บทที่ 394: ข้ามาจากเผ่าจิ้งจอกจันทรานะ!
บทที่ 394: ข้ามาจากเผ่าจิ้งจอกจันทรานะ!
เมื่อได้ยินคำพูดของซูฟ่าน หยิงเต๋าก็อุทานด้วยความชื่นชม
ในขณะนี้ เมฆดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าไกลๆ บดบังดวงอาทิตย์
“นายท่าน สิ่งมีชีวิตจากเผ่านกไฟจำนวนมากกำลังเข้ามาใกล้พื้นที่ของท่าน โดยสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดอยู่ที่ขอบเขตวิญญาณสวรรค์” ผูเถารายงานอย่างกะทันหัน
“พี่หนิง ให้ข้าแสดงให้ท่านเห็นข้อดีอีกประการหนึ่งของกำแพงเหล็กแห่งนี้” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เผ่านกไฟตั้งใจที่จะเลี่ยงผ่านกำแพงเหล็กจากด้านบนและสังหารกลุ่มมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลัง
ซูฟ่านสั่งให้หุ่นเชิดต่อสู้บนท้องฟ้าซ่อนตัวและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ปล่อยให้พวกมันบินไปทางกำแพงเหล็ก
เมื่อกองทัพนกไฟส่วนใหญ่อยู่เหนือกำแพงเหล็ก ซูฟ่านก็อุทานว่า “เปิดใช้งานชุดวงเวทย์แรงโน้มถ่วง!”
ในขณะนั้น กำแพงเหล็กที่สร้างโดยหุ่นเชิดก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีโทนดิน ทันใดนั้น พื้นที่ร้อยลี้รอบๆ กำแพงเหล็กก็กลายเป็นเขตห้ามบิน และสิ่งมีชีวิตที่บินได้ทั้งหมดจากเผ่าปีศาจก็รู้สึกถึงพลังที่น่ากลัวกดทับพวกมันลงมา
ด้วยการเปิดใช้งานวงเวทย์แรงโน้มถ่วง ฝนปีศาจนกจึงเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า
ซูฟ่านสั่งการหุ่นเชิดและอยู่กัหนิงเต๋าภายในโล่ป้องกันของกำแพงเหล็ก ดูหุ่นเชิดสังหารสิ่งมีชีวิตนกไฟที่อยู่บนพื้นดินอย่างง่ายดาย
ในจำนวนนั้น สิ่งมีชีวิตนกไฟจำนวนหนึ่งพยายามที่จะต่อต้านเมื่อลงจอด แต่มันก็ถูกหุ่นเชิดเกราะหนักกดเอาไว้ และต่อมาก็ถูกผนึกไว้ในทรงกลมเล็กๆ
“วงเวทย์แรงโน้มถ่วงนี้เชื่อมโยงกับกำแพงเหล็กทั้งหมด เพื่อเลี่ยงผ่านจากอากาศ จะต้องใช้สิ่งมีชีวิตปีศาจที่มีขอบเขตสูงกว่าขอบเขตวิญญาณสวรรค์” ซูฟ่านอธิบาย
“โชคดีที่ปีศาจระลอกนี้เป็นเพียงพวกปลายแถว และยังไม่มีพวกที่ทรงพลังมาด้ววย” ซูฟ่านกล่าวเสริมขณะสังเกต
“สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เมืองเซียนหลินเซินของเราเพิ่งตรวจพบการปรากฏตัวของเผ่าจิ้งจอกจันทราที่โผล่ออกมาจากช่องทางเชื่อมของสองอาณาจักร เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามของกำแพงเหล็กนี้ พวกมันก็จะพยายามทำลายมันลงอย่างแน่นอน” หนิงเต๋าแสดงความคิดเห็น
ในตอนนี้ ทีมผู้ฝึกตนจากสภาผู้อาวุโสเมืองเซียนหลินเซินก็ปรากฏตัวต่อหน้าหนิงเต๋า
มีทั้งหมดสิบคนที่ขอบเขตสกัดสูญ และหนึ่งร้อยคนที่ขอบเขตวิญญาณสวรรค์
ผู้ฝึกตนที่อยู่แถวหน้าทักทายหนิงเต๋า “เป็นเกียรติที่ได้พบท่าน ท่านทูตผู้พิทักษ์”
“อ๋อ ในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว” หนิงเต๋าตอบด้วยรอยยิ้ม
“ด้วยสถานการณ์ที่เร่งด่วน จึงไม่มีเวลาสำหรับพิธีการ งานของเจ้าตอนนี้คือปกป้องหุ่นเชิดเหล่านี้ที่กำลังสร้างกำแพงเหล็กขนาดใหญ่ไม่ให้ถูกรบกวน”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตปีศาจที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตวิญญาณสวรรค์ เพียงแค่มุ่งความสนใจไปที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่สูงกว่าขอบเขตวิญญาณสวรรค์ก็พอ” หนิงเต๋าสั่ง
“เข้าใจแล้ว” เหล่าผู้ฝึกตนทำความเคารพและรับทราบ
จากนั้นเขาก็พาทีมของเขาออกไปลาดตระเวนรอบๆ
“พวกนี้คือผู้ฝึกตนที่สภาผู้อาวุโสส่งมาเสริมกำลังเมืองเซียนหลินเซินเมื่อไม่นานนี้ มีทั้งหมดสิบทีม ซึ่งล้วนเป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดจากสถาบันภายในของสภา” หนิงเต๋าแนะนำ
“พวกเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ” ซูฟ่านแสดงความคิดเห็น
“ข้าก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งข้าได้พบกับท่านและลูกศิษย์ของท่าน ตอนนี้ทุกอย่างดูธรรมดาทั่วไปมาก” หนิงเต๋าตอบพร้อมหัวเราะคิกคัก
“ท่านหมายถึงทั่วไปเดียวกันกับข้าใช่รึเปล่า?”
“ใช่” หนิงเต๋าหัวเราะออกมา
ไม่กี่วินาทีต่อมา ความผันผวนอย่างกะทันหันก็แผ่มาจากระยะไกล หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ฝึกตนก่อนหน้านี้ก็กลับมาพร้อมกับศพของสิ่งมีชีวิตปีศาจ
“ท่านทูตผู้พิทักษ์ เราพบปีศาจขอบเขตสกัดสูญที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้กับกำแพงเหล็ก”
“ทำได้ดีมาก”
หลังจากมองดูศพปีศาจจิ้งจอกที่ถูกทำลาย หนิงเต๋าก็ส่ายหัวและพูดว่า “ตอนนี้มันสามารถใช้เป็นปุ๋ยได้เท่านั้น จำไว้ว่าเมื่อเจ้าพบสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือขอบเขตวิญญาณสวรรค์ ให้ปิดผนึกวิญญาณแท้จริงของมันไว้ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนมันกับสมบัติดีๆ จากผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายวิญญาณเร้นลับได้”
“เข้าใจแล้ว” เหล่าผู้ฝึกตนยอมรับพร้อมพยักหน้า
“ในอนาคต วิญญาณที่แท้จริงของปีศาจขอบเขตสกัดสูญห้าตัวสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับนิกายเพื่อรับสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าระดับห้าหรือสมบัติระดับเดียวกันได้” ซูฟ่านกล่าวเสริมหลังจากคิดทบทวนดู
วิญญาณที่แท้จริงของปีศาจมีประโยชน์มากมาย นอกจากจะถูกใช้โดยนิกายวิญญาณเร้นลับเพื่อสร้างฝนวิญญาณแล้ว พวกมันยังสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับวิญญาณที่แท้จริงของหุ่นเชิดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ซูฟ่านก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ตั้งแต่มีผูเถา
“เข้าใจแล้ว” ผู้ฝึกตนชั้นนำยอมรับ มีประกายประหลาดปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
หลังจากผู้ฝึกตนเหล่านี้จากไป หนิงเต๋าก็ถามอย่างกระตือรือร้นว่า “แล้ววิญญาณปีศาจขอบเขตบูรณาการสามตนสามารถแลกเปลี่ยนเป็นกระบี่วิญญาณระดับสิ่งประดิษฐ์เต๋าได้ไหม?”
“เฮ้อ ข้ามีธุระต้องไปทำก่อนแล้ว” ซูฟ่านพูดแบบนั้นแล้วตัดการเชื่อมต่อจิตสำนึกโดยทันที
เมื่อเห็นหุ่นเชิดกลับไปที่กองกำลังหลัก หนิงเต๋าก็พึมพำกับตัวเองว่า “เจ้ายังติดหนี้กระบี่วิญญาณข้าอยู่นะ”
....
เซียงหลี่เฝ้าพื้นที่กำแพงเหล็กยักษ์ มองดูการโจมตีอย่างไม่ลดละของซูกัง
ฝนหินแมกม่าตกลงมาจากท้องฟ้า แมกม่าแต่ละก้อนจะระเบิดเมื่อตกลงมา ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
รูปปั้นยักษ์พันมือตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ ดวงตาของมันจ้องมองเผ่าปีศาจที่ถูกทำลายล้างด้านล่างอย่างเย็นชา
เซียงหลี่เฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล มองไปยังพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยฝนแมกม่าเป็นระยะทางหลายร้อยลี้รอบตัวเขา เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“นี่คงจะเป็นความแค้นที่ใหญ่หลวง ศพของปีศาจพวกนั้นไม่ได้รับโอกาสแม้แต่จะทำหน้าที่เป็นปุ๋ยด้วยซ้ำ” เฉียนว่านปิงคร่ำครวญ
ในเวลานี้ ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหางจิ้งจอกสีขาวเจ็ดหางอยู่ข้างหลังปรากฏตัวไม่ไกลจากรูปปั้นยักษ์พันมือ
ริบบิ้นสีชมพูบินไปทางรูปปั้นยักษ์พันมือ โดยมีหางจิ้งจอกเจ็ดหางตามมาติดๆ
“ไม่ดีแล้ว มันคือปีศาจจิ้งจอกขอบเขตสกัดสูญ!” เซียงหลี่ต้องการเรียกกำลังเสริมในทันที
ในขณะนี้ ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน และแสงวิญญาณห้าสีก็ส่องประกาย
“เผ่าจิ้งจอก เจ้าต้องตาย!” เสียงเย็นชาดังขึ้นบนท้องฟ้า
ในชั่วพริบตา รูปปั้นยักษ์พันมือก็แสดงแขนพันข้าง จับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกด้วยฝ่ามือที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกลาหล
ความว่างเปล่าถูกปิดผนึกโดยรูปปั้นยักษ์พันมือ
หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกเปลี่ยนสีหน้าและอุทานด้วยความตกใจ “นี่มันบ้าอะไรกัน!”
“จงดูดทุกสรรพชีวิต”
ออร่าลึกลับโอบล้อมรูปปั้นยักษ์พันมือ พยายามนำมันไปสู่โลกที่อบอุ่น
“ตายซะ!”
รูปปั้นยักษ์พันมืออีกอันปรากฏขึ้นด้านหลังหญิงสาวเผ่าจิ้งจอก แขนที่ร้อนระอุด้วยเพลิงแห่งความโกลาหลจับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกไว้
“ปล่อยข้า ข้ามาจากเผ่าจิ้งจอกจันทรานะ”
“แผละ!”
หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยังพูดไม่จบ และได้ถูกรูปปั้นยักษ์พันมือบีบจนเละกลายเป็นโคลนโดยทันที
ศิษย์ทั้งสองคนที่เฝ้าดูจากระยะไกลตกใจจนตัวสั่น
“ป่าเถื่อนสัส!” เซียงหลี่พึมพำ
หลังจากฝูงปีศาจระลอกนี้ถูกกำจัด รูปปั้นยักษ์พันมือก็แปลงร่างกลับเป็นซูกังและกลับมาหาชายทั้งสอง
“เก็บกวาดสนามรบด้วย” ซูกังสั่ง
“ครับ” ทั้งสองคนที่ยังไม่ฟื้นสติพยักหน้า
หลังจากที่ซูกังจากไป ทั้งสองคนก็มองไปที่สนามรบและพูดเล่นๆ ว่า “มีอะไรให้เก็บกวาดกัน? ให้เราเก็บเถ้าถ่านพวกนี้ออกไปหรอ?”
ในสนามรบที่กำลังลุกไหม้ เหลือเพียงเถ้าถ่านเท่านั้น นอกจากพื้นดินที่ถูกเผาไหม้
“ผู้นำยอดเขาซูเฟิงมีความแค้นเคืองต่อเผ่าจิ้งจอก เมื่อเราเผชิญหน้ากับเผ่าจิ้งจอกจำนวนมากในอนาคต เราก็แค่ต้องให้ผู้นำซูเฟิงมาช่วยโดยตรง” เฉียนว่านปิงพูดเล่นๆ
“ดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้ ข้าจะได้ยินมาว่าเมื่อผู้นำซูเฟิงออกไปปฏิบัติภารกิจกับภรรยาของเขา เมืองเซียนที่พวกเขาอยู่ก็ถูกเผ่าปีศาจโจมตี”
“แถมเขายังโดนพวกมันปิดล้อมจนทำให้ผู้นำซูเฟิงมีความแค้นเคืองมาตั้งแต่นั้น” เซียงหลี่กล่าว
“ข้าเข้าใจ เผ่าปีศาจเป็นพวกเผด็จการมาโดยตลอด และเผ่าจิ้งจอกก็ชอบที่จะบงการจิตใจมนุษย์”
“เผ่าจิ้งจอกพวกนั้นจะต้องเผลอไปแตะต้องสิ่งที่ไม่ควรของผู้นำซูเฟิงแน่ๆ” เฉียนว่านปิงวิเคราะห์
“ด้วยพลังการต่อสู้ที่ไม่มีใครทัดเทียมของผู้นำซูเฟิงของเรา เผ่าปีศาจก็จะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอนในอนาคต” เซียงหลี่ถอนหายใจ
“ข้าเกรงว่ามันจะไม่ใช่แค่โชคร้ายเท่านั้นน่ะสิ” เฉียนว่านปิงเสริม...
*เถื่อนเกิ้น