บทที่ 48 ชายคนนั้นคือใคร?! (I)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 48 ชายคนนั้นคือใคร?! (I)
เหมิงฉีไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้ แม้ว่าปกตินางจะเฉยเมยและสงบ แต่มือที่ถือถ้วยชาของนางก็สั่นเล็กน้อย แผนเดิมของนางคือขายโอสถเป่ยหมิงขั้นที่สองสิบสองเม็ดในราคาประมาณหินวิญญาณขั้นหกจำนวนหกร้อยถึงเจ็ดร้อยก้อน เพื่อที่นางจะได้ไปซื้อสมุนไพรและส่วนผสมโอสถอื่นๆ ลองแก้พิษจากหญ้าอีกาเหมันต์
ซึ่งนางไม่เคยคิดเลยว่า คนจากสำนักใหญ่ๆ จะอยู่คนละขั้นกับนางโดยสิ้นเชิง พวกเขามีทรัพย์สมบัติมากมายและใช้เงินเหมือนสายน้ำไหล มันคงเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นลมปราณเพียงเล็กน้อยอย่างนางไม่อาจจินตนาการได้
แม้แต่เสวี่ยจินเหวินก็ยังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ได้กลับมามีสติอย่างรวดเร็ว เหมือนยามที่นางประหลาดใจเมื่อเห็นโอสถชิงเฟิงที่เหมิงฉีนำมาเป็นครั้งแรกไม่มีผิด ในเวลานั้น หากนางถูกขอให้ใช้หินวิญญาณยี่สิบหกก้อนเพื่อซื้อโอสถชิงเฟิงขั้นแรกหนึ่งเม็ด นางก็ยินดีอย่างแน่นอน
สำหรับศิษย์ที่มีฐานะสูงอย่างนาง หินวิญญาณสามารถใช้ได้ตามต้องการ ตราบใดที่ผลประโยชน์มันคุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย ถ้านางสามารถได้รับบางสิ่งที่เป็นประโยชน์จากการศึกษาโอสถเม็ดนี้ของนางจริงๆ สำนักของนางอาจให้รางวัลนางอย่างงาม ยกตัวอย่างเช่น สมบัติล้ำค่า บันทึกทางการแพทย์ คาถา หรือแม้แต่โอกาสที่จะเข้าสู่พื้นที่ลับของสำนัก การใช้หินวิญญาณเพียงไม่กี่ก้อนกับโอสถเม็ดนี้ย่อมคุ้มค่า
คนเหล่านี้ก็มีความคิดคล้ายๆ กันอย่างแน่นอน เสวี่ยจินเหวินยกริมฝีปากขึ้นเผยรอยยิ้มบางๆ นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเหมิงฉีอีกครั้ง ในที่สุดหญิงสาวก็แสดงความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ดวงตาของนางเบิกกว้างกว่าเมื่อก่อน มันช่างเป็นประกาย และเหมือนเพิ่มความเยาว์วัยออกมาอีก
เหมิงฉีกำลังครุ่นคิด ในพริบตา ราคาโอสถเป่ยหมิงของนางก็เพิ่มขึ้นเป็นหินวิญญาณขั้นเจ็ดสามสิบก้อน นางรับประกันได้เลยว่าตอนนี้นางได้กลายเป็นคนที่ 'รวยที่สุด' ในหุบเขาชิงเฟิงไปแล้ว รวยยิ่งกว่าเจ้าสำนักเสียอีก ในไม่ช้านางจะสามารถซื้อสมุนไพรและส่วนผสมต่างๆ ที่นางต้องการได้มากมาย
ดีจัง!
เหมิงฉีหันศีรษะและสบตากับเสวี่ยจินเหวิน นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "พี่สาวเสวี่ย ขอบคุณมากเจ้าค่ะสำหรับความช่วยเหลือของท่าน"
"มันเป็นงานของข้าอยู่แล้ว" เสวี่ยจินเหวินรินชาอีกถ้วยให้เหมิงฉี ในขณะนี้ นางรู้สึกดีใจอย่างมากที่เมื่อวันก่อนนางรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เจ้าโง่เซี่ยงหลินโม่พยายามต่อรองราคากับเสี่ยวชีเพียงเพื่อประหยัดหินวิญญาณบางส่วน โอสถน่ะไม่ได้สำคัญอะไรหรอก สาวน้อยสวยคนนี้ต่างหากที่เป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ!
"จริงสิ ข้าจำได้ว่า..." เสวี่ยจินเหวินหยิบไม้ไผ่แผ่นหนึ่งออกจากที่เก็บของของนาง "ข้าได้ยินมาว่าน้องสาวกำลังมองหาบันทึกเกี่ยวกับหญ้าอีกาเหมันต์ ข้ามีหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรแดนเหนืออยู่ที่นี่" นางส่งไม้ไผ่ให้เหมิงฉี "มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ทำเครื่องหมายสัมผัสวิญญาณของเจ้าบนไม้ไผ่นี้ แล้วพี่สาวจะส่งให้โดยเร็วที่สุด"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่สาวเสวี่ย" แน่นอนว่าเหมิงฉีต้องการตำราเล่มนี้ แต่นางก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย "งั้นข้าจะให้โอสถเป่ยหมิงเพิ่มอีกหน่อย"
"ไม่จำเป็นหรอก" เสวี่ยจินเหวินโบกมืออย่างใจกว้าง "สิ่งนี้มีค่าไม่มาก และก็ไม่ค่อยมีประโยชน์กับข้า โอสถเป่ยหมิง สามเม็ดก่อนหน้านี้ก็เพียงพอแล้ว" นางหัวเราะให้เหมิงฉี "ดูที่ชั้นประมูลสิ ข้าคาดการณ์ว่าโอสถเป่ยหมิงนี้คงจะขายได้ในราคาสูงมากแน่ในวันนี้"
ถึงแม้จะไม่ถึงราคาที่สูงลิ่ว แต่เมื่อเทียบกับโอสถขั้นสองอื่นๆ ราคาก็ถือว่าสูงมากจริงๆ ยิ่งกว่านั้น เสวี่ยจินเหวินเดาภูมิหลังของหญิงสาวตรงหน้านางไม่ได้ หญิงสาวนางนี้ทำให้นางรู้สึกตกใจพอสมควร ครั้งแรกด้วยโอสถชิงเฟิงขอบเขตแรก แค่นี้ก็ทำให้นางและเซี่ยงหลินโม่ตกใจมากแล้ว
ครั้งที่สอง นางเปลี่ยนหอประมูลแดนเหนือสวรรค์ให้ปั่นป่วนด้วยโอสถเป่ยหมิงขอบเขตที่สองของนาง ทำให้ทุกคนที่นี่ประทับใจไม่รู้ลืม ครั้งต่อไปที่นางเคลื่อนไหวต่อให้จะน่าตกใจเพียงใด เสวี่ยจินเหวินคงไม่แปลกใจอีกต่อไปแล้ว
"ขอบคุณพี่สาวมากเจ้าค่ะ" เหมิงฉีทำเครื่องหมายสัมผัสวิญญาณของนาง นางมองดูไม้ไผ่แผ่นเล็กๆ เรียบๆ และค่อนข้างเหลือง หลังจากพิจารณาแล้ว นางก็พูดกับเสวี่ยจินเหวิน "ข้าบอกวิธีการกลั่นให้พี่สาวไม่ได้ แต่ถ้าพี่สาวต้องการโอสถขั้นหนึ่งหรือขั้นสอง ข้าสามารถกลั่นให้ได้"
นางไม่ได้ดูหวาดกลัวเสวี่ยจินเหมือนฉู่เทียนเฟิงและซูจุนโม่เลย แต่เพราะกรรมจากชีวิตก่อน นางจึงคิดว่ามันเป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนพวกนั้น
"ข้าเข้าใจแล้ว..." เสวี่ยจินเหวินมองเข้าไปในดวงตาที่ใสกระจ่างของเหมิงฉี หัวใจของนางคล้ายสั่นไหวเล็กน้อย หญิงสาวคนนี้สงบและสุขุมมาโดยตลอด นางต้องมีภูมิหลังมาจากตระกูลใหญ่เป็นแน่แท้
โอสถขั้นหนึ่งหรือสอง…เสวี่ยจินเหวินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ข้าขอโอสถกุ้ยหลินได้ไหม?"
"ได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้า โอสถเป่ยหมิงใช้เพื่อฟื้นฟูไอวิญญาณ ในขณะที่โอสถกุ้ยหลินมีผลในการห้ามเลือด นี่ถือเป็นหนึ่งในโอสถที่ใช้กันทั่วไปและได้รับการจัดลำดับเป็นเก้าขอบเขต
อันที่จริง เสวี่ยจินเหวินต้องการถามเหมิงฉีถึงเหตุผลที่นางเอามาแต่โอสถขั้นที่หนึ่งและสองมาเท่านั้น หากวันนี้โอสถที่ถูกประมูลเป็นขั้นที่สี่หรือห้าแทนที่จะเป็นสอง หอประมูลแดนเหนือสวรรค์ทั้งหมดคงจะตกอยู่ในความโกลาหลอย่างบ้าคลั่ง แต่เสวี่ยจินเหวินก็รู้ว่านี่น่าจะเป็นความลับของหญิงสาวตรงหน้า
อีกอย่างหนึ่ง นางบอกว่าตนสามารถกลั่นโอสถได้เพียงขั้นที่หนึ่งและสองเท่านั้น ไม่รู้เลยว่านางเพียงแค่ถ่อมตัวหรือว่าโอสถพิเศษเช่นนี้สามารถกลั่นได้จนถึงขอบเขตที่สองเท่านั้น เสวี่ยจินเหวินไม่มีทางรู้ได้
เสวี่ยจินเหวินยิ้มอีกครั้ง "ถ้างั้นพี่สาวก็ขอบคุณน้องสาวมากเลยนะ"
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน ราคาโอสถในชั้นประมูลก็ยังคงสูงขึ้น ในเวลาเพียงครึ่งก้านธูป ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากหินวิญญาณขั้นเจ็ดสามสิบก้อน เป็น หินวิญญาณขั้นเจ็ดหนึ่งร้อยห้าสิบก้อน
ในราคานี้ จำนวนผู้เสนอราคาลดลงเรื่อยๆ อย่างที่เสวี่ยจินเหวินพูด มันเป็นเพียงโอสถเป่ยหมิงขั้นที่สอง ถ้าโอสถเป็นขั้นที่สี่หรือห้าก็คงขายได้ราคาสูงลิ่ว
เหมิงฉีไม่สนใจ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ราคาก็เกินความคาดหมายของนางไปแล้ว ในที่สุดโอสถเป่ยหมิงขั้นที่สองทั้งสิบสองเม็ดก็ขายได้ในราคาหินวิญญาณขั้นเจ็ดสองร้อยเจ็ดสิบก้อน
"หินวิญญาณที่ได้จากการประมูลจะถูกส่งมอบให้เจ้าเช่นกันเมื่อเจ้าไปที่สถานีถ่ายทอดเพื่อส่งโอสถเป่ยหมิง" เสวี่ยนจินเหวินบอกเหมิงฉี "เจ้าต้องการดูการประมูลต่อไหม? หรือเจ้าอยากจะไปตอนนี้เลย?"
"ข้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้าให้เสวี่ยจินเหวิน หินวิญญาณขั้นเจ็ดสองร้อยเจ็ดสิบก้อน มันเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับนาง แต่นางรู้ว่ามันไม่มีอะไรในสถานที่อย่างแดนเหนือสวรรค์ที่สามารถประมูลโดยใช้แค่หินวิญญาณขั้นเจ็ดหลักร้อยได้หรอก เหล่าผู้ที่เสนอราคาวันนี้ตอนแรกเพียงแค่อยาก 'อยากซื้ออยากลอง' เท่านั้น
เหมิงฉีรู้ขีดจำกัดของตัวเองดี
"ข้ายังต้องดูการประมูลต่อไป" เสวี่ยจินเหวินกล่าว "หลังจากที่เจ้าออกไปแล้ว กลับไปที่เรือนของข้า เจ้าจะพบวงอาคมเคลื่อนย้ายเพื่อส่งเจ้ากลับไป"
"เจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้า นางคำนับเสวี่ยจินเหวิน จากนั้นหันหลังกลับและเดินออกไปข้างนอก
เสวี่ยจินเหวินจ้องมองร่างที่จากไปของเหมิงฉีที่ทั้งดูสงบและสุขุม ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ยิ่งเสวี่ยจินเหวินโต้ตอบกับเหมิงฉีมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น นางสงสัยจริงๆ เลยว่าสำนักซ่อนเร้นใดที่เลี้ยงดูศิษย์ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ขึ้นมาได้ นางได้แต่ตั้งตารอการมาเยือนครั้งต่อไปของเหมิงฉี
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้นางสับสน ทำไมศิษย์ที่ได้รับการฝึกฝนจากสำนักดังกล่าวถึงขาดแคลนหินวิญญาณกันนะ? สำหรับศิษย์ของสำนักใหญ่ ยิ่งมีพรสวรรค์มากเท่าไร ก็ยิ่งไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรทางโลกอย่างหินวิญญาณเลย พวกเขาต้องการมีแต่ต้องฝึกฝนและใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะ
เท่าที่นางรู้ เหล่าศิษย์จากสำนักใหญ่ในสี่แคว้นที่ยังไม่เคยได้ย่างเท้าเข้าสู่ดินแดน "เหนือสวรรค์" ก่อนบรรลุถึงขั้นก่อกำเนิดก็มีไม่น้อย ศิษย์ที่ยุ่งอยู่กับการดูแลร้านค้าของสำนักที่นี่มักเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ธรรมดา หรือไม่ก็เป็นผู้ที่เต็มใจมาด้วยความสมัครใจ เช่นเดียวกับตัวนางเอง
เสวี่ยจินเหวินยกนิ้วขึ้นเหน็บผมไว้ข้างหลังใบหู มีแสงแวววับในดวงตาของนาง