ตอนที่แล้วบทที่ 41 โอสถเป่ยหมิง (II)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 การประมูล (II)

บทที่ 42 การประมูล (I)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 42 การประมูล (I)

"ขั้นที่สองงั้นหรือ?" เสวี่ยจินเหวินถือขวดกระเบื้องและจ้องมองเหมิงฉีด้วยความประหลาดใจ

เสวี่ยจินเหวินมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา นางมีความรู้มากมายและรู้เจ้าค่าของโอสถเหล่านี้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องพูดให้ฟังหรอก คนที่คิดค้นวิธีนี้ต้องมีความสามารถมาก โอสถที่ถูกกลั่นทำมาจากสมุนไพร ในกระบวนการกลั่น ส่วนสำคัญของส่วนผสมต่างๆ ถูกสกัดและผสมเข้าด้วยกันอยู่แล้ว การจะใส่คาถาลงไปอีกย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

ใบหน้าของเหมิงฉีอ่อนโยน น่าหยิกมาก และยังมีความเป็นเด็กอยู่บ้าง เสวี่ยจินเหวินเดาไว้ก่อนหน้านี้ว่าเด็กหญิงคนนี้อาจมาจากสำนักแพทย์ลับ นั่นคงเป็นสาเหตุเดียวที่นางมีทักษะที่โดดเด่นด้วยวัยเด็กเช่นนี้ได้ แต่ศิษย์อัจฉริยะที่ได้รับการบ่มเพาะจากสำนักที่ซ่อนเร้นเช่นนี้ก็ต้องสามารถกลั่นโอสถที่สูงกว่าระดับสองได้สิ

ครู่หนึ่ง เสวี่ยจินเหวินไม่รู้จะพูดอะไร

"ถ้าเป็นแค่ขั้นที่สอง..."

นางพึมพำด้วยเสียงต่ำ "ข้าเกรงว่าจะมีสำนักไม่มากนักที่สนใจ เพราะว่าโอสถขั้นที่สองจะมีผลเฉพาะกับผู้บ่มเพาะขั้นสร้างรากฐาน และแทบใช้ไม่ได้ในขั้นแก่นทองคำ เจ้าเองก็น่าจะรู้..."

เสวี่ยจินเหวินมองไปที่เหมิงฉี "ขั้นกลั่นลมปราณและขั้นสร้างรากฐานไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก ทว่า เส้นแบ่งไปสู่ขั้นแก่นทองคำนั้นยากที่จะผ่าน และยิ่งระดับการบ่มเพาะของสูงมากเท่าไร มันก็ยิ่งยากที่จะเลื่อนระดับขึ้น ไม่เพียงแต่จะทะลวงขั้นยากเท่านั้น แต่ระดับขั้นภายในแยกย่อยยิ่งไต่ยากขึ้นไปอีก เมื่อผู้บ่มเพาะไปถึงขั้นตัดวิญญาณ การก้าวข้ามขอบเขตเล็กๆ ก็ยากพอๆ กับการก้าวข้ามระดับขั้น"

"ข้ารู้" เหมิงฉีพยักหน้า พูดง่ายๆ ก็คือ ในสามภพผู้บ่มเพาะขั้นสร้างรากฐานหนึ่งคนอาจสามารถต่อสู้กับผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณได้เพียงห้าคน แต่ ผู้บ่มเพาะแก่นทองสามารถจัดการกับผู้บ่มเพาะขั้นสร้างรากฐานได้สิบคนอย่างง่ายดาย เมื่อเข้าสู่ขั้นตัดวิญญาณในขอบเขตแรก ผู้บ่มเพาะสามารถจัดการกับผู้บ่มเพาะขั้นก่อกำเนิดได้ประมาณ 30 ถึง 40 คน หากก้าวขึ้นสู่ขั้นหลุดพ้น พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากจนสามารถจัดการกับผู้บ่มเพาะระดับต่ำได้นับพัน

ความสามารถในการบ่มเพาะของเหมิงฉีแตกต่างจากความสามารถทางการแพทย์ของนางโดยสิ้นเชิง ก่อนที่นางจะเสียชีวิต นางอยู่ในขั้นแก่นทองคำ และนั่นคือตอนที่นางได้รับความช่วยเหลือด้วยนะ เพราะมีคนกังวลว่าฐานการบ่มเพาะที่ต่ำของนางอาจขัดขวางการเติบโตของระดับการบ่มเพาะวิชาแพทย์ เขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหมิงฉีให้ไปถึงระดับขั้นแก่นทองคำ

