บทที่ 47 สงครามการประมูล (II)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 47 สงครามการประมูล (II)
เหมิงฉีวางคางไว้บนมือข้างหนึ่ง นิ้วเรียวและยาวของนางแตะโต๊ะเบา ๆ
เสวี่ยจินเหวินเหลือบมองนางแล้วรับรองว่า "ไม่ต้องกังวล สหายเต๋าอู๋จะแนะนำโอสถของเจ้าให้ฟังในภายหลังเอง" นางหยุดและอธิบาย "นี่คือลักษณะของหอประมูลแดนเหนือสวรรค์ ชื่อในชุดสินค้าจะถูกแสดงขึ้นก่อน และทุกคนสามารถเสนอราคาก่อนได้ หากมีไม่เกินสามคนเสนอราคาก่อน สิ่งของนั้นจะตกเป็นของผู้เสนอราคาสูงสุด หลังจากนั้น ผู้ประมูลจะแนะนำรายละเอียขดงองสินค้า" นางหัวเราะเบา ๆ "การทำเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการเดิมพัน เพราะบางครั้งเรามักจะใช้วิธีนี้ในการประเมินราคาสินค้าที่เราตัดสินราคาได้ยาก"
เหมิงฉีพยักหน้าอย่างเงียบๆ กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากมีสมบัติที่ผู้ประเมินของแดนเหนือสวรรค์ไม่อาจประเมินค่าได้ ก็คงไม่มีใครที่เข้าร่วมการประมูลของมันหรอก ดังนั้นแล้ว ผู้เสนอราคาก่อนย่อมได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าไป
เหมิงฉีใช้มือข้างหนึ่งจับแก้ม ฟังอย่างเงียบ ๆ ผู้คนที่กำลังเสนอราคาอย่างสนุกสนานทีละคนและดันราคาเป็นเจ็ดสิบหินวิญญาณขั้นหก จำนวนผู้เสนอราคาเกินสามคนแล้ว ในที่สุด ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนที่รับผิดชอบการประมูลก็เริ่มแนะนำโอสถเป่ยหมิง
หลังจากทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนชื่ออู๋ได้กระแอมและกำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นกลับมีเสียงใสและไพเราะของชายหนุ่มดังมาจากข้างบน "หินวิญญาณขั้นหกสองร้อยก้อน"
ทุกคนต่างฮือฮา เสียงนั้นมาจากที่สูง เห็นได้ชัดว่าเป็นที่นั่งแขกพิเศษที่แดนเหนือสวรรค์เชิญมา โอสถเป่ยหมิงนี้พิเศษจริงๆเหรอ?
แต่ครู่หนึ่ง ก็ไม่มีใครพูดอีก ก่อนหน้านี้ราคาเพิ่มขึ้นทีละก้อนวิญญาณ ไม่ได้สูงนัก แต่การที่เขาเพิ่มราคาเป็นหินวิญญาณขั้นหกสองร้อยก้อน ดังนั้นการขึ้นราคาครั้งต่อไปย่อมมีราคาขั้นต่ำอยู่ที่หินวิญญาณขั้นหก 300 ก้อน หากเป็นเช่นนี้ราคาของมันก็จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหมิงฉีเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ คนอื่นอาจไม่สังเกต และแม้แต่เสวี่ยจินเหวินก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ แต่นางรู้ได้อย่างชัดเจน เสียงนี้...เป็นเสียงของซูจุนโม่!
นางคุ้นเคยกับเสียงของเขามาก ในชีวิตก่อนหน้านี้ ซูจุนโม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเขตแดนอาณาจักรและถูกฆาตกรจากอาณาจักรมารไล่ล่า อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก เหมิงฉีใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกับเขาทั้งวันทั้งคืนเพื่อช่วยเขา นางได้ผลักดันขีดจำกัดความสามารถของนางในการบ่มเพาะวิชาแพทย์ขั้นสามในตอนนั้น ต่อสู้กับความตาย และชิงชีวิตของเขากลับคืนมาอย่างไม่ลดละ
ในช่วงหนึ่งเดือนนั้น ซูจุนโม่อยู่ในอาการโคม่าและตื่นขึ้นมาเพียงบางครั้ง เมื่อเขาตื่น เขาไม่ชอบพูด แต่จะส่งเสียงดังมากเมื่อรู้สึกตัวครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไม่อาจรักษารูปร่างมนุษย์ของเขาไว้ได้ กลายร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกห้าหาง ในตอนนั้นซูจุนโม่พูดมากขึ้นไปอีก หลายครั้งที่เหมิงฉีทนเสียงพูดพล่อยๆ ของสุนัขจิ้งจอกไม่ไหว จนอยากจะปิดปากเขาให้รู้แล้วรู้รอด
เวลาต่อมา หลังจากที่บาดแผลของซูจุนโม่หายดีแล้ว เขากลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปงามที่หยิ่งผยองและเฉยเมย ทุกครั้งที่เหมิงฉีเห็นเขา นางจะนึกถึงจิ้งจอกขาวช่างพูดตัวนั้น มันช่างไม่น่ารักเอาเสียแล้ว แต่... ทำให้นางขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
ทุกครั้งที่นางเห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งในร่างมนุษย์ของซูจุนโม่ เหมิงฉีอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปลักษณ์ของจิ้งจอกขาวซูจุนโม่ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลีกเลี่ยงเขา ไม่เช่นนั้น นางคงอดกลั้นหัวเราะไม่อยู่จริงๆ
แต่จากปากของซูจุนโม่ เหมิงฉีได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มาร นางรู้ว่าซูจุนโม่เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูงในหมู่มารสวรรค์ นางยังรู้เกี่ยวกับขอบเขตอันทรงพลังที่แยกมนุษย์และอาณาจักรมารด้วย ซูจุนโม่ยังมักเล่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับอาณาจักรมารให้ฟัง ก่อนหน้านั้น ความรู้ของเหมิงฉีเกี่ยวกับอาณาจักรมารนั้นรู้แค่ว่าระหว่างสองอาณาจักรมีเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน อาคมและอักขระบางอย่างก็เหมือนใช้ต่างกันด้วย
กล่าวโดยสรุปคือ เหมิงฉีจำเสียงซูจุนโม่ได้ แม้หลังจากที่นางเสียชีวิตและเกิดใหม่ นางก็ยังจำได้ทันที
หอประมูลเหนือสวรรค์เงียบอีกครั้ง ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนไอเล็กน้อยก่อนจะอ้าปาก "สินค้าชิ้นแรกมีโอสถเป่ยหมิง สิบสองเม็ด แต่ละเม็ดร่ายด้วยคาถาเป่ยหมิง..."
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เหล่าผู้ร่วมประมูลก็ส่งเสียงฮือฮา!
"คาถาเป่ยหมิง? ภายในโอสถเป่ยหมิงเนี่ยนะ?"
"เขาล้อเล่นรึเปล่า?!"
"นี่คือการประมูลอย่างเป็นทางการของแดนเหนือสวรรค์นะ ไม่มีทางที่พวกเขาจะล้อเล่นแน่"
"คาถาร่ายใส่ยังไง?"
"ผลเป็นยังไง?"
"คาถาเป่ยหมิงที่ใส่ในโอสถเม็ดเป่ยหมิงขั้นที่สองเป็นขั้นที่สองด้วยหรือเปล่า?"
"ผลลัพธ์? อะไรคือผลลัพธ์ของการใส่คาถาเป่ยหมิงลงในโอสถเม็ดเป่ยหมิง?"
"เพิ่มกลิ่นไอที่ฟื้นฟูเป็นสองเท่าหรือลดเวลาลง?"
"เจ้าแน่ใจนะว่านั่นเป็นแค่โอสถขั้นที่สองเท่านั้น"
......
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา บรรยากาศที่ตลกขบขันก็ถูกกวาดหายไป คนที่หัวเราะเมื่อครู่นี้ในตอนนี้กลับต้องการซื้อโอสถเป่ยหมิงนี้อย่างจริงจังและนำกลับไปศึกษาด้วยตนเอง ผู้บ่มเพาะทุกคนในห้องประมูลดูจริงจังขึ้นทันที พวกเขาถามคำถามหลายสิบข้อพร้อมกัน
ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญจัดการประมูลหลายครั้ง เขายืนอยู่บนเวทีด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ฟังผู้ชมที่ส่งเสียงดังอย่างใจเย็น เมื่อบรรยากาศร้อนแรงพอแล้ว เขาก็เริ่มพูดอีกครั้งอย่างช้าๆ
ห้องประมูลใช้วิธีพิเศษ เมื่อคนบนเวทีพูด เสียงของพวกเขาจะถูกส่งไปยังทุกห้อง เข้าถึงหูของผู้ชมได้อย่างชัดเจนและไม่มีสิ่งกีดขวาง "โอสถเป่ยหมิงขั้นที่สองนี้ซึ่งร่ายด้วยคาถาเป่ยหมิง สามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณของผู้บ่มเพาะขั้นสร้างรากฐานได้ทันทีหนึ่งในสี่..."
ผู้ชมส่งเสียงดังอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครถามคำถามเพิ่มเติม คำว่า 'ฟื้นฟูทันที' เพียงอย่างเดียวนั้นน่าดึงดูดเพียงพอแล้ว
"หินวิญญาณขั้นหกจำนวนสามร้อยสามสิบหกก้อน" มีคนตะโกนราคาทันที
"หินวิญญาณขั้นหกจำนวนห้าร้อยหกก้อน!" อีกคนรีบตาม
"หินวิญญาณขั้นหกจำนวนเจ็ดร้อยก้อน!"
"หินวิญญาณขั้นเจ็ดหนึ่งก้อน!"
ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อยและพูดประโยคของเขาต่อ "...หลังจากนั้น มันจะฟื้นฟูกลิ่นไออีกหนึ่งในสี่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป แน่นอนว่าโอสถนี้ยังเป็นเพียงโอสถเป่ยหมิงขั้นที่สอง ซึ่งมีผลแค่ผู้บ่มเพาะระดับขั้นสร้างรากฐาน ข้าเกรงว่ามันจะไม่ค่อยมีผลกับผู้บ่มเพาะแก่นทองนัก"
ไม่มีใครต้องการคำเตือนนี้ ผู้บ่มเพาะที่นี่ทุกคนล้วนเข้าใจส่วนนี้ดีอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าโอสถจะสามารถฟื้นฟูไอวิญญาณของผู้บ่มเพาะขั้นสร้างรากฐานได้ครึ่งหนึ่ง แต่มันคงฟื้นฟูไอของผู้บ่มเพาะแก่นทองได้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น
แต่แล้วไงล่ะ!
แม้ว่ายาที่สามารถฟื้นฟูอกลิ่นไอวิญญาณได้ทันทีจะมีอยู่ในสามภพ แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นโอสถขั้นสูง ซึ่งยากต่อการกลั่นและต้องใช้ส่วนผสมที่มีค่ามากกว่า ต้นทุนของโอสถเม็ดดังกล่าวย่อมสูงมากจนแม้แต่สมาชิกขั้นสูงของสำนักที่ใหญ่ที่สุดในสามภพทั้งหมดก็ไม่เต็มใจที่จะใช้มันในชีวิตประจำวัน โดยทั่วไปแล้ว โอสถประเภทนั้นจะมักใช้ในช่วงสงครามระหว่างสำนัก หรือในช่วงเวลาที่อันตรายอย่างยิ่งเท่านั้น
ทว่า นี่คือโอสถเป่ยหมิง พูดง่ายๆ ก็คือ โอสถนี้มีจำหน่ายอย่างกว้างขวางและราคาถูก สำนักใหญ่ๆ ยินดีที่จะซื้อโอสถเหล่านี้หลายร้อยหรือหลายพันเม็ดให้แก่ลูกศิษย์สายตรงและผู้อาวุโสของพวกเขาอย่างแน่นอน
"หินวิญญาณขั้นเจ็ดสองก้อน" มีคนเสนอราคาทันที
"หินวิญญาณขั้นเจ็ด สามก้อน"
"หินวิญญาณขั้นเจ็ด ห้าก้อน"
......
ทุกคนมีความคิดเหมือนกัน แม้ว่าโอสถนี้จะเป็นเพียงขั้นที่สอง แต่พวกเขาก็ยังต้องซื้อและศึกษาอย่างรอบคอบ สำนักใดที่สามารถผลิตโอสถเป่ยหมิงขั้นที่สามหรือสูงกว่านั้นได้ ย่อมรับประกันความได้เปรียบในการทำสงครามระหว่างสำนักในอีกหลายทศวรรษข้างหน้าแน่นอน
เหมิงฉีเพิ่งจิบชาของนางไปเล็กน้อย ในพริบตา ราคาของโอสถเป่ยหมิงสิบสองเม็ดของนางก็เพิ่มขึ้นเป็นหินวิญญาณขั้นเจ็ดจำนวนยี่สิบก้อนเสียแล้ว!