนนี้แหละ แต่ทำไมหัวหน้าหอถึงยอมให้เขามาเรียนที่นี่ได้กันนะ?”
อัศวินอาวุโสคนหนึ่งเดินมาหาหลงเฮ่าเฉิน พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “น้องชาย เธอเข้ามาผิดห้องหรือเปล่า? ที่นี่คือหออัศวิน ห้องเรียนของอัศวินฝึกหัดอยู่ข้างๆ”
หลงเฮ่าเฉินรีบลุกขึ้นยืน ทำความเคารพ “สวัสดีครับ ผมมาฟังการสอนในหออัศวิน ผมชื่อหลงเฮ่าเฉิน”
ในขณะที่อัศวินอาวุโสกำลังจะพูดต่อ จู่ๆ ก็มีเสียงแหบพร่าดังขึ้น “เริ่มเรียนได้แล้ว”
อัศวินทุกคนดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด และต่างก็กลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเองอย่างรวดเร็วด้วยความเกรงกลัวจากเจ้าของเสียง
หลงเฮ่าเฉินหันไปมองที่แท่นสอน เห็นชายกลางคนรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น เขามีโล่กลมอยู่ที่หลัง และมองตรงมายังหลงเฮ่าเฉิน
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ชายกลางคนถามเสียงเข้ม
หลงเฮ่าเฉินรีบส่ายหัว
ชายกลางคนพูดอย่างเข้มงวดว่า “แล้วจะยืนอยู่ทำไม?”
หลงเฮ่าเฉินตกใจ รีบนั่งลง
ห้องเรียนเงียบกริบ ทุกคนมองชายกลางคนด้วยความเคารพและเกรงกลัว
“เด็กใหม่สินะ ฉันชื่อเย่หัว เป็นครูใหญ่ของหออัศวินเฮ่าเยว่ ฉันไม่สนใจว่าเธอจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่ในเมื่อมาอยู่ ณ ที่นี่ เธอก็คืออัศวินแท้จริงคนหนึ่ง ถ้านายทำไม่ได้ตามที่ฉันต้องการ ฉันจะเตะนายออกไป ให้กลับไปเรียนใหม่ยังห้องอัศวินฝึกหัด เข้าใจไหม?”
“ครับ” หลงเฮ่าเฉินลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และทำความเคารพอย่างเป็นทางการ
“อัศวินแท้จริงเหรอ?” คำพูดนี้ทำให้อัศวินในห้องเรียนทั้งหมดอึ้งไปตามๆ กัน เด็กหนุ่มที่ดูไม่เกินสิบห้าปีนี้เป็นอัศวินแท้จริง จริงๆ หรือ? นี่มันมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?
“ทั้งหมดลุกขึ้น!” เย่หัวตะโกนเสียงดังทันที ทันทีที่ได้ยินเสียงคำสั่ง ทุกคนในห้องก็ลุกขึ้นพร้อมกันทันที
เย่หัวมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา “เป็นอะไรกัน? ฉันสอนพวกนายว่ายังไง? ในฐานะอัศวินป้องกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร?”
“ความสงบครับ” อัศวินทั้งหมดตอบพร้อมกัน
“แล้วพวกนายได้ทำมั้ย?” เย่หัวกวาดสายตามองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา
ครั้งนี้ไม่มีใครตอบ
เย่หัวพูดต่อ “ทั้งหมดไปเปลี่ยนเป็นชุดเกราะหนัก แล้ววิ่งรอบสนามห้าสิบรอบ จงจำบทเรียนนี้เอาไว้ รีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”
“ครับ” ไม่มีใครกล้าขัดแย้ง อัศวินป้องกันทั้งหมดวิ่งออกจากห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบ
หลงเฮ่าเฉินก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่ได้คาดคิดว่าครูใหญ่คนนี้จะมีอารมณ์ร้อนขนาดนี้
“แล้วยังยืนอยู่ทำไม? นายไม่ใช่หนึ่งในพวกเขาเหรอ? ไปได้แล้ว!” เย่หัวชี้ไปที่หลงเฮ่าเฉินและตะโกนใส่
“ครับ”
ห้องเก็บอุปกรณ์อยู่ที่ชั้นใต้ดินของหออัศวิน เมื่อหลงเฮ่าเฉินได้รับชุดเกราะมา เขาก็รู้สึกแทบจะร้องไห้เพราะเขานั้นยังเด็กเกินไป ร่างกายยังไม่พัฒนาเต็มที่ ชุดเกราะหนักที่หนักเป็นร้อยปอนด์ใส่ในตัวเขามันเหมือนกับใส่เอาไว้เฉยๆ ไม่ได้แน่นหนาอะไร เขาต้องใช้มือทั้งสองข้างจับด้านข้างไว้เพื่อไม่ให้ชุดเกราะหล่นลงไป
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นในสนามฝึกซ้อมที่กว้างขวาง หนึ่งรอบของสนามมีระยะถึงสองร้อยจั้ง และเมื่อรวมกับการใส่ชุดเกราะหนักแล้ว สำหรับอัศวินที่มีพลังภายนอกถึงสองร้อย ถือว่าลำบากอยู่พอสมควร
เย่หัวยืนอยู่กลางสนามฝึกซ้อมมองพวกเขาวิ่ง “ห้ามใครรั้งท้าย ถ้าใครตามไม่ทัน ต้องวิ่งเพิ่มอีกห้าสิบรอบ หลงเฮ่าเฉิน มานี่” เขาเห็นได้ชัดว่ารู้จักชื่อของหลงเฮ่าเฉินจากนาหลานซู
“ครับ ครูใหญ่” หลงเฮ่าเฉินลากชุดเกราะหนักมาหาเย่หัว
เย่หัวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายเป็นเด็กใหม่ ไม่รู้กฎเกณฑ์ก็พอเข้าใจได้ ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนาย ถ้านายโจมตีจนทำให้ฉันขยับเท้าได้ นายก็ไม่ต้องไปวิ่งรอบสนามกับพวกเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อัศวินที่กำลังวิ่งรอบสนามอยู่เร่งความเร็วขึ้นชัดเจน ไม่มีใครกล้ามองไปทางเย่หัวเลย แต่หลายคนมีสีหน้าเวทนา
“ครับ” หลงเฮ่าเฉินถอดชุดเกราะหนักออกอย่างรวดเร็ว มือซ้ายถือโล่ มือขวาถือดาบหนัก การฝึกปฏิบัติเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มทักษะการต่อสู้ ในสภาวะที่มีแรงกดดันเพียงพอ มันยังสามารถกระตุ้นการเพิ่มพลังภายในได้ และที่สำคัญคือ เขานั้นไม่กลัวแพ้ ถ้าแพ้ก็แค่วิ่งรอบสนามเท่านั้นเอง
เย่หัวถอดโล่ออกจากหลัง ดูไม่สนใจโล่แห่งแสงที่หลงเฮ่าเฉินใช้เลย “โจมตีได้”
“ครับ ครูใหญ่โปรดชี้แนะด้วย” หลงเฮ่าเฉินมีความรู้สึกไม่คุ้นเคยกับการถือโล่ในมือซ้าย แต่ยังไงก็ดีกว่ามือซ้ายว่างเปล่า ก่อนมาที่หออัศวินเฮ่าเยว่ เขาตัดสินใจว่าจะไม่ใช้ดาบคู่ในการต่อสู้กับคนอื่นๆ เว้นแต่จะฝึกฝนเท่านั้น
หลงซิงหยูสอนลูกชายว่าอย่าให้ศัตรูรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของตนเอง
ด้วยก้าวที่มั่นคงและมีจังหวะ หลงเฮ่าเฉินเร่งความเร็วเหมือนเสือดาวตัวน้อยที่พุ่งไปหาเย่หัว ความเร็วไม่เร็วมาก แต่ก้าวเดินของเขามั่นคงมาก ดวงตาสองข้างล็อกเป้าไปที่เย่หัว ใช้ความสามารถในการสังเกตที่เหนือกว่าคนทั่วไปในการประเมินการเคลื่อนไหวของครูใหญ่
เมื่อคืนที่หลงเฮ่าเฉินชนะหลินเจียลู่ นอกจากการที่คู่ต่อสู้ประมาทแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินและการคำนวณที่แม่นยำของหลงเฮ่าเฉินเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพลังจิตที่เหนือกว่าคนทั่วไปของเขา
(จบบท)