แน่นอน เหมิงฉีรู้ดีว่าโอสถเป่ยหมิงขั้นที่สองมีค่าน้อย แต่สำนักแพทย์หลายแห่งยังคงสนใจ ในทางกลับกัน สำนักใหญ่ ๆ อย่างวังเฟินเทียน มักจะมีหน่วยแพทย์โดยเฉพาะ คงไม่มีใครเต็มใจที่จะปล่อยโอสถที่มีความสามารถที่น่าตกใจเช่นนี้ไปแน่นอน

ดังนั้น เหมิงฉีจึงตั้งใจที่จะประมูลโอสถของนาง นี่คือโอสถเป่ยหมิง ไม่เหมือนกับโอสถชิงเฟิง โอสถนี้เป็นโอสถที่ซื้อและบริโภคมากที่สุดชนิดหนึ่ง ยิ่งยามใดที่โลกใบนี้มีความขัดแย้งกัน ความต้องการโอสถเป่ยหมิงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

"แต่ข้ายังอยากลอง" เหมิงฉียืนยัน

"ตกลง" เสวี่ยจินเหวินจ้องมองใบหน้าที่สงบและมั่นใจของเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน "มันจะลำบากนิดหน่อยนะถ้าเจ้าอยากจะประมูลโอสถนี้"

"แต่ข้าจะหาวิธีให้เอง" เสวี่ยจินเหวินรู้สึกขอบคุณเหมิงฉีอย่างจริงใจ มันอาจเป็นเพราะนางเห็นตนเป็นรุ่นพี่ เมื่อเห็นรุ่นน้องที่มีความสามารถและมีแรงจูงใจ จู่ๆ นางก็จึงอยากช่วยอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ให้สัญญากับเหมิงฉีเมื่อครั้งก่อนบอกให้เหมิงฉีมาเยี่ยมนางได้แดนประจิม

"ขอบคุณท่านพี่มากเจ้าค่ะ" เหมิงฉีก้มศีรษะและคารวะอย่างสุภาพ นางหยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วเทโอสถเป่ยหมิง สามเม็ด "นี่สำหรับพี่สาว เป็นของขวัญแสดงความขอบเจ้า พี่สาวสามารถทำเครื่องหมายด้วยสัมผัสวิญญาณของท่านได้ และหลังจากกลับมา ข้าจะส่งไปที่สถานีถ่ายทอด"

"ปากเล็กๆ ของเจ้านี่ช่างหวานจริงๆ" เสวี่ยจินเหวินอดไม่ได้ที่จะยิ้มหวาน บางครั้งมิตรภาพก็ย่อมต้องแลกด้วยของบางอย่างเช่นนี้แหละ

"ขอบคุณมากนะ" เสวี่ยจินเหวินประทับตราเม็ดโอสถเป่ยหมิงทั้งสามเม็ด "พรุ่งนี้จะมีการประมูลที่หอประมูลแดนเหนือสวรรค์แห่งนี้"

"ทราบแล้วเจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้า "งั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่"

"อ้า จริงสิ" เสวี่ยจินเหวินนึกขึ้นได้ นางยื่นมือออกไป "ให้ข้ายืมป้ายชื่อของเจ้าหน่อย" เสวี่ยจินเหวินดูป้ายชื่อของเหมิงฉี "เสี่ยวชี?" นางรู้ว่านี่ไม่ใช่ชื่อจริงและยิ้มเล็กน้อย "ช่างเป็นชื่อที่น่ารักอะไรเช่นนี้"

เหมิงฉียิ้มเช่นกัน เจ้าของชื่อนี้น่ะน่ารักยิ่งกว่าข้าเสียอีก

"ป้ายชื่อนี้มีวิธีใช้แบบอื่นอยู่" เสวี่ยจินเหวินบอกนางขณะหยิบป้ายชื่อของนางเองออกมา นางประทับสัมผัสวิญญาณของนางบนป้ายชื่อของเหมิงฉี และปล่อยให้เหมิงฉีทำเช่นเดียวกันกับของนาง

"ด้วยวิธีนี้ ตั้งแต่ครั้งหน้าเป็นต้นไป เจ้าสามารถมาหาข้าได้โดยตรง" เสวี่ยจินเหวินอธิบาย "ด้วยการใช้กลิ่นไอวิญญาณ เราก็สามารถพูดคุยกันได้จากระยะทางหลายพันลี้"

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เหมิงฉีพยักหน้า นางหยิบป้ายชื่อของนางกลับมาและตรวจสอบอย่างละเอียด ป้ายชื่อเป็นสีดำและดูเหมือนแผ่นไม้ไผ่ธรรมดา ทุกครั้งที่นางมาแดนเหนือสวรรค์ ความชื่นชมของเหมิงฉีที่มีต่อเจ้าของแดนเหนือสวรรค์ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น เจ้าของแดนผู้นี้มีความคิดที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งมันน่าทึ่งจริงๆ เหมิงฉีอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอาจารย์ของนาง ชายคนนั้นก็มีความสามารถและมีจินตนาการล้ำเลิศมากเช่นกัน

"เช่นนั้นข้าขอตัวลาไปก่อน" เหมิงฉีพยักหน้าให้เสวี่ยจินเหวินเป็นครั้งสุดท้าย นางเดินตามผู้จัดการและเดินไปที่วงอาคมเคลื่อนย้าย นี่เป็นการมาเยือนครั้งที่สองของนาง และนางก็รู้แล้วว่าสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะลอยน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลหอสมบัติ มีเมฆสีขาวลอยอยู่รอบๆ และท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะใกล้มาก

เหมิงฉีอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองเกาะที่สูงกว่า ข้างบนคือที่สื่อถึงความยิ่งใหญ่ ล้ำค่า เป็นแหล่งรวมสมบัติจากโลกและสวรรค์ ที่นั่นมันงานเลี้ยงยิ่งใหญ่แดนเหนือสวรรค์อยู่ ซึ่งกล่าวกันว่าให้บริการอาหารหายากทุกชนิดจากสามภพขึ้นไปอีก ท่ามกลางเมฆสีขาว มีเกาะอันสง่างามตั้งตระหง่านอยู่โดดเดี่ยว มันอาจเป็นที่พำนักของเจ้าของ

"สหายเต๋า? สหายเต๋า?"

เหมิงฉีกลับมามีสติและยิ้มให้ชายคนนั้น "ขอโทษที ข้าดูเหมือนจะวอกแวกไปหน่อย"

"เป็นเรื่องปกติ" ชายคนนั้นค่อนข้างภูมิใจ "ผู้มาใหม่หลายคนล้วนประหลาดใจเมื่อเห็นเมืองของแดนเหนือสวรรค์และเกาะลอยน้ำเป็นครั้งแรก"

เขาหยุดและพูดต่อ "แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะพิเศษกว่านั้นอีก สหายเต๋าเพิ่งเข้าสู่แดนเหนือสวรรค์ และได้รับความโปรดปรานจากสหายเต๋าเสวี่ยเสียแล้ว เป็นเรื่องยากสำหรับผู้มาใหม่เลยนะที่จะสามารถเข้าร่วมการประมูลได้" แม้ว่าเจ้าของร้านจะสุภาพกับเหมิงฉีมาตลอด แต่วันนี้เขากลับยิ่งสุภาพมากขึ้น

เหมิงฉียิ้มเล็กน้อย

"ในวันข้างหน้าถ้ามีโอกาส เจ้าควรไปเยี่ยมชมร้านอาหารแดนเหนือสวรรค์อย่างน้อยสักครั้งนะ" ขณะอธิบาย ชายคนนั้นพาเหมิงฉีไปที่เขตแดนเคลื่อนย้าย "มีอาหารอร่อยทุกชนิดจากทุกภูมิภาคของสามภพ อีกทั้งพวกมันก็ยังมีอาหารที่เจ้าหาไม่ได้ในที่อื่นด้วย"

"ข้าเข้าใจแล้ว" เหมิงฉีพยักหน้า ถ้ามีสิ่งที่นางไม่อยากยอมแพ้ทั้งในชีวิตก่อนและปัจจุบัน อาหารเลิศรสก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้น

"เกาะที่สูงที่สุดนั้น...." เหมิงฉีเงยหน้าขึ้นและชี้ไปที่เกาะเดียวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างสบายๆ "นั่นคือที่พำนักของเจ้าของแดนเหนือสวรรค์หรือ?"

"ใช่...และไม่ใช่" ชายคนนั้นยิ้มอย่างลึกลับเล็กน้อย "จริงๆ แล้วหลายคนถามคำถามเดียวกันนี้ แต่พูดตามตรง เราไม่รู้"

"ไม่มีใครเคยไปที่นั่น และไม่มีใครเคยเห็นเจ้าของที่แท้จริงของแดนเหนือสวรรค์"

"เป็นเช่นนั้นเอง..." เหมิงฉีไม่แปลกใจ มีผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วนในสามภพ และหลายคนก็รู้จักแดนเหนือสวรรค์ถ้ามีใครเคยเห็นเจ้าของที่แท้จริงของสถานที่แห่งนี้ มันจะต้องมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างแหละ เหมิงฉีเคยเดินทางไปหลายที่ในชีวิตก่อนร่วมกับอาจารย์ผู้รอบรู้ของนาง ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงแดนเหนือสวรรค์เลย

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด