ตอนที่แล้วตอนที่ 30 : โคตรเยอะเลย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 : ท่านหญิงสลิเธอร์?

ตอนที่ 31 : สุนัขสามตัว


ตอนที่ 31 : สุนัขสามตัว

เมื่อมองไปยังกระสุนสีเหลืองน้ำตาล หวู่เหิงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

เนื่องจากกระสุนของเขาได้หมดไปจากเหตุการณ์ในหมู่บ้านเหมืองแร่แล้ว ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยน้อยลง

นอกจากนี้ เมืองหินดำก็ไม่ได้ปลอดภัยเท่าที่เห็น เพราะโลกแห่งยอดมนุษย์นั้น ความสงบสุขย่อมเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

การลาดตระเวนในเมืองที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกองกำลังที่สนับสนุนการลาดตระเวน ทำให้ชัดเจนว่าสิ่งต่างๆ เริ่มอันตรายขึ้นแล้ว

แม้ว่าหน่วยของเขาจะไม่ต้องไปเข้าร่วมการลาดตระเวน แต่การเพิ่มวิธีการในการป้องกันตัวเองก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน

ในตอนนี้ที่เขามีกระสุนแล้ว แม้พวกมันจะไม่สามารถใช้จัดการกับศัตรูที่ทรงพลังได้ แต่การจัดการกับพวกอาชญากรก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร

ภายในตู้เซฟ นอกจากกล่องกระสุนแล้วมันก็ยังมีปืนพกพร้อมกับป้ายกำกับอยู่หลายกระบอก ซึ่งพวกมันน่าจะมีไว้แจกจ่าย แต่ก็ยังไม่ได้ถูกแจกจ่ายและถูกเก็บไว้ที่นี่ก่อน

เขาบรรจุกระสุนให้กับปืนของตัวเองจนเต็มแม็กกาซีน

จากนั้นเขาก็เก็บกระสุนและปืนพกทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋าเป้ของเขา

หลังจากกวาดของในตู้เซฟจนหมดแล้ว เขาก็สะพายกระเป๋าให้กับโครงกระดูกตัวหนึ่ง

นอกจากตู้เซฟที่เต็มไปด้วยกระสุนแล้ว ห้องๆ นี้ก็ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ของตำรวจอยู่ด้วย เช่น กุญแจมือ ไฟฉายโลหะ ไม้กระบอง และโล่พาสติกที่มีลักษณะคล้ายโล่ปราบจลาจล

ของพวกนี้ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟและถูกวางไว้รอบๆ

พวกมันดูเหมือนจะไร้ประโยชน์กับเขา แต่ในเมื่อเขามาแล้ว เขาก็คิดว่าคงเป็นการดีกว่าที่จะเก็บพวกมันไปด้วย

เขาเก็บของชิ้นเล็กเข้าไปในกระเป๋าเป้และให้โครงกระดูกถือโล่เอาไว้

จากนั้นเขาก็กลับลงไปที่ชั้นล่าง

...

ในขณะที่เขาเดินลงบันไดมา เขาก็ได้กลิ่นเนื้อถูกเผาลอยเข้ามา

เปลวเพลิงที่ลุกไหม้จาระบีได้หายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ร่างที่ไหม้เกรียมบนพื้น

ณ ประตูทางเข้า การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่

ซอมบี้ที่เหลืออยู่บางส่วนได้พุ่งเข้าหาค่ายกลหอกของเหล่าโครงกระดูก

พวกมันถูกทะลวงร่างและล้มลงกับพื้น

เมื่อเวลาผ่านไป ซอมบี้ตัวสุดท้ายก็ล้มลงและบริเวณแห่งนี้ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

มีเพียงเสียงแตรรถที่อยู่ห่างไกลเท่านั้นที่ยังคงดังก้องอยู่อย่างต่อเนื่อง

แต่ซอมบี้ที่อยู่แถวนี้ก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้ามาหมดแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีซอมบี้ตัวใหม่ปรากฏขึ้นอีก

เมื่อเหล่าโครงกระดูกเริ่มย้ายร่างที่ขวางประตูออกไป หวู่เหิงก็ใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูกของเขาไปด้วย

โครงกระดูกลุกขึ้นมาทีละตัว และเข้าร่วมกับกองทัพที่อยู่ทางด้านหลังอย่างช้าๆ

จนกระทั่งถึงช่วงพลบค่ำ หวู่เหิงจึงหยุดการแปรสภาพศพ

หวู่เหิงไม่ได้คิดที่จะอยู่ที่นี่อีก แม้ที่นี่อาจจะเป็นสถานีตำรวจ แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังไม่ได้ปลอดภัยเท่ากับอาคารที่พักอาศัยของเขา

ถ้ามีซอมบี้กลายพันธุ์หรือสัตว์ประหลาดอื่นๆ ปรากฏตัว เขาก็อาจจะจบเห่อยู่ที่นี่ได้

เมื่อมองไปยังร่างบนพื้นที่ยังไม่ได้ถูกแปรสภาพ หวู่เหิงก็ไม่อาจทำใจทิ้งพวกมันไว้ได้

“ขนศพพวกนี้ไปด้วย”

ภายใต้คำสั่งของหวู่เหิง กองทัพโครงกระดูกก็เริ่มแบกศพเหล่านี้ขึ้นมา และเกิดเป็นแถวขนศพที่ย้อนกลับไปทางที่พวกเขาจากมา

พวกเขาขยับร่างซอมบี้ที่กดเข้ากับพวงมาลัยให้ตั้งตรง ทำให้ในที่สุดแตรรถก็หยุดส่งเสียง

ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง

กองทัพโครงกระดูกที่แบกศพเปื้อนเลือดได้เดินทางผ่านถนนที่เต็มไปด้วยรถและกลับมายังเขตที่อยู่อาศัย

ศพถูกทิ้งไว้ที่ชั้นล่าง และหลังจากปิดประตูแล้ว หวู่เหิงก็กลับไปยังเมืองหินดำ

...

ณ เมืองหินดำ หวู่เหิงได้ไปซื้อมื้อเย็นจากโรงเตี๊ยมกลับมาที่บ้าน

เขาหยิบน่องไก่ตุ๋น ไส้กรอก ถั่วลิสงออกมา และเปิดกระป๋องน้ำอัดลม

หลังจากมองดูมื้อเย็นบนโต๊ะแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินซื้ออาหารที่ดีกว่านี้ แต่อาหารของโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้แย่อะไร

ในขณะที่เขากินและดื่ม เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงชีวิตของเขาในอดีต

มันเป็นวันที่เขาสามารถนั่งดูวีดีโอได้ทุกวัน กินและดื่มตามที่เขาต้องการได้

ในอดีต เขามักจะคิดจินตนาการถึงชีวิตที่เหนือธรรมดาอยู่บ่อยๆ

แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าวันที่ซ้ำซากจำเจเหล่านั้นจะเป็นความฟุ่มเฟือยที่มีเพียงผู้มีสิทธิพิเศษในโลกนี้เท่านั้นที่จะสามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้

อ่า ไอ้วันสิ้นโลกบัดซบ!

หลังจากกินจนอิ่มแล้ว หวู่เหิงก็หยิบเอาปืนพกกระบอกหนึ่งออกมา เติมกระสุน และยื่นมันให้กับบาเซน “เจ้ารู้วิธีใช้มันไหม?”

บาเซนรับมันไป และพลิกมันไปมาในมือ

หวู่เหิงชี้ไปที่ปืนและอธิบาย “นี่คือเซฟตี้ เมื่อปลดมันแล้ว เจ้าก็สามารถใช้มันโจมตีศัตรูได้ มันก็เหมือนกับหน้าไม้ เจ้าแค่ต้องเล็งเป้าและยิงออกไปเท่านั้น”

บาเซนฟังอย่างตั้งใจ และดูดซับความรู้ใหม่

มันเชี่ยวชาญเรื่องการใช้หน้าไม้อยู่แล้ว ดังนั้นการเรียนรู้วิธีใช้ปืนพกจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

มันหยิบปืนขึ้นมา พยายามปลดล็อคเซฟตี้ และเล็งไปที่หุ่นไม้ตรงมุมห้อง

หลังจากหวู่เหิงบอกว่าอย่าเปลืองกระสุน มันก็วางปืนพกลงบนโต๊ะเพื่อเติมกระสุน

มันมีปืนหลายกระบอก ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันทั้งหมด

แม็กกาซีนเหล่านี้มีความหมายกับเขามาก เพราะในการต่อสู้จริง เขาก็สามารถเปลี่ยนแม็กกาซีนแทนการบรรจุกระสุนใหม่ทีละนัดได้เมื่อกระสุนหมด

กลายเป็นว่าการไปที่สถานีตำรวจช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ

แม้ว่ามันจะมีแค่กระสุนปืนพก แต่มันก็เพียงพอแล้ว

หากในอนาคตเขามีปืนไรเฟิลหรือเครื่องยิงจรวด เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเขาจะสามารถตั้งหน่วยรบพิเศษให้กับพวกโครงกระดูกได้ไหม

และในยุคสมัยเช่นนี้ การใช้อาวุธเย็นได้ถึงระดับนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่บ้าบอมากเลย

หลังจากบรรจุกระสุนเสร็จแล้ว มันก็เป็นเวลาค่ำ

เมื่อเขามั่นใจแล้วว่ามันคงไม่มีใครมาหาเขาอีก เขาจึงเปิดประตูข้ามโลกและเรียกเจียนอี้เข้ามา

จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกดาบอีกครั้ง

นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเขาสามารถปลดล็อคความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธผ่านการฝึกฝนได้ เขาก็ได้เพิ่มความจริงจังในการฝึกมากยิ่งขึ้น

มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการเล่นเกมและสามารถปลดล็อคความสำเร็จได้

หลังจากปรับท่ายืนของเขาแล้ว หวู่เหิงก็เริ่มเหวี่ยงดาบเหล็กของเขาตามจังหวะไปพร้อมกับเจียนอี้

ในขณะเดียวกัน บาเซนก็ยังคงศึกษาเรื่องปืนพกต่อจากทางด้านข้าง

...

วันต่อมา ณ โลกซอมบี้

หวู่เหิงเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าและตรวจสอบเลเวลของโครงกระดูกผู้ใช้หอก

นอกจากโครงกระดูกตัวแรกๆ แล้ว มันก็มีโครงกระดูกอีกสองตัวที่มีเลเวลสาม

เมื่อเห็นความคืบหน้าเช่นนี้ เขาก็คิดว่าเขาสามารถใช้ค่ายกลหอกเพื่อดึงดูดศัตรูเข้ามาและเพิ่มเลเวลของเขากับโครงกระดูกได้

วิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

หลังจากแจกจ่ายมีดทำครัวให้กับโครงกระดูกตัวใหม่แล้ว หวู่เหิงก็นำกองทัพโครงกระดูกลงไปด้านล่าง

เมื่อออกมาจากปล่องบันได มันก็มีซอมบี้เร่ร่อนประมาณ 5-6 ตัวที่คำรามออกมาและพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

มันมีซอมบี้มาอยู่แถวนี้ได้ยังไงกัน?

เขาได้กวาดล้างอาคารของเขาไป 3-4 ครั้งแล้วเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ?

“โจมตี!” หวู่เหิงสั่งการ

ฉึก!

นักรบโครงกระดูกก้าวออกไปข้างหน้าโดยไม่ต้องตั้งค่ายกลอะไร จากนั้นก็จัดการกับซอมบี้ทุกตัวที่พยายามจะเข้ามาใกล้

ส่วนหวู่เหิงก็เดินไปยังกองศพซอมบี้ที่เขายังไม่ได้แปรสภาพจากเมื่อวานและดำเนินการแปรสภาพพวกมันต่อ

โครงกระดูกลุกขึ้นมาทีละตัวและเดินเข้าไปสมทบกับกองทัพโครงกระดูก

...

ในช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเปลี่ยนศพเหล่านี้ให้กลายเป็นโครงกระดูกเสร็จแล้ว เขาก็นำกองทัพโครงกระดูกของเขาออกไปกวาดล้างอาคารที่อยู่อาศัยทางทิศตะวันออกต่อ

ในทันทีที่พวกเขาเปิดประตูเข้าไปในอาคาร เหล่าโครงกระดูกก็กรูกันเข้าไปสังหารซอมบี้ที่อยู่ภายในทันที

เมื่อเขายืนยันได้แล้วว่ามันปลอดภัย หวู่เหิงก็เริ่มเก็บกวาดสิ่งของ

ไม่นานนักก็ถึงเวลาเย็น หวู่เหิงก็กลับมาที่ชั้นดาดฟ้าพร้อมกับกองทัพโครงกระดูกของเขา และเตรียมที่จะกลับไปทานมื้อเย็นที่เมืองหินดำ

เขาจัดแจงกองทัพโครงกระดูกของเขา และในขณะที่เขากำลังจะใช้ประตูข้ามโลกนั้น…

ทันใดนั้นมันก็มีเสียงคำรามของเหล่าซอมบี้และเสียงความวุ่นวายจากทางด้านล่าง

หวู่เหิงมองลงมาจากขอบหลังคา

เขาเห็นสุนัขกลายพันธุ์ขนาดยักษ์สามตัวนำซอมบี้มากกว่ายี่สิบตัววิ่งมาทางเขา

พวกมันวิ่งนำมา จากนั้นก็หันไปรอซอมบี้ที่ตามหลังมา

“พวกแกเองสินะที่ล่อพวกมันมาที่นี่”

ซอมบี้เมื่อเช้านี้เป็นฝีมือของพวกมันนั่นเอง

สุนัขกลายพันธุ์สามตัวนั้นมีขนาดใหญ่มาก

หนึ่งในนั้นมีขนสีดำมีรูปร่างเพรียวบาง ศีรษะแคบ คอยาว ตัวสูง และมีขาตั้งตรง

หลังจากกลายพันธุ์แล้ว รูปร่างของมันก็ดูต่างจากสุนัขทั่วไปมาก และตอนนี้มันก็ดูเหมือนกับม้าที่มีหัวเป็นสุนัขซะมากกว่า

มันช่างบ้าบอซะจริง

“ทำไมพวกมันสามตัวถึงมาที่นี่ได้?”

สุนัขกลายพันธุ์ทั้งสามตัวนี้ต่างก็เป็นตัวเดียวกันกับที่เขาเจอที่จัตุรัสเล็กๆ ทางทิศใต้ แต่คราวนี้พวกมันก็ได้มุ่งหน้ามาทางนี้และกระทั่งพาพวกซอมบี้มาด้วย

เขามองไปยังสุนัขทั้งสามตัวที่กำลังเล่นกับซอมบี้ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นเขาก็เหลือบมองเท็ดดี้ที่หมอบอยู่ใกล้ๆ และมองลงไปเช่นกัน

หางของมันกระดิกไปมาเหมือนกับว่ามันกำลังสนุกอยู่เลย

“พวกเราล่อพวกมันมาจัดการได้ไหมนะ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด