ดาบที่รอการลับคม (16)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 14>
2. ดาบที่รอการลับคม (16)
****
"อิสรภาพ...ในที่สุด…พวกเราก็ได้พบมัน"
ตอนนี้คงจะเกิดความวุ่นวายในสนามประลอง
ในไม่ช้าพวกเขาจะรู้ว่าทหารยามได้หายไปหมดแล้ว แลเหล่ากลาดิเอเตอร์ทั้งหมดก็จะพยายามหลบหนีไปเช่นนั้น
'นี่คือสภาพของเมืองนี้เหรอ?'
เช้าแล้ว แต่ไม่มีแสงแดดอันอบอุ่นส่องแสงสว่างลงมา
เมืองถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาและความชื้นที่เหนียวเหนอะหนะ
ไคนิลและทีมของเขาเริ่มเดินไปที่ประตูทางทิศใต้
"......"
เลยตรอกมืดๆ ไป
มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งยองๆ เธอห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนเก่า มองมาทางพวกเขา
ตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ไม่มีความหวังในชีวิตแม้แต่น้อย
เธอไม่ได้อยู่คนเดียว
ทุกครั้งที่ไคนิลและพรรคพวกเดินผ่านถนนใหญ่ สายตาของใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอกซอยก็ต่างจับจ้องมาที่พวกเขา
พวกเขาทั้งหมดเป็นมนุษย์
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอกซอยที่สกปรกห่างไกลและแต่ล่ะคนก็ต่างจ้องมาที่กลุ่มของไคนิล
ภาพของกลาดิเอเตอร์ที่เดินไปตามถนนพร้อมกับอาวุธคงจะไม่คุ้นเคยนัก แต่ก็ไม่ได้มีความแปลกใจในสายตาของพวกเขา
จิตใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ในสภาพปกติที่จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่หลากหลายเช่น ความอิจฉาหรือความประหลาดใจ
พวกเขาเป็นทาสมาตั้งแต่เกิด และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง นั้นมันส่งผลให้ความรู้สึกของพวกเขาตายไปด้วย
คนเหล่านี้เป็นเพียงสัตว์ในคราบมนุษย์เท่านั้น
“อะไรวะนั้น?”
มีคนสบถออกมา
"พวกขุนนางผิวขาวหายไปไหนกันหมด?"
ตอนนี้ถนนใหญ่ว่างเปล่า
มีมนุษย์ซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอกซอย แต่ไม่เห็นขุนนางผิวขาว
ถนนใหญ่ของเมืองซึ่งครั้งหนึ่งเคยคึกคัก ตอนนี้มีเพียงหมอกอันน่าสยดสยองปกคลุมอยู่
"ส่วนใหญ่คงจะหนีไปแล้ว"
ไคนิลอธิบายสั้นๆ
“ตามข้อมูลที่ได้มา สงครามกลางเมืองกำลังเกิดขึ้น พวกนั้นมันอาจจะกำลังต่อสู้อยู่ที่ไหนสักแห่ง ส่วนที่เหลือคงหนีออกจากเมืองไปนานแล้ว”
“นายบอกว่ามีทางออกเดียวคือผ่านประตูทิศใต้ใช่ไหม?”
“นั่นเป็นทางออกเดียวที่ทราบ แต่อาจมีทางออกอื่นด้วยเช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นมันจะดีกว่าไหมถ้าเราจะไปที่ทางออกอื่น?”
"เรามุ่งหน้าไปที่ประตูทิศใต้ตามแผนที่วางไว้"
ไคนิลส่ายหัวและตอบทันที
แต่คนในเมืองไม่สามารถใช้ทางออกนั้นได้
เส้นทางที่ซ่อนอยู่นั้นมีไว้สำหรับผู้มีอำนาจเท่านั้น
เส้นทางที่ซ่อนอยู่ดังกล่าวมีให้เฉพาะผู้มีอำนาจเท่านั้น
เพื่ออพยพผู้ลี้ภัยทั้งหมดในเมือง พวกเขาต้องรักษาประตูทิศใต้ให้ปลอดภัย
'ณ จุดนี้ก็สามารถสรุปได้ว่าข่าวลือเรื่องการทำลายล้างเป็นความจริง'
ไคนิลสรุป
เมืองนี้มันสลายไปนานแล้ว
มันเหลือแค่ซากปรักหักพังเท่านั้น
ไม่มีทางที่เรื่องแบบนี้จะเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากมีข่าวลือเรื่องการทำลายล้าง
มันไม่ใช่ข่าวลือ
และทุกคนก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
ผู้คนเริ่มปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่สกปรกและขาดรุ่งริ่ง ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว กำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง
เหมือนแมลงเม่าที่ถูกดึงเข้าไปในกองไฟ
มนุษย์ที่กลายเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงเดินไปที่ประตูที่อยู่ทางทิศใต้
เหล่ากลาดิเอเตอร์ได้ผ่านพวกเขาไป
“...”
ไม่นานไคนิลและทุกคนก็มาถึง
ข้างหน้าเขามีประตูปราสาทอันงดงามที่สร้างขึ้นในอดีต…ในยุคของมนุษย์มันเผยให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมัน
ทางทิศเหนือของประตูมีจัตุรัสวงกลมขนาดใหญ่
ผู้ลี้ภัยกำลังรวมตัวกันอยู่ในจัตุรัสนั้น
'เป็นไปตามคาด'
ทางออกของเมืองที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการคือประตูทิศใต้
ถ้าเป็นเช่นนั้น คนที่ต้องการมีชีวิตรอดก็ต้องมารวมตัวกันที่จัตุรัสใหญ่ติดกับประตูทิศใต้
ผู้ลี้ภัยที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นกำลังรวมตัวกันอยู่กลางจัตุรัส ส่งเสียงพึมพำ
จำนวนของพวกเขาประมาณหลายร้อยคน
"อ๊ะ!"
ผู้ลี้ภัยหวาดกลัวเมื่อเห็นกลุ่มกลาดิเอเตอร์ติดอาวุธ
พวกเขาถอยกลับด้วยความกลัว
"อย่ากลัว เราไม่ได้มาเพื่อทำร้ายคุณ"
คำพูดของไคนิลไม่มีประโยชน์
เมื่อกลุ่มของไคนิลเคลื่อนไปข้างหน้า พวกเขาก็ถอยกลับราวกับคลื่นที่ลดลงไปในทะเล
มีคนในกลุ่มถอนหายใจ
ผู้คนเหล่านี้ถูกกดขี่มาตลอดชีวิต
ปฏิกิริยานี้หลีกเลี่ยงไม่ได้
'ทั้งหมด...มีแค่ผู้หญิงและเด็ก''
ไคนิลเคยได้ยินมาว่าผู้ชายในเมืองนี้จะไม่มีชีวิตอยู่นานเพื่อป้องกันการก่อกบฏ
แต่มันเป็นเรื่องจริงั้นงเหรอ?
ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก มีเพียงผู้สูงอายุเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ผสมปนเปอยู่ด้วย
ไคนิลเดินผ่านผู้ลี้ภัยที่วิ่งหนีพวกเขาแล้วมุ่งหน้าไปยังใจกลางจัตุรัส
ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นมัน
ที่ทางเข้าประตูทิศใต้ กลุ่มขุนนางผิวขาวติดอาวุธกำลังรวมตัวกัน
สาเหตุที่ผู้ลี้ภัยไม่สามารถออกไปได้ก็เพราะพวกมัน
พวกมันสวมเครื่องแบบเหมือนกับทหารยามในสนามประลอง
อย่างไรก็ตาม รูม่านตาของพวกมันเหมือนกับงูและโค้งงอในแนวตั้ง
มีเขาโผล่ออกมาจากหมวกของพวกมัน
หนึ่งในนั้นสบตากับไคนิล
“หึหึหึ…”
ชายคนนั้นเพียงแต่หัวเราะออกเขาหัวเราะเยือกเย็นแต่ไม่ได้เข้ามาใกล้
พวกมันคงได้รับคำสั่งให้เฝ้าประตู
"พวกนั้นคือทหารป้องกัน"
“ทำไมมันน้อยกว่าที่คิดไว้ล่ะ?”
ผู้กลุ่มเริ่มกระซิบกัน
พวกเขาพูดถูก
ตามรายงานของชายชราที่ออกไปลาดตระเวนข้างนอก ปกติแล้วจะมีทหารเกือบยี่สิบนายประจำการอยู่ที่ประตูทิศใต้
แต่ตอนนี้มีเพียงสิบคนเท่านั้นที่มองเห็นได้
มันไม่สามารถตีความได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นหรือไม่
อาจจะมีบางเหตุการณ์ที่ร้ายแรงถึงขนาดต้องดึงกำลังจากประตูทิศใต้ออกมามา
ภาพของชายคนนั้นแวบเข้ามาในหัวของคนิล
'…….'
ไคนิลไม่พบผู้ชายคนนั้นที่ประตูตรงทิศใต้
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเขาไปอยู่ที่ไหน?
'เขาจงใจล่อพวกมันออกไปหรือเปล่า'?'
เพื่อพวกเรางั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างชายคนนั้นกับไคนิลไม่ได้สนิทกันมากพอที่ชายคนนั้นจะต้องทุ่มเทในระดับนี้
สำหรับตอนนี้ไคนิลตัดสินใจที่จะหยุดคิด
เขาต้องทำตามแผนที่วางไว้ให้เสร็จก่อน
“หึหึหึหึ”
“หึหึหึหึ…”
พวกมันพบกลุ่มกลาดิเอเตอร์แล้ว แต่พวกมันยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
"ถ้ามีแค่สิบตัว เราสามารถจัดการได้"
จำนวนคนในกลุ่มคือ 24
พวกเขาไม่ได้ใช้แรงเท่าที่คิดไว้ในแผน
เหล่ากลาดิเอเตอร์เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
“เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างที่ต้องทำก่อนจะต่อสู้”
“อะไร?”
"มันเป็นสัญญาณที่ใช้บอกพวกเขา"
ไคนิลหยิบแตรที่ทำจากเขาสัตว์ออกมาจากกระเป๋าของเขา
สิ่งของชิ้นนี้เป็นสัญญาณเริ่มปฏิบัติการที่ได้รับจากผู้ประสานงานของกองทัพปลดปล่อยมอบให้เขา
ปู๊ววววววววว
เมื่อไคนิลเป่าแตรอย่างแรง เสียงทุ่มต่ำก็ดังก้องไปทั่วจัตุรัส
"...?"
แม้คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจความหมาย แต่ดวงตาของกลาดิเอเตอร์บางคนที่รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของกองทัพปลดปล่อยก็ตาเป็นประกาย
'เมื่อเป่าแตร กองทัพปลดปล่อยก็โจมตีจากทางนอกประตูทิศใต้ทันที'
กลุ่มของไคนิลจะโจมตีจากภายในประตูทิศใต้
มันเป็นการโจมตีพร้อมกันทั้งสองด้าน
"......"
อย่างไรก็ตาม,
มันเงียบและไม่มีอะไรเกิดขึ้น…..