ตอนที่แล้วบทที่ 43 การประมูล (II)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45 ซูจุนโม่ (II)

บทที่ 44 ซูจุนโม่ (I)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 44 ซูจุนโม่ (I)

เหมิงฉีรู้สึกว่าดวงตาเย็นชาของอีกฝ่ายกวาดไปทั่วใบหน้าของนาง

"ฮะ" ชายคนนั้นหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะของเขาเหมือนกับสายตาของเขา หยิ่งผยองและเย็นชา เหมือนหิมะสีขาวบนภูเขาสูง ไม่มีแม้แต่ความอบอุ่นสักนิดเดียว

โดยไม่รอให้นางตอบโต้ ชายอาภรณ์สีขาวก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าไปในลานเรือนซึ่งยังอยู่ห่างออกไป จากนั้นในวินาทีต่อมา ทั้งร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของเหมิงฉี

"เสี่ยวชี?" เสวี่ยจินเหวินโบกมือ "ทำไมเจ้าจ้องมองด้วยสีหน้าว่างเปล่าเช่นนั้น?"

เหมิงฉีกลับมามีสติ อาภรณ์สีขาว ใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และผมสีดำที่มัดด้วยผ้าโพกศีรษะหยกขาว ถ้าหากนางจำไม่ผิด คนนั้นก็คือ...

"ยังตะลึงอยู่เหรอ?" เสวี่ยจินเหวินหัวเราะ ไม่แปลกใจเลย "คนเมื่อครู่คือซูจุนโม่ หากมีผู้บ่มเพาะหญิงเห็นเขาเป็นครั้งแรก หลายคนก็มีกิริยาเหมือนเจ้าตอนนี้"

"ซูจุนโม่?" เหมิงฉีเดินไปหาเสวี่ยจินเหวิน ทวนชื่ออย่างเชื่องช้า นางไม่ได้ตะลึงกับใบหน้าหล่อเหลาของชายคนนั้น แต่ประหลาดใจที่เห็นเขาในแดนเหนือสวรรค์ต่างหาก

"เขามีชื่อเสียงในแดนเหนือสวรรค์มากเช่นกัน" เสวี่ยจินเหวินบอกเหมิงฉีขณะที่พวกนางก้าวเข้าไปในลาน ประตูหลักดูไม่ต่างจากลานเรือนของเสวี่ยจินเหวินเอง แต่หลังจากก้าวเข้ามา เหมิงฉีก็รู้ว่า 'ความแตกต่างระหว่างสวรรค์และโลก' ที่แท้จริงคืออะไร

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในประตู พวกเขาก็มาถึงภายในห้องเล็กๆ ห้องมีผนังเพียงสามด้าน โดยมีฉากกั้นบังด้านหน้า ผ่านช่องว่างของฉากกั้น พวกเขาสามารถเห็นแท่นสูงกลางพื้นที่เปิดโล่ง แท่นน่าจะแกะสลักจากศิลาสีฟ้าขนาดยักษ์ ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ภูเขาสีเขียว บนกำแพงภูเขา เหมิงฉีมองเห็นห้องคล้ายๆ กันหลายห้อง ทว่าตัวนางกลับไม่เห็นว่าห้องเหล่านั้นมีคนอยู่หรือไม่

มองขึ้นไปด้านบน นางเห็นเพียงหมอกขาวและเมฆ เสวี่ยจินเหวินเดาความคิดของนางและพูดว่า "ส่วนบนเป็นห้องสำหรับแขกผู้มีเกียรติที่มีสถานะพิเศษ"

"เป็นเช่นนั้นเอง" เหมิงฉีพยักหน้า

"หอประมูลแดนเหนือสวรรค์ มีห้องทั้งหมด 999 ห้องที่มีขนาดต่างกันบนผนังภูเขารอบๆ" เสวี่ยจินเหวินนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง "ห้องอย่างของเราเล็กที่สุด และอยู่ในตำแหน่งต่ำสุด ยิ่งสูงขึ้นไป ห้องก็จะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น โดยที่ตัวยอดเขาจะมีเรือนเลย"

เสวี่ยจินเหวินกล่าวต่อ "หลังจากการประมูลเริ่มขึ้น เจ้าสามารถเสนอราคาได้โดยตรงผ่านป้ายชื่อของเจ้า เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะเพิ่มราคาล่าสุดและสูงสุดอย่างต่อเนื่องให้เอง หลังจากการประมูลสิ้นสุดลง จะไม่มีใครรู้ว่าใครซื้อสินค้าใด ยกเว้นเจ้าหน้าที่ของทางแดนเหนือสวรรค์ แน่นอนว่า..." นางยกริมฝีปากขึ้นแล้วยิ้มอย่างคลุมเครือ บิดผมด้วยนิ้วเดียว "บางคนก็จะตะโกนราคาที่ตัวเองเสนอออกมา ผู้บ่มเพาะที่สามารถเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้ โดยทั่วไปแล้วไม่ใช่คนธรรมดาในสามภพ ดังนั้นจึงมันเป็นเรื่องง่ายเลยที่จะรู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร"

เหมิงฉีพยักหน้าด้วยความสับสน นางมีความสามารถอย่างเหลือเชื่อในทักษะทางการแพทย์ แต่ค่อนข้างไม่รู้ในสิ่งอื่นๆ นางรู้สึกอย่างเลือนลางว่าคำอธิบายของเสวี่ยจินเหวินเมื่อครู่นี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้นางรู้กฎการประมูลเท่านั้น แต่ตัวเหมิงฉีก็ไม่อาจเข้าใจอยู่ดีว่าปัญหาอยู่ที่ไหน

"นั่งลง" เสวี่ยจินเหวินกล่าว สตรีคนนั้นยกกาน้ำชาบนโต๊ะขึ้นและรินชาให้เหมิงฉีหนึ่งถ้วย กลิ่นชาหอมอบอวลไปทั่วห้อง เสวี่ยจินเหวินมองขึ้นไปที่กำแพงภูเขาที่ถูกเมฆและหมอกบดบัง

"หลังจากการประมูลเริ่มขึ้น เจ้าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดถึงเอง" นางกล่าว

"อืม จริงสิ" เสวี่ยจินเหวินหันไปหาเหมิงฉี "ข้าบอกไปหรือยังนะว่าโอสถเป่ยหมิงของเจ้าคือของชิ้นแรก?"

"บอกมาแล้วเจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้า เสวี่ยจินเหวินบอกเรื่องนี้กับนางแล้ว ในเวลาต่อมาก่อนเวลาประมูลจะเริ่มขึ้น เหมิงฉีหันไปมองที่ฉากกั้น นางไม่ได้ยินแม้แต่เสียงจากห้องข้างๆ นางไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีกี่คนที่กำลังรออยู่ในเรือนประมูลขนาดใหญ่นี้

แต่จะว่าไป ซูจุนโม่เมื่อครู่นี้...

เปลือกตาของเหมิงฉีตกเล็กน้อย ขนตายาวของนางปิดกั้นแสงเข้าตา นางรู้จักชายคนนั้น ในอดีตลู่ชิงหรันมีคู่ครองที่ลึกลับแต่ทรงพลัง ชายคนนั้นหล่อเหลามาก มีพรสวรรค์ที่หาตัวจับยาก และมีพลังมากโดยธรรมชาติ อีกทั้งเขายังใจกว้างมาก ในเวลานั้น ลู่ชิงหรันเป็นผู้บ่มเพาะทางการแพทย์ขั้นสามแล้ว ส่วนผสมหลายอย่างที่นางต้องการสำหรับการกลั่นยาล้วนถูกจัดหาโดยชายคนนั้น การกระทำทุกอย่างของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่มีผู้ใดสามารถควบคุมได้ ต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ที่ลู่ชิงหรันรู้จัก

ในตอนนั้น คนที่ใกล้ชิดกับนางที่สุดคือ...

เหมิงฉีครุ่นคิด ลู่ชิงหรันมีคู่ครองและผู้ที่รักนางมากเกินไป เหมิงฉีจึงจำได้เพียงว่า ศิษย์พี่หญิงคนนี้ได้มีผู้บ่มเพาะชายอีกคนอยู่ข้างๆ นาง พวกเขาสนิทกันมากจนแทบจะตัวติดกัน เหมิงฉีก็จำไม่ได้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่พอเมื่อชายผู้ลึกลับและทรงพลังคนนี้ปรากฏตัว ลู่ชิงหรันไม่อาจต้านทานการรุกอย่างรุนแรงของเขาได้ คืนหนึ่ง เมื่อเหมิงฉีออกไปเก็บสมุนไพร นางเห็นลู่ชิงหรันและอีกฝ่ายกำลังออกเดินเที่ยวใต้แสงจันทร์ มันช่างดูอ่อนละมุนและแสนหวานยิ่ง

คู่ครองที่ลึกลับและทรงพลังผู้นั้นที่เหมิงฉีเห็นก็คือ ซูจุนโม่ ต่อมาเหมิงฉีบังเอิญพบว่าเขาเป็นมาร ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของเขาคือหนึ่งในตระกูลขุนนางมาร เขาคือมารสวรรค์ ร่างมารของเขาเป็นจิ้งจอกขาวที่สวยงามและมีห้าหาง ต่อให้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนอยู่บนพื้นโดยมีเลือดเปื้อนขนสีขาวนุ่มของเขา มันก็ดูเหมือนจะไม่อาจทำลายความงดงามของจิ้งจอกแม้แต่น้อย

อืม... เหมิงฉีหันศีรษะเล็กน้อย ความคิดของนางยังคงล่องลอย อย่างไรก็ตาม ความนุ่มฟูของซูจุนโม่คงยังไม่ดีเท่าเสี่ยวชีหรอก ยิ่งไปกว่านั้น จิ้งจอกขาวมันตัวโต แถมห้าหางก็ดูใหญ่เกินจะกอดได้ เห็นได้ชัดว่าน่ารักน้อยกว่าเสี่ยวชีตัวน้อย ต่อให้สุนัขจิ้งจอกจะงดงาม แต่ความน่ารักเทียบกันไม่ติดหรอก

"เสี่ยวชี?"

"หือ?" เหมิงฉีกลับสู่ความเป็นจริง นางจำได้ว่าเวลาที่ซูจุนโม่ปรากฏตัวน่าจะเป็นสองหรือสามปีต่อมา ในเวลานั้น เหมิงฉีได้ไปถึงจุดสูงสุดของขั้นสร้างรากฐานแล้ว และระดับการบ่มเพาะทางการแพทย์ของนางก็เพิ่งอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นที่สาม

เหมิงฉีหรี่ตาลง นางไม่คิดเลยว่าตนจะได้พบซูจุนโม่ในเร็วขนาดนี้ ทั้งยังในแดนเหนือสวรรค์อีก

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด