บทที่ 37 เมืองชิงเฟิง (II)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 37 เมืองชิงเฟิง (II)
คนธรรมดาในเมืองชิงเฟิงเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงหรัน ซึ่งเพื่อบ่มเพาะทักษะการแพทย์ของตน เหมิงฉีจึงเคยมาที่นี่และให้การรักษาพยาบาลแก่พวกเขา หากเป็นเรื่องปัญหาทางกายภาพของผู้ที่ไม่บ่มเพาะ มันก็ง่ายมากที่จะรักษา ดังนั้นการรักษาพวกเขาจึงไม่ได้ให้ประสบการณ์มากมายอะไรสำหรับการก้าวข้ามระดับขั้น แต่คนธรรมดาเหล่านี้กินธัญพืชและทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิด แม้ว่าเมืองชิงเฟิงจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ก็ยังมีผู้คนอาศัยอยู่หลายร้อยคนและทุกคนก็มีอาการป่วยต่างกัน เมื่อรักษาพวกเขา เหมิงฉีจึงได้รับความรู้มากมายไปแทน
นางจำท่านผู้อาวุโสเหยียนได้ เขาบรรลุขั้นการผู้บ่มเพาะทางการแพทย์ขั้นที่สี่ไปแล้ว แต่ก็ยังเต็มใจรักษาคนธรรมดา เขาถึงกับสาบานว่าจะเดินทางไปทั่วสามภพและรักษาผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด ในบรรดาผู้บ่มเพาะทางการแพทย์ มีไม่มากนักหรอกที่หมกมุ่นอยู่กับทักษะทางการแพทย์ เหมิงฉีเคยเห็นคนเหล่านั้นมาก่อน
ในขณะที่ทักทายชาวเมืองชิงเฟิง นางก็เดินไปที่ตำหนักเซียนเมฆาใจกลางเมือง เมื่อมาถึง เหมิงฉีก็ได้รับผลไม้สดมากมายในกำไลเก็บของของนาง
ตำหนักเซียนเมฆาอ้างว่ามีสาขาในทุกเมืองในสามภพ ไม่ว่าจะเมืองใดก็ตาม หากต้องการซื้อของจากพวกเขา สามารถสั่งซื้อได้ที่สาขาในพื้นที่ และตำหนักเซียนเมฆาจะจัดส่งให้เร็วที่สุด
เหมิงฉีไม่เคยคิดจริงจังเรื่องการหาเงินมาก่อน การเป็นแพทย์และรักษาคนเป็นเพียงการเพิ่มระดับบ่มเพาะทักษะของนาง แต่ตอนนี้ เพื่อที่จะรักษาเสี่ยวชี เพียงแค่บาดแผลภายนอกมันก็ต้องใช้หินวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน หลังจากคำนวณอย่างคร่าวๆ เหมิงฉีจึงรีบไปซื้อสมุนไพรขั้นหนึ่งและขั้นสองมากกว่าสิบชนิดจากตำหนักเซียนเมฆาทันที
หลังจากนั้น เหมิงฉีก็เดินไปที่สถานีถ่ายทอดเพื่อส่งโอสถที่ทำเครื่องหมายด้วยสัมผัสวิญญาณของเสวี่ยจินเหวินและเซี่ยงหลินโม่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาเยือนสถานีถ่ายทอดของแดนเหนือสวรรค์ รูปแบบไม่ได้แตกต่างจากสถานีทั่วไป หลังจากที่เจ้าหน้าที่ยืนยันสัมผัสวิญญาณแล้ว พวกเขาก็เอาหีบไม้ที่บรรจุโอสถและให้หินวิญญาณแก่เหมิงฉี
"ขอโทษเจ้าค่ะ สินค้าจะถูกส่งถึงผู้ซื้อเมื่อไหร่เจ้าคะ?" เหมิงฉีถาม
"แดนเหนือสวรรค์มีอาคมของตนเอง คงใช้เวลาเพียงเก้าวันจากที่นี่ไปยังเมืองชายแดนทางอุดรสุดกระมัง" ทหารของแดนเหนือสวรรค์ตอบอย่างสุภาพ พวกเขาไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเนื้อหา เพราะตราบใดที่ไม่มีข้อผิดพลาดในสัมผัสวิญญาณที่ประทับบนสิ่งของ พวกเขาก็จะจ่ายหินวิญญาณไป
"ขอบคุณเจ้าค่ะ" เหมิงฉีพยักหน้าอย่างสุภาพ
หลังจากเสร็จภารกิจ เหมิงฉีก็กลับไปที่หุบเขาชิงเฟิง เสี่ยวชียังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน และฉู่เทียนเฟิงก็จากไปนานแล้ว เหมิงฉีลูบขนเสี่ยวชีอย่างช้าๆ ผู้ฝึกยุทธไม่จำเป็นต้องนอนทุกวัน แต่เหมิงฉียังอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณ จึงต้องนอนวันละสองชั่วโมง
"เสี่ยวชี" เหมิงฉีผลักเจ้าตัวน้อย "ขยับหน่อย" เจ้าตัวนี้ครอบครองเตียงไม้ไผ่ของนางมาเป็นเวลานานและตอนนี้คงถือเป็นของตัวเองแล้ว
ดวงตาสีฟ้าของเสือขาวตัวน้อยเบิกกว้างทันที มันเห็นเหมิงฉีถอดอาภรณ์สีฟ้าออกและโยนมันลงบนเก้าอี้ข้างเตียง
จากนั้น...
ตอนนี้นางควรนอนหลับได้แล้ว หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง นางต้องตื่นขึ้นมาและเริ่มปรุงโอสถ นางมีหินวิญญาณขั้นหกสี่สิบหกก้อนแล้ว สามารถซื้อหญ้าอีกาเหมันต์ได้ หลังจากนั้นนางจะขายโอสถเพิ่ม ... แล้วก็ ...
สติของเหมิงฉีค่อยๆ พร่าเลือน นางหลับตาลงและผล็อยหลับไป
เสือขาวตัวน้อยขนปุยนอนตัวแข็งอยู่บนอีกครึ่งหนึ่งของเตียง โดยหันหลังพิงผนัง เตียงไม้ไผ่ของเหมิงฉีเดิมทีแคบมากและปกตินางนอนคนเดียว แม้ว่าร่างกายของเสือขาวตัวน้อยจะยังเล็กมาก แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสัมผัสกันเมื่อนอนชิดขนาดนี้
มันแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เฝ้าดูลมหายใจของเหมิงฉีค่อยๆ ยาวขึ้น เสือตัวน้อยกลับมามีสติและจึงขยับเข้าด้านใน ขนสีขาวนุ่มของมันถูแขนของเหมิงฉี อาภรณ์คลุมสีขาวหลวมๆ บนร่างของนางเลิกขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เผยให้เห็นแขนที่ขาวและเรียวของนาง เสือขาวตัวน้อยก้มศีรษะลง จ้องมองแขนของหญิงสาว ดวงตาสีฟ้าของมันหยุดอยู่ที่นิ้วเรียวของเหมิงฉีทันที
มันสะดุ้งกลับมาอีกครั้ง ราวกับต้องการให้ทั้งร่างติดกับผนัง
ขนนุ่มของมันปัดแขนของเหมิงฉีเบาๆ "อย่าซนสิ" นางพึมพำ จากนั้นเหมิงฉียื่นมือออกไปดึงเสือขาวตัวน้อยเข้ามาในอ้อมแขนของนาง "นอนให้เรียบร้อย!"
เสือขาวตัวน้อย "!!!"
กลิ่นโอสถจางๆ คละคลุ้งไปทั่วจมูกของมัน
สบายมาก
เสือขาวตัวน้อยที่เกลียดการที่คนอื่นบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของมันมาโดยตลอด ไม่สามารถรวบรวมความตั้งใจที่จะผลักหญิงสาวออกไปได้
แผลที่อุ้งเท้าของมันยังคงมีเลือดออกอย่างช้าๆ แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่หยดเลือดก็สะสมและค่อยๆ เปื้อนแขนเสื้อสีขาวของเหมิงฉี รอยสีแดงเล็กๆ ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงสดเป็นสีแดงเข้ม และกลิ่นคาวเลือดจางๆ ก็ถูกกลิ่นหอมจากร่างกายของนางกลบ
เสือขาวตัวน้อยแข็งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ ผ่อนคลาย มันไม่เคยนอนแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน ไม่มีใครฝืนกอดมันจนหลับเช่นนี้
มันอยากจะต่อต้าน แต่ว่า...
มันคงได้รับบาดเจ็บมากเกินไป เปลือกตาของมันค่อยๆ หนักขึ้น ฟังเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเหมิงฉี เสือขาวตัวน้อยก็ค่อยๆ หลับตาลง มนุษย์หนึ่งคนและเสือหนึ่งตัวนอนอยู่ด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมานานแสนนาน
มันเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความฝัน และพวกเขาก็นอนหลับสนิทจนถึงรุ่งสาง