บทที่ 160 คนสุดท้ายที่กล่าววาจาเช่นนี้ตายไปแล้ว
เสียงร่ำคำรามของมังกรก็ถูกขับขานออกจากร่างหลัวเฉิง พร้อมกับปราณอันน่าพรั่นพรึงระเบิดกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง!
ระหว่างนั้น ภาพอันน่าอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นในใจของหลัวเฉิง
ภายในวิญญาณยุทธ์ยามนี้ ดวงดาราจรัสแสงมากมายสุดคณานับก็คล้ายจะระยิบระยับขึ้นมา กลายเป็นมังกรยักษ์เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก เศียรและเขาก็สง่างาม ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเกร็ดเก้าสีหมดจดงดงามกระไรปานนั้น
ครั้นหลัวเฉิงกำลังตะลึงลาน ทันใดนั้น มังกรยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็ต่างกวาดสายตามองมาทางเขา แล้วแหงนหน้าขึ้นไปบนฟากฟ้าปากคล้ายจะขับขานมนต์คาถา
กรร!
เสียงคำรามของมังกร คล้ายจะดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ราวกับว่าดาราจักรกำลังถูกมันเขย่า และดวงดาวคล้ายกำลังพินาศสิ้น...
จิตใจของหลัวเฉิงจมสู่ห้วงเสียงคำรามร่ำร้องของมังกรอย่างสมบูรณ์ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ลืมตาขึ้นมา
ในแววตาเขาเต็มไปด้วยแสงสีทองเป็นประกายระยิบระยับ คล้ายมีพลังที่ไม่อาจหยั่งถึงได้
“เมื่อครู่นี้มันอะไรกัน...หรือจะเป็นวิญญาณยุทธ์ของข้ากันนะ?”
สิ่งที่เกิดนั้นพานให้เขาตกตะลึงมากทีเดียว ผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวันหลัวเฉิงจึงได้มีสติกลับมา แต่หัวใจของเขาก็ยังคงเต้นระรัวอยู่
“ช่างเสียปะไร ต่อให้มันจะเป็นวิญญาณยุทธ์ของข้าจริง แต่ก็ไม่ใช่เวลาที่ข้าจะสามารถตรวจสอบในตอนนี้ได้!”
หลัวเฉิงยิ้มอย่างเจื่อนๆ พลางส่ายศีรษะเขาขจัดความคิดวุ่นวายให้หมดสิ้น แล้วเข้าฌานสมาธิมองเข้าไปในตันเถียนตน
ภายในวังวนแห่งปราณแท้ ปราณมังกรกำลังโลดแล่นประหนึ่งตื่นเต้น และเหนือเศียรของมันก็ปรากฏดวงตาสดใสคู่หนึ่ง
แววตาของมังกรตัวนั้นสว่างไสวคล้ายสายฟ้า มาตรว่ามีพลังมหาศาลยากจะคาดเดาได้!
“ระดับที่สองของวิชามังกรแท้!”
หลัวเฉิงรู้สึกปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง
การกลืนกินวิญญาณยุทธ์ นับได้ว่าเป็นทางลัดของการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรแท้!
เขากลืนกินวิญญาณยุทธ์ของผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ไปเพียงไม่กี่คน แต่ผลที่ได้นั้นนับว่าสูงกว่าการกลืนวิญญาณสัตว์อสูรสองดาวหลายสิบตัวเสียอีก
“ผู้อาวุโสเหอ ท่านอุตส่าห์วางแผนลงแรงมุ่งหมายสังหารข้า! แต่เกรงว่ามันคงไม่มีประโยชน์เสียแล้ว! ข้าอยากรู้นักว่าบนเกาะชิงอวิ๋นแห่งนี้มีผู้ใดสังหารข้าได้อีก!”
หลัวเฉิงผงาดกายลุกขึ้นยืน ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าร่างกายมีพลังพลุ่งพล่านอย่างมากมายมหาศาล ว่าแล้วก็ชกหมัดออกไปพลัน
บูม!
โครงไม้ใหญ่ระเบิดกระจายอึกทึกครึกโครม เศษไม้ปลิวว่อนไปทั่วอาณาบริเวณ
ท่ามกลางเศษไม้เศษฝุ่นที่ปลิวว่อนไปทั่วอากาศ หลัวเฉิงย่างขึ้นมาจากใต้โพรงไม้ลึก
“ไม่เลว พลังของหมัดนี้อย่างน้อยก็เจ็ดหมื่นจิน! นับว่าแข็งแกร่งกว่าพลังสัตว์อสูรเสียอีก!”
หลัวเฉิงมองดูหมัดทั้งสองของตนด้วยความพึงใจเป็นที่สุด
ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้ามีพลังของเสือห้าตัว นั่นคือห้าหมื่นจิน เทียบได้กับความแข็งแกร่งของสัตว์อสูร
ทว่าพลังในปัจจุบันของหลัวเฉิงนั้น สูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้าเกือบครึ่งหนึ่ง!
นอกจากนี้ การกลืนกินวิญญาณยุทธ์ไม่เพียงช่วยกระตุ้นให้วิชามังกรแท้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ยังทำให้พลังยุทธ์ของเหลือเฉิงก้าวหน้าขึ้นเช่นเดียวกัน
หลัวเฉิงจำได้ว่าตั้งแต่ตอนที่เขาย่างเข้าสู่เกาะชิงอวิ๋น เขาเพิ่งอยู่ในช่วงต้นของขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาใกล้จะทะลวงเข้าสู่ขั้นปลายแล้ว!
“หากยังราบรื่นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่ข้าอาจจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับ 5 ก่อนที่การทดสอบชิงอวิ๋นจะจบลงก็เป็นได้!”
บูม!
ระหว่างที่หลัวเฉิงกำลังใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่นั้น จู่ๆ ก็ปรากฏร่างหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขาเบื้องหลังชายผู้นั้นเต็มไปด้วยเศษดินฝุ่นปลิวว่อน ไม่ต้องบอกเลยว่าวิ่งมาด้วยความเร็วมากขนาดไหน ซึ่งชายผู้แข็งแกร่งคนนั้นสวมชุดสีเหลือง
“หือ? เจ้าใช่หลัวเฉิงหรือไม่?”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองจ้องหลัวเฉิงไม่วางตาขณะเอ่ยถาม ม่านตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม
หลัวเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “กลิ่นอายทรงพลังเช่นนี้! ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า!”
“ไม่เลว นับว่าสายตาเจ้ายังพอมีแววอยู่บ้าง!”
บุรุษหนุ่มชุดเหลืองแค่นเสียงหัวเราะ มือกำกระชับแน่นแล้วตะโกนอย่างภาคภูมิ “ไม่คิดเลยว่าข้าหวงเที่ยผู้นี้จะโชคดีได้พบเจ้าก่อน นี่อาจเป็นลิขิตจากสวรรค์ที่กำหนดให้ข้าได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกแน่นอน!”
แม้ว่าหวงเที่ยจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้ติดอยู่ในตัวเต็งสิบอันดับแรก อีกทั้งในการทดสอบชิงอวิ๋นนี้ การจะเข้าสู่สิบอันดับแรกนั้นนับว่ายากมากทีเดียว!
เมื่อครู่เขากำลังล่าสัตว์อสูรอยู่ใกล้ๆ นี้เอง แต่พอดีได้ยินเสียงเกิดการระเบิด จึงรีบรุดหน้ามาทันที แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบหลัวเฉิงที่นี่ มันไม่ต่างอะไรเลยกับการพบขุมสมบัติที่ซุ่มซ่อนอยู่ใต้ก้นมหาสมุทร!
หลัวเฉิงเหยียดยิ้มมุมปากพลางแค่นเสียงหัวเราะ
ไฉนทุกคนที่ได้พบเขาจึงได้กล่าวออกมาว่าตนนั้นโชคดีกันหนอ?
“คนสุดท้ายที่กล่าววาจาเช่นนี้ตายไปแล้ว”