ตอนที่ 31 : สุนัขสามตัว
ตอนที่ 31 : สุนัขสามตัว
เมื่อมองไปยังกระสุนสีเหลืองน้ำตาล หวู่เหิงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง
เนื่องจากกระสุนของเขาได้หมดไปจากเหตุการณ์ในหมู่บ้านเหมืองแร่แล้ว ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยน้อยลง
นอกจากนี้ เมืองหินดำก็ไม่ได้ปลอดภัยเท่าที่เห็น เพราะโลกแห่งยอดมนุษย์นั้น ความสงบสุขย่อมเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
การลาดตระเวนในเมืองที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับกองกำลังที่สนับสนุนการลาดตระเวน ทำให้ชัดเจนว่าสิ่งต่างๆ เริ่มอันตรายขึ้นแล้ว
แม้ว่าหน่วยของเขาจะไม่ต้องไปเข้าร่วมการลาดตระเวน แต่การเพิ่มวิธีการในการป้องกันตัวเองก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
ในตอนนี้ที่เขามีกระสุนแล้ว แม้พวกมันจะไม่สามารถใช้จัดการกับศัตรูที่ทรงพลังได้ แต่การจัดการกับพวกอาชญากรก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร
ภายในตู้เซฟ นอกจากกล่องกระสุนแล้วมันก็ยังมีปืนพกพร้อมกับป้ายกำกับอยู่หลายกระบอก ซึ่งพวกมันน่าจะมีไว้แจกจ่าย แต่ก็ยังไม่ได้ถูกแจกจ่ายและถูกเก็บไว้ที่นี่ก่อน
เขาบรรจุกระสุนให้กับปืนของตัวเองจนเต็มแม็กกาซีน
จากนั้นเขาก็เก็บกระสุนและปืนพกทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋าเป้ของเขา
หลังจากกวาดของในตู้เซฟจนหมดแล้ว เขาก็สะพายกระเป๋าให้กับโครงกระดูกตัวหนึ่ง
นอกจากตู้เซฟที่เต็มไปด้วยกระสุนแล้ว ห้องๆ นี้ก็ยังมีอุปกรณ์ต่างๆ ของตำรวจอยู่ด้วย เช่น กุญแจมือ ไฟฉายโลหะ ไม้กระบอง และโล่พาสติกที่มีลักษณะคล้ายโล่ปราบจลาจล
ของพวกนี้ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในตู้เซฟและถูกวางไว้รอบๆ
พวกมันดูเหมือนจะไร้ประโยชน์กับเขา แต่ในเมื่อเขามาแล้ว เขาก็คิดว่าคงเป็นการดีกว่าที่จะเก็บพวกมันไปด้วย
เขาเก็บของชิ้นเล็กเข้าไปในกระเป๋าเป้และให้โครงกระดูกถือโล่เอาไว้
จากนั้นเขาก็กลับลงไปที่ชั้นล่าง
...
ในขณะที่เขาเดินลงบันไดมา เขาก็ได้กลิ่นเนื้อถูกเผาลอยเข้ามา
เปลวเพลิงที่ลุกไหม้จาระบีได้หายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ร่างที่ไหม้เกรียมบนพื้น
ณ ประตูทางเข้า การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่
ซอมบี้ที่เหลืออยู่บางส่วนได้พุ่งเข้าหาค่ายกลหอกของเหล่าโครงกระดูก
พวกมันถูกทะลวงร่างและล้มลงกับพื้น
เมื่อเวลาผ่านไป ซอมบี้ตัวสุดท้ายก็ล้มลงและบริเวณแห่งนี้ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
มีเพียงเสียงแตรรถที่อยู่ห่างไกลเท่านั้นที่ยังคงดังก้องอยู่อย่างต่อเนื่อง
แต่ซอมบี้ที่อยู่แถวนี้ก็ดูเหมือนจะถูกดึงดูดเข้ามาหมดแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีซอมบี้ตัวใหม่ปรากฏขึ้นอีก
เมื่อเหล่าโครงกระดูกเริ่มย้ายร่างที่ขวางประตูออกไป หวู่เหิงก็ใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูกของเขาไปด้วย
โครงกระดูกลุกขึ้นมาทีละตัว และเข้าร่วมกับกองทัพที่อยู่ทางด้านหลังอย่างช้าๆ
จนกระทั่งถึงช่วงพลบค่ำ หวู่เหิงจึงหยุดการแปรสภาพศพ
หวู่เหิงไม่ได้คิดที่จะอยู่ที่นี่อีก แม้ที่นี่อาจจะเป็นสถานีตำรวจ แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังไม่ได้ปลอดภัยเท่ากับอาคารที่พักอาศัยของเขา
ถ้ามีซอมบี้กลายพันธุ์หรือสัตว์ประหลาดอื่นๆ ปรากฏตัว เขาก็อาจจะจบเห่อยู่ที่นี่ได้
เมื่อมองไปยังร่างบนพื้นที่ยังไม่ได้ถูกแปรสภาพ หวู่เหิงก็ไม่อาจทำใจทิ้งพวกมันไว้ได้
“ขนศพพวกนี้ไปด้วย”
ภายใต้คำสั่งของหวู่เหิง กองทัพโครงกระดูกก็เริ่มแบกศพเหล่านี้ขึ้นมา และเกิดเป็นแถวขนศพที่ย้อนกลับไปทางที่พวกเขาจากมา
พวกเขาขยับร่างซอมบี้ที่กดเข้ากับพวงมาลัยให้ตั้งตรง ทำให้ในที่สุดแตรรถก็หยุดส่งเสียง
ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง
กองทัพโครงกระดูกที่แบกศพเปื้อนเลือดได้เดินทางผ่านถนนที่เต็มไปด้วยรถและกลับมายังเขตที่อยู่อาศัย
ศพถูกทิ้งไว้ที่ชั้นล่าง และหลังจากปิดประตูแล้ว หวู่เหิงก็กลับไปยังเมืองหินดำ
...
ณ เมืองหินดำ หวู่เหิงได้ไปซื้อมื้อเย็นจากโรงเตี๊ยมกลับมาที่บ้าน
เขาหยิบน่องไก่ตุ๋น ไส้กรอก ถั่วลิสงออกมา และเปิดกระป๋องน้ำอัดลม
หลังจากมองดูมื้อเย็นบนโต๊ะแล้ว เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินซื้ออาหารที่ดีกว่านี้ แต่อาหารของโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้แย่อะไร
ในขณะที่เขากินและดื่ม เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงชีวิตของเขาในอดีต
มันเป็นวันที่เขาสามารถนั่งดูวีดีโอได้ทุกวัน กินและดื่มตามที่เขาต้องการได้
ในอดีต เขามักจะคิดจินตนาการถึงชีวิตที่เหนือธรรมดาอยู่บ่อยๆ
แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าวันที่ซ้ำซากจำเจเหล่านั้นจะเป็นความฟุ่มเฟือยที่มีเพียงผู้มีสิทธิพิเศษในโลกนี้เท่านั้นที่จะสามารถใช้ชีวิตแบบนั้นได้
อ่า ไอ้วันสิ้นโลกบัดซบ!
หลังจากกินจนอิ่มแล้ว หวู่เหิงก็หยิบเอาปืนพกกระบอกหนึ่งออกมา เติมกระสุน และยื่นมันให้กับบาเซน “เจ้ารู้วิธีใช้มันไหม?”
บาเซนรับมันไป และพลิกมันไปมาในมือ
หวู่เหิงชี้ไปที่ปืนและอธิบาย “นี่คือเซฟตี้ เมื่อปลดมันแล้ว เจ้าก็สามารถใช้มันโจมตีศัตรูได้ มันก็เหมือนกับหน้าไม้ เจ้าแค่ต้องเล็งเป้าและยิงออกไปเท่านั้น”
บาเซนฟังอย่างตั้งใจ และดูดซับความรู้ใหม่
มันเชี่ยวชาญเรื่องการใช้หน้าไม้อยู่แล้ว ดังนั้นการเรียนรู้วิธีใช้ปืนพกจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
มันหยิบปืนขึ้นมา พยายามปลดล็อคเซฟตี้ และเล็งไปที่หุ่นไม้ตรงมุมห้อง
หลังจากหวู่เหิงบอกว่าอย่าเปลืองกระสุน มันก็วางปืนพกลงบนโต๊ะเพื่อเติมกระสุน
มันมีปืนหลายกระบอก ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันทั้งหมด
แม็กกาซีนเหล่านี้มีความหมายกับเขามาก เพราะในการต่อสู้จริง เขาก็สามารถเปลี่ยนแม็กกาซีนแทนการบรรจุกระสุนใหม่ทีละนัดได้เมื่อกระสุนหมด
กลายเป็นว่าการไปที่สถานีตำรวจช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ
แม้ว่ามันจะมีแค่กระสุนปืนพก แต่มันก็เพียงพอแล้ว
หากในอนาคตเขามีปืนไรเฟิลหรือเครื่องยิงจรวด เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเขาจะสามารถตั้งหน่วยรบพิเศษให้กับพวกโครงกระดูกได้ไหม
และในยุคสมัยเช่นนี้ การใช้อาวุธเย็นได้ถึงระดับนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่บ้าบอมากเลย
หลังจากบรรจุกระสุนเสร็จแล้ว มันก็เป็นเวลาค่ำ
เมื่อเขามั่นใจแล้วว่ามันคงไม่มีใครมาหาเขาอีก เขาจึงเปิดประตูข้ามโลกและเรียกเจียนอี้เข้ามา
จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกดาบอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเขาสามารถปลดล็อคความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธผ่านการฝึกฝนได้ เขาก็ได้เพิ่มความจริงจังในการฝึกมากยิ่งขึ้น
มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการเล่นเกมและสามารถปลดล็อคความสำเร็จได้
หลังจากปรับท่ายืนของเขาแล้ว หวู่เหิงก็เริ่มเหวี่ยงดาบเหล็กของเขาตามจังหวะไปพร้อมกับเจียนอี้
ในขณะเดียวกัน บาเซนก็ยังคงศึกษาเรื่องปืนพกต่อจากทางด้านข้าง
...
วันต่อมา ณ โลกซอมบี้
หวู่เหิงเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าและตรวจสอบเลเวลของโครงกระดูกผู้ใช้หอก
นอกจากโครงกระดูกตัวแรกๆ แล้ว มันก็มีโครงกระดูกอีกสองตัวที่มีเลเวลสาม
เมื่อเห็นความคืบหน้าเช่นนี้ เขาก็คิดว่าเขาสามารถใช้ค่ายกลหอกเพื่อดึงดูดศัตรูเข้ามาและเพิ่มเลเวลของเขากับโครงกระดูกได้
วิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หลังจากแจกจ่ายมีดทำครัวให้กับโครงกระดูกตัวใหม่แล้ว หวู่เหิงก็นำกองทัพโครงกระดูกลงไปด้านล่าง
เมื่อออกมาจากปล่องบันได มันก็มีซอมบี้เร่ร่อนประมาณ 5-6 ตัวที่คำรามออกมาและพุ่งเข้ามาหาพวกเขา
มันมีซอมบี้มาอยู่แถวนี้ได้ยังไงกัน?
เขาได้กวาดล้างอาคารของเขาไป 3-4 ครั้งแล้วเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ?
“โจมตี!” หวู่เหิงสั่งการ
ฉึก!
นักรบโครงกระดูกก้าวออกไปข้างหน้าโดยไม่ต้องตั้งค่ายกลอะไร จากนั้นก็จัดการกับซอมบี้ทุกตัวที่พยายามจะเข้ามาใกล้
ส่วนหวู่เหิงก็เดินไปยังกองศพซอมบี้ที่เขายังไม่ได้แปรสภาพจากเมื่อวานและดำเนินการแปรสภาพพวกมันต่อ
โครงกระดูกลุกขึ้นมาทีละตัวและเดินเข้าไปสมทบกับกองทัพโครงกระดูก
...
ในช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเปลี่ยนศพเหล่านี้ให้กลายเป็นโครงกระดูกเสร็จแล้ว เขาก็นำกองทัพโครงกระดูกของเขาออกไปกวาดล้างอาคารที่อยู่อาศัยทางทิศตะวันออกต่อ
ในทันทีที่พวกเขาเปิดประตูเข้าไปในอาคาร เหล่าโครงกระดูกก็กรูกันเข้าไปสังหารซอมบี้ที่อยู่ภายในทันที
เมื่อเขายืนยันได้แล้วว่ามันปลอดภัย หวู่เหิงก็เริ่มเก็บกวาดสิ่งของ
ไม่นานนักก็ถึงเวลาเย็น หวู่เหิงก็กลับมาที่ชั้นดาดฟ้าพร้อมกับกองทัพโครงกระดูกของเขา และเตรียมที่จะกลับไปทานมื้อเย็นที่เมืองหินดำ
เขาจัดแจงกองทัพโครงกระดูกของเขา และในขณะที่เขากำลังจะใช้ประตูข้ามโลกนั้น…
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงคำรามของเหล่าซอมบี้และเสียงความวุ่นวายจากทางด้านล่าง
หวู่เหิงมองลงมาจากขอบหลังคา
เขาเห็นสุนัขกลายพันธุ์ขนาดยักษ์สามตัวนำซอมบี้มากกว่ายี่สิบตัววิ่งมาทางเขา
พวกมันวิ่งนำมา จากนั้นก็หันไปรอซอมบี้ที่ตามหลังมา
“พวกแกเองสินะที่ล่อพวกมันมาที่นี่”
ซอมบี้เมื่อเช้านี้เป็นฝีมือของพวกมันนั่นเอง
สุนัขกลายพันธุ์สามตัวนั้นมีขนาดใหญ่มาก
หนึ่งในนั้นมีขนสีดำมีรูปร่างเพรียวบาง ศีรษะแคบ คอยาว ตัวสูง และมีขาตั้งตรง
หลังจากกลายพันธุ์แล้ว รูปร่างของมันก็ดูต่างจากสุนัขทั่วไปมาก และตอนนี้มันก็ดูเหมือนกับม้าที่มีหัวเป็นสุนัขซะมากกว่า
มันช่างบ้าบอซะจริง
“ทำไมพวกมันสามตัวถึงมาที่นี่ได้?”
สุนัขกลายพันธุ์ทั้งสามตัวนี้ต่างก็เป็นตัวเดียวกันกับที่เขาเจอที่จัตุรัสเล็กๆ ทางทิศใต้ แต่คราวนี้พวกมันก็ได้มุ่งหน้ามาทางนี้และกระทั่งพาพวกซอมบี้มาด้วย
เขามองไปยังสุนัขทั้งสามตัวที่กำลังเล่นกับซอมบี้ที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นเขาก็เหลือบมองเท็ดดี้ที่หมอบอยู่ใกล้ๆ และมองลงไปเช่นกัน
หางของมันกระดิกไปมาเหมือนกับว่ามันกำลังสนุกอยู่เลย
“พวกเราล่อพวกมันมาจัดการได้ไหมนะ?”