บทที่ 20
คนเรามักชอบทำตามคนหมู่มาก
เมื่อกลุ่มคนวัยป้าๆ ที่ดูชำนาญในเรื่องการจับจ่ายซื้อของในตลาด ต่างพากันมุงล้อมรอบตะกร้าขายผักเล็กๆ เพื่อแย่งกันซื้อ ใครก็ตามที่ผ่านมาเห็นก็ต้องหยุดชะงักและเดินวกกลับมาดูร้านขายผักป่าของซ่งถานทั้งนั้น
ซ่งถานรู้สึกเพียงว่าการรับชำระเงินผ่าน QR Code หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดเลย และมือก็สาละวนหยิบผักใส่ถุงจนพันกันไปหมด
คนนี้ต้องการต้นหอมป่า คนนั้นต้องการผักกาดหอม อีกคนต้องการผักโขมจีน...อีกคนต้องการผักโขมป่า
โชคดีที่เธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน จึงมีปฏิกิริยาที่ว่องไว ไม่เช่นนั้นหากเป็นการขายผักครั้งแรกแล้วเจอสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงถูกคนอื่นแอบขโมยหยิบผักสดไปโดยไม่รู้ตัว
เฉียวเฉียวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากที่ได้ดึงถุงพลาสติกส่ายไปมาเพื่อเปิดปากถุง แล้วส่งให้พี่สาว เขาเล่นอย่างสนุกสนาน ย่อมต้องไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย แต่การเปิดปากถุงนั้นสนุกจริงๆ
"เฉียวเฉียว ประกาศหน่อย บอกว่าผักโขมป่าขายหมดแล้ว"
"อืม"
เขาจึงวางถุงลงอย่างว่าง่าย ยืนตัวตรง แล้วประสานมือไว้ที่ปาก "ผักโขมป่า…..หมดแล้ว!
เมื่อประกาศไปเช่นนั้น ผู้ที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังซึ่งยังไม่ได้ซื้อก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ "หมดแล้วได้ยังไง ฉันรอซื้อตั้งนานอุตส่าห์กะว่าจะเอาไปห่อเกี๊ยวที่บ้านสักหน่อย" แล้วก็ยังพยายามดันทุรังเบียดตัวจะไปอยู่แถวหน้าสุดให้ได้
ไม่มีปลา กุ้งก็ยังดี!
ในขณะที่ลูกค้าซึ่งอยู่ไกลออกไปได้ยินว่า อะไรนะ เดี๋ยวนี้มีคนขายผักโขมป่าด้วยเหรอ ขายที่ไหนน่ะเธอ ขายหมดแล้วเหรอ บ้าน่า! ผักโขมป่าคงดีมากแน่ๆ! เดี๋ยวฉันต้องรีบไปดูก่อน ไปจำแผงขายไว้เร็วพวกเราอยู่ตรงไหน พรุ่งนี้จะได้มาแต่เช้า
ดังนั้นเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น คนที่กองอยู่หน้าร้านขายผักสดก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เฉียวเฉียวจึงพูดด้วยความเศร้าว่า "พี่สาว ถุงหมดแล้ว"
ลูกค้าในตอนนี้จะยังสนใจเรื่องถุงอยู่เหรอ "ไม่เป็นไร ฉันมีถุง เอาผักกำนั้นให้ฉันเร็วๆ เลย กำข้างๆ นั่นน่ะ ฉันสแกนจ่ายเงินแล้ว"
"ฉันมีเงินสด เอาสองกำ หกสิบหยวน"
เฉียวเฉียวรับเงินมาด้วยความดีใจ แล้วพูดเสียงดังว่า "ผมรับเงินแล้ว! "
โอ้โห หนุ่มน้อยคนนี้น่ารักจังเลย คุณป้าจึงยิ่งอ่อนโยนกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นาน จู่ๆ เฉียวเฉียวก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง "ต้นหอมหมดแล้ว! "
ต่อมาคือผักเบี้ยใหญ่
จนกระทั่งสุดท้ายเหลือผักกาดหอมสามมัด แผงขายผักตรงหน้าก็เงียบลงในที่สุด ซ่งถานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อมองไปที่เฉียวเฉียว เธอก็เห็นเขาจ้องมองเด็กที่กำลังเป่าฟองสบู่อยู่ข้างหน้า พร้อมกับมองซ่งถานด้วยความคาดหวัง
ซ่งถานยิ้ม "เฉียวเฉียวเก่งมาก วันนี้ช่วยได้เยอะเลย มาดูกันซิว่าได้เงินเท่าไหร่"
เฉียวเฉียวรีบควักเงินทั้งหมดในกระเป๋าออกมา เป็นเงินจิปาถะรวมกันได้พันห้าร้อยกว่าหยวน ตลาดนัดยังมีคนใช้จ่ายเงินสดอยู่เยอะแยะมากมาย
"โอ้โห เยี่ยมเลย"
ซ่งถานแบ่งเงินให้เขาไปสี่สิบหยวน "เอาไปและอย่าไปไหนไกลนะ แถวนี้มีอะไรที่ชอบก็ซื้อได้" มีลมปราณจากวิชาเซียนคอยดูแลอยู่ก็อุ่นใจขึ้น ไม่งั้นเด็กซื่อๆ อย่างเขาคงจะอันตรายมากถ้าปล่อยให้เดินเตร่ไปไหนมาไหน
เฉียวเฉียวรับเงินก้อนโตมา หัวใจก็เต้นรัวเร็ว ปกติเขาช่วยงานบ้านแต่ก็ไม่เคยได้เงินเยอะขนาดนี้มาก่อน จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องการบวกลบคูณหารเท่าไรนัก ที่หมู่บ้านเองก็ไม่มีเด็กในวัยเดียวกันสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงแทบไม่ได้เข้าสังคมเลย
แต่ซ่งถานเดิมทีก็ตั้งใจพาเขามาฝึกฝนการใช้ชีวิตในเมืองเพิ่มเติมอยู่แล้วด้วย เมื่อกี้ให้เงินไปสี่สิบหยวนก็ถือว่าตามใจเขาด้วยเลยแล้วกัน ร้านขายของชำในหมู่บ้านหยุนเฉียวมีขนมขายน้อยมาก ยิ่งของเล่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
"แต่ถ้าเงินไม่พอก็ไม่ได้แล้วนะ ห้ามไปไหนไกลด้วย"
ริมแม่น้ำแห่งนี้ ตอนเช้ามีคนมาขายของขวักไขว่กันมากมาย ตอนเย็นก็มีคนมานั่งเล่นสูดอากาศธรรมชาติ ย่อมต้องมีของขายเอาใจเด็กๆ ด้วย สายตาของเฉียวเฉียวสลับมองไปที่กังหันลมสีสันสดใสบ้าง มองไปที่เครื่องเป่าฟองสบู่บ้าง และยังมีเด็กๆ ที่กำลังกินขนมท่าทางน่าอร่อย ทันใดนั้นเขาก็ขยับเท้าไม่ออกเพราะตื่นเต้นจนเลือกไม่ถูก
ซ่งถานมองโทรศัพท์มือถือของเธอเพื่อนับเงิน ผักสด 77 มัด