ตอนที่แล้วดาบที่รอการลับคม (ุ10)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปดาบที่รอการลับคม (ุ12)

ดาบที่รอการลับคม (ุ11)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

<เรื่องราวของอารอน  ตอนที่ 12>

2. ดาบที่รอการลับคม (ุ11)

ไคนิล

ชายผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกลาดิเอเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้มาขอความช่วยเหลือจากเขา…

ขอให้เขาช่วยเหลือเนี่ยนะ?

"ช่วย?"

เขาหรี่ตาลง

"ใช่ หลังจากที่เราคุยกันเเล้วนั้น…เราสรุปได้ว่าแผนของเราต้องการนาย ถ้านายตกลงช่วยเรามันจะช่วยลดอัตราการเสียหายได้มาก”

"ทำไมถึงคิดอย่างนั้น?"

"ไม่ต้องอธิบายเหตุผลก็รู้ไม่ใช่เหรอ?"

"เพราะฉันแข็งแกร่งงั้นเหรอ?"

"ใช่"

ไคนิลมองตรงไปที่ดวงตาของเขานิ่ง

"นายแข่ง 17 ครั้ง 17 ชนะ ไม่ว่าใครจะเข้ามา การต่อสู้ทุกครั้งนั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องความดุเดือดและน่าตื่นเต้น การแสดงเพื่อเอาชนะนั้นยากกว่าการชนะธรรมดาหลายเท่า และยิ่งกว่านั้นถ้าไม่มีการแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียวในการแสดงเหล่านั้นมันก็บ่งบอกแล้วไม่ใช่เหรอ"

"..."

“ในบรรดาคู่ต่อสู้ของนาย มีบางคนที่แข็งแกร่งพอๆ กับฉัน แต่เวลานายการต่อสู้กับพวกเขาล้วนเป็นเพียง”การจัดฉาก" คงมีแค่คนโง่เท่านั้นมองไม่ออกนายว่าจริงไหม?”

การจัดฉาก

ไคนิลอธิบายการแข่งขันของเขาด้วยวิธีนี้

แต่มันเป็นอย่างที่ไคนิลพูด

เขาทำให้การต่อสู้ทั้งหมดดุเดือดโดยไม่คำนึงถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้

จากมุมมองของผู้ชม ในการต่อสู้ที่ดุเดือดที่นองเลือดนี้ เขาเอาชนะด้วยความแตกต่างเพียงกระดาษแผ่นเดียว

แต่ผู้มีสายตาเฉียบคมรู้

ภายนอกมันดูน่าทึ่งมาก

ดูเหมือนว่าการชนะหรือแพ้จะถูกกำหนดโดยโอกาสเพียงเล็กน้อย

แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในการแข่งขัน ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นค่อนข้างที่จะสุดขั้ว

แม้ว่ามันจะเป็นความแตกต่างของกระดาษเพียงแผ่นเดียว แต่คู่ต่อสู้ก็ไม่สามารถลดช่องว่างนั้นได้

“พูดง่ายๆนะ”

ไคนิลถอนหายใจแล้วพูดว่า

"นายกำลังเล่นตลกกับพวกเรา"

“โอ้”

"สำหรับผู้ใหญ่ การเล่นกับเด็กอายุ 5 ขวบไม่ใช่เรื่องยาก ฉันกล้าพูดเลยว่านายคือนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักสู้ที่นี่"

ไคนิลพูดต่อ

“แน่นอน ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องตลก”

"..."

"นักสู้ที่สู้กับนายมีโอกาสรอดชีวิตสูง เพราะพวกเขาทำให้เกมสนุก พวกเขาชอบที่ได้สู้กับนาย มีนักสู้เพียงไม่กี่คนที่ได้รับคำตัดสินว่าต้องตาย"

"แล้ว?"

“แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว…ทุกคนกำลังเฝ้าดูนาย การรักษาความปลอดภัยในสนามแข่งมีความเข้มงวดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงนี้ และที่สำคัญพวกเขาทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่นาย”

สายตาของไคนิลจับจ้องไปที่เขานิ่งๆ

"ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้นายแข็งแกร่งแค่ไหน นายก็ต้องตายแน่นอน และดูเหมือนนายจะถูกปลดอาวุธแล้วด้วย…"

เขาพูดถูก

เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครองอาวุธอีกต่อไป ซึ่งการครอบครองอาวุธนั้นเป็นสิทธิพิเศษของกลาดิเอเตอร์ระดับสูง

ตอนนี้เขาตัวเปล่า

"ฉันมีข้อเสนอเดียวให้นาย ออกไปจากที่นี่กับเรา มีหลายที่ที่นายสามารถใช้ความแข็งแกร่งของนายได้อย่างคุ้มค่า"

"ถ้าฉันบอกว่าไม่?"

"บอกฉันทีว่าเพราะอะไร…ฉันจะโน้มน้าวใจนายอีกครั้ง”

ไคนิลตอบโดยไม่ลังเล

'น่าสนใจ'

ปกติถ้าโดนปฏิเสธก็จะด่าแล้วถอยไป

แต่ชายคนนี้เลือกที่จะพยายามโน้มน้าวตัวเขางั้นเหรอ?

มันเป็นวิธีที่แปลกใหม่

เขาเริ่มสนใจและก็เปิดปากถามขึ้น

สนใจเปิดปากของเขา

"เพราะพวกเราโชคร้าย"

"..."

"พูดให้ดูดี แต่อยากใช้ฉันช่วยให้รอดใช่ไหม? ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?"

ไคนิลก้มหัวลง

“เพราะพวกเขาไม่คิดว่าจะทำได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจึงยืมพลังของผู้อื่น เพราะนั่นอาจจะเป็นไปได้ แต่ฉันจะได้อะไรในกรณีนี้”

"เราจะมีกันและกัน...เพื่อความอยู่รอดโดยเราจะพึ่งพากันและกัน เราพึ่งนายและนายพึ่งเรา..."

"ถ้าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนายล่ะ?"

ชายคนนั้นเงียบ

เขาหัวเราะและพูดต่อ

“ถ้าฉันแข็งแกร่งขนาดนั้นแบบที่นายพูด ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายไหมล่ะ? ถ้าฉันต้องการฉันก็สามารถพสตัวเองออกไปได้เองแล้ว ในทางตรงกันข้าม มันจะยิ่งเกะกะถ้าฉันพาคุณไปด้วย”

"ไม่ว่านายจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีทหารยามทั้งหมดและออกไปด้"

"ทำไมถึงคิดอย่างนั้น? ถ้าฉันซ่อนพลังของฉันเอาไว้ได้มากกว่านี้ล่ะ?"

"นั่นหมายความว่า..."

"นั้นเป็นความตั้งใจของนายไม่ใช่เหรอ? ในขณะที่ฉันจัดการกับยามพวกนั้น ก็แอบหนีไปเงียบๆ"

"ฉันสาบานด้วยเกียรติของฉัน..."

"อย่าพูดถึงเกียรติอะไรนั้นเลย"

เสียงของเขามีความเยือกเย็นแฝงอยู่

"ไม่ว่าจะเป็นนายหรือว่าเป็นฉัน เราต่างก็เป็นขยะที่ฆ่าเผ่าพันธุ์ของเราเองเพื่อความบันเทิงของขุนนางผิวขาวพวกนั้น เกียรติยศแบบไหนล่ะ?"

“....”

"ถ้านายรู้จักเกียรตินั้นจริงๆ นายคงตายไปแล้วล่ะ แต่ก็ไม่ใช่ใช่ไหม? นายยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? แล้วนายฆ่าไปกี่คนแล้ว? นายฆ่าคนไปเท่าไหร่เพื่อให้ตัวเองไปถึงจุดนั้น?"

ไคนิลเงียบ

“ฉันไม่ตำหนินายหรอกนะ เพราะนายก็เหมือนกันสำหรับฉัน จัดการกับคนของตัวเองเพื่อความอยู่รอด ดังนั้น เราจึงใช้ความกล้านั้นและสวมหัวโขนเป็นกลาดิเอเตอร์ระดับสูง”

“....”

"มันน่าเกลียดไหมที่จะพูดถึงเกียรติในขณะที่เน่าเฟะขนาดนี้?"

เขาหัวเราะ

มันเน่าไปหมดแล้ว

ถูกต้องมันเน่าเสียจนเน่าเปื่อยจนไม่เหลืออะไรเเล้ว

ไม่มีทางที่จะช่วยเหลือได้หรือกอบกู้กลับคืนมาได้

นี่เป็นสิ่งที่ฉันพูดกับตัวเองด้วย

ไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรืออะไรก็ตาม เขาก็ฆ่าคนอื่นๆเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ดี

เพราะความจริงนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง

"ฉันเข้าใจแล้ว"

ไคนิลพูดราวกับยอมแพ้

"นายพูดถูก เราทุกคนที่นี่เน่าเฟะไปหมดแล้ว เราขายเผ่าพันธุ์ของเราเพียงแค่เอาชีวิตรอด...เราไม่มีเกียรติ"

"..."

"มื้อของฉันคู่นี้เปื้อนเลือด มีเพื่อนสนิทที่เคยหัวเราะและพูดคุยกัน แต่กลับถูกฉันฆ่า ฉันฆ่าพวกเขาเอาชีวิตรอด มันเป็นเรื่องสกปรก ในขณะที่ตัวฉันเองยอมแพ้และพูดว่า 'ไม่มีทางเลือก'...ฉันฆ่าเพื่อนของฉันไปมากมาย"

เขารู้

เขาหวังว่าไคนิลจะตระหนักถึงสิ่งนี้เช่นกัน

จะดีกว่าไหมที่ขยะอย่างพวกเราจะหายไปอย่างรวดเร็ว

จะหนีไปทำไม?

สิ่งที่เขาเรียนรู้คือทักษะในการฆ่าคน

จะเป็นการดีกว่าถ้าขยะอย่างเราหายไปเร็วๆ

แล้วจะหนีไปทำไม?

เราขโมยของจากคนอ่อนแอและเติมเต็มท้องของฉัน

ไม่ต่างจากขุนนางผิวขาว

ถ้าอย่างนั้น...

"ถ้าอย่างนั้น!"

“...”

"ฉันอยากจะรู้บางอย่าง"

ชายคนนั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา

ดวงตาที่ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย

ความตั้งใจอันแน่วแน่เปล่งประกายในดวงตาของไคนิล

"สิ่งที่เราเรียนรู้คือทักษะการฆ่า เราใช้ชีวิตด้วยการฆ่าเพื่อนร่วมงานของเรา มันเป็นชีวิตที่น่าเกลียดไม่มีเกียรติใดๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันต้องการรู้ ฉันอยากจะรู้มัน!"

"รู้เรื่องอะไร?"

"ฉันอยากจะสร้างความหมายให้ชีวิตของฉัน ฉันต้องการให้ชีวิตของเรามีความหมาย! ถึงจะเป็นชีวิตขยะเน่าๆแบบนี้ แต่ตอนจบก็อย่าให้เป็นแบบนี้ได้ไหม! อย่างน้อยที่สุดในตอนท้าย ฉันก็อยากจะเชื่อว่าฉันสามารถแกว่งดาบเพื่อช่วยชีวิตใครบางคน ไม่ใช่เพื่อฆ่าคน!"

ปัง!

ไคนิลดึงกริชออกมาแล้วทิ่มลงบนโต๊ะไม้

มีแผนที่ติดอยู่ที่ปลายกริช

“นี่คือแผนที่ของเมืองนี้”

ไคนิลพูด

"ทางออกจากเมืองมีเพียงประตูทางทิศใต้เท่านั้น แต่กองกำลังของขุนนางผิวขาวก็ตั้งค่ายอยู่ที่นั่น แม้ว่าการทำลายล้างจะใกล้เข้ามา แต่ผู้คนไม่สามารถอพยพได้เพราะพวกมัน"

“นายมีตั้งใจที่จะทำอะไร?”

“ช่วยคน”

ช่วย?

คน?

เขามองไคนิลด้วยความงุนงง

สายตาของเขาไม่สั่นไหว

"ถ้าเราออกไปและถ่วงเวลา เราจะซื้อเวลาให้คนอื่นอพยพได้บ้าง นั่นคือแผนของฉัน"

“แทนที่จะวิ่งหนีไปเอง นายกลับเลือกที่จะถ่วงเวลางั้นเหรอ?”

"ใช่"

ไคนิลหายใจเข้าลึกๆ

"เราอาจจะตายที่นั่นก็ได้….”

"นายจะทำอย่างนั้นทั้งๆ ที่รู้เนี่ยนะ?"

"ใช่ พวกเราทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว เราได้กล่าวคำสาบานเป็นครั้งแรกในชีวิต แม้เราจะตาย...เราก็จะแกว่งดาบเพื่อช่วยชีวิต ไม่ใช่เพื่อฆ่า"

"..."

"ฉันจะไม่บังคับให้นายทำเช่นนั้น แต่ได้โปรด...ช่วยฉันให้หลบหนีจากที่นี้ด้วยเถอะนะ แล้วหลังจากนี้เราถ่วงเวลาให้เอง"

เขาฟังเเล้วก็หัวเราะออกมา

ไม่ใช่เพื่อฆ่า แต่เพื่อช่วย?

เขาไม่เชื่อคำพูดที่สวยหรู

'ถ้าไปอยู่ที่นั้นลูกจะมีความสุข เชื่อสิ'

ก่อนที่จะถูกขายเป็นทาส

'ฉันจะช่วยนาย เชื่อฉันสิ'

ก่อนที่จะโดนเอาเปรียบ..

คำพูดที่พวกเขาพูดยังคงลึกอยู่ในใจของเขา

แม้ว่าจะเป็นสิบกว่าปีที่แล้ว แต่มันก็ไม่หายไปจากใจ

เหล่ากลาดิเอเตอร์ที่อยู่ที่นี่จะมีนิสัยยังไงบ้างล่ะ?

พวกเขาทะเลาะกันโดยการทรยศและสมรู้ร่วมคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

พวกเขามักจะพูดถึงความภักดี คำสัญญา และทำข้อตกลงกันเสมอ

แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นเช่นนี้

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด