บทที่ 39 การปรุงโอสถ
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 39 การปรุงโอสถ
เหมิงฉีเชื่อว่าต้องมีสำนักที่เต็มใจซื้อโอสถเป่ยหมิงของนาง สามภพไม่เคยสงบสุข อาณาจักรมารคอยจับตาดูดินแดนของมนุษย์และบางครั้งก็มาบุกรุก ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา อาณาจักรมารก็เริ่มกระสับกระส่าย นอกจากนี้ มนุษย์ด้วยกันเองก็มักก่อความขัดแย้งกันอยู่เสมอ
สามภพถูกแบ่งออกเป็นสี่แดน และไม่เคยมีความสงบสุขอย่างแท้จริงระหว่างสี่แดนใหญ่อย่าง บูรพา ประจิม อุดร และทักษิณ การต่อสู้ระหว่างสำนักใหญ่ๆ มักเกิดขึ้น สำนักใหญ่จะกลืนสำนักเล็ก และยังมีการต่อสู้ระหว่างสำนักเล็กๆ ด้วยกันตลอดเวลา กระทั่งสำนักอย่างหุบเขาชิงเฟิง ซึ่งเล็กมากจนมักถูกมองข้าม บางครั้งก็ดึงดูดให้สำนักเล็กๆ อื่นๆ มาท้าทายและพยายามผนวกพวกเขาเข้าด้วยกัน
ดังนั้นโอสถเป่ยหมิงจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก ตำหนักเซียนเมฆามักจะมีเสบียงสำหรับโอสถนี้ ผู้บ่มเพาะทั่วไปมักจะพกโอสถติดตัวไว้สิบเม็ดขึ้นไปทุกเมื่อ แน่นอนว่าเหมิงฉีก็เตรียมพร้อมของตัวเองไว้เช่นกัน
นางใส่โอสถเป่ยหมิงทั้งสามเม็ดลงในขวดกระเบื้อง และใส่ส่วนผสมอีกชุดลงในหม้อต้มโอสถขนาดเล็ก การกลั่นโอสถนั้นสิ้นเปลืองกลิ่นไอวิญญาณของนางมาก ระดับการบ่มเพาะของเหมิงฉียังต่ำเกินไป หลังจากการกลั่นรอบที่สาม นางต้องหยุดและพักสักครู่หนึ่ง
เหมิงฉีจดจ่อมากจนไม่ทันสังเกตว่าเสี่ยวชีลืมตาตั้งแต่นางหยิบหม้อต้มโอสถสีน้ำตาลเข้มขนาดเล็กออกมา เสือขาวตัวน้อยนอนนิ่งอยู่บนเตียง มันจ้องมองเหมิงฉีด้วยดวงตาสีฟ้า เมื่อเสี่ยวชีเห็นการจัดวางอักขระที่วาดบนโต๊ะ แสงระยิบระยับก็วาบวาวขึ้นในดวงตาของมัน
การจัดวางอักขระเช่นนี้อาจจะมีอยู่ในสามภพ แต่ว่า วิธีการวาดการจัดวางเฉพาะตัวนี้มันมีแต่คนจากอาณาจักรมารเท่าทั้นที่จะใช้มัน ในบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์ มารและอสูร จากทั้งสามเผ่า มารมีความโดดเด่นในเรื่องการกลั่นที่เหนือกว่าทุกเผ่าพันธุ์ สิ่งประดิษฐ์และอาวุธในตำนานที่หมุนเวียนในสามภพ เกือบทั้งหมดล้วนสร้างขึ้นด้วยมือของผู้บ่มเพาะมารในสมัยโบราณ ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรมารจึงมีรูปแบบอักขระอาคมที่สมบูรณ์และดีที่สุดจากรุ่นสู่รุ่น
ดวงตาของเสี่ยวชีหรี่ลงเล็กน้อย ดวงตาของมันเป็นประกาย ความสนใจของมันผละจากโต๊ะไปที่หลังเรียวบางของเหมิงฉีอย่างรวดเร็ว หญิงสาวอาภรณ์คลุมสีฟ้าดูก็รู้ว่าอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณ แม้ในสามภพ นางก็อยู่ที่ก้นห่วงโซ่อาหาร แต่สิ่งที่มาจากมือของนาง การจัดวางอักขระสวยงามเหล่านั้น วิธีการกลั่นโอสถที่เทียบเคียงขั้นอัจฉริยะ...ทำให้มันรู้สึกประหลาดใจยิ่ง
ในไม่ช้า โอสถเป่ยหมิงชุดสุดท้ายก็เสร็จ เหมิงฉีเก็บพวกมันทั้งหมดไว้ด้วยความพึงพอใจ นางโยนขวดกระเบื้องที่เกือบเต็มไปด้วยกำไลเก็บของของนาง จากนั้นก็หันไปมองเสี่ยวชี
"เจ้าตื่นแล้วหรือ?" อาจเป็นเพราะนางรู้ว่าเจ้าตัวน้อยเป็นสมาชิกของตระกูลราชวงศ์ของมาร เหมิงฉีจึงพูดกับมันเหมือนผู้ใหญ่เสมอ
เสี่ยวชีลืมตาเบิกกว้างและมองที่กรามเล็กๆ ละเอียดอ่อนของเหมิงฉี มันตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาและพบว่าตัวเองถูกกอดอย่างแรงด้วยร่างกายที่อบอุ่นของเหมิงฉี ในเวลานั้น มันต้องการที่จะหลุดออกจากอ้อมแขนของนางอย่างมาก แต่กลิ่นโอสถที่อบอุ่นและเบาบางดูเหมือนจะมีผลทำให้มันสงบลง เสือขาวตัวน้อยก็หลับไปอีกครั้ง ตอนนี้ ดวงตาสีฟ้าของมันได้สบเข้ากับดวงตาที่สดใสและแจ่มชัดของเหมิงฉีอีกครั้ง
"เจ้าอยากกินอะไรไหม?" เหมิงฉีถาม นางเดินไปที่เตียงและจ้องมองหัวนุ่มฟูของเสือตัวน้อย...
นางอยากจะสัมผัสมัน
แค่นิดหน่อย!
เหมิงฉียกมือขึ้นและอดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเสี่ยวชีหลายครั้ง
"เอ่อ... แค่กๆ..." เหมิงฉีถาม "เมื่อวานข้าไม่ได้มีเวลาถาม เจ้าต้องกินไหม?"
ไม่ต้องแน่นอน! เสือขาวตัวน้อยอยากจะร้องออกมา มันเกิดมาในตระกูลราชวงศ์ของมารสวรรค์ สมาชิกในตระกูลบางมันล้วนเกิดมาพร้อมกับขั้นการบ่มเพาะที่จุดสูงสุดของขั้นแก่นทองแล้ว
ยิ่งกว่านั้น มันเป็นถึง...
นิ้วเรียวเย็นเล็กน้อยของนางไม่พอใจแค่เพียงสัมผัสหัวเล็กๆ ที่นุ่มฟูอีกต่อไป มือของเหมิงฉีเอื้อมไปที่หูของเสี่ยวชีและบีบเบาๆ ที่ปลายของมัน เสือขาวตัวน้อยแข็งทื่อและตัวสั่นทันที ก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนอง มืออีกข้างของเหมิงฉีก็ลากลงไปตามหลังของมันแล้วจับหางของมัน
เสี่ยวชี "!!!"
เหมิงฉีได้แต่คิดนในใจ อ่า... นุ่มจัง! รู้สึกสบายใจมาก!
ขณะดื่มด่ำไปกับความสุข เหมิงฉีก็บีบหูของเสี่ยวชี จากนั้นนางจึงหยิบส้มและส้มโอหลายลูกออกจากกำไลเก็บของของนาง ของพวกนี้ นางได้จากชาวเมืองชิงเฟิงเมื่อวันก่อน
เสี่ยวชีเพียงแค่เหลือบมองและหันหลังอย่างดูถูก
"เจ้าไม่กินผลไม้เหรอ?" เหมิงฉีถามอย่างอดทน "แล้วไก่ล่ะ?"
เสี่ยวชี "..."
มันยังคงหันหลังให้ ปฏิเสธที่จะมองเหมิงฉี
"งั้น..." เหมิงฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง "แสดงว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องกินใช่ไหม?" นางเอนหลังและก้มศีรษะเข้าใกล้เสือตัวน้อยมากขึ้น
ใบหน้าที่สวยงามเข้ามาใกล้ใบหน้าของเสี่ยวชี ดูเหมือนว่าเพียงขยับนิดหน่อย มันก็สามารถสัมผัสใบหน้าของเหมิงฉีได้ โดยเฉพาะริมฝีปากนุ่มๆ ของนางที่ส่งกลิ่นหอมรัญจวนบางเบาออกมา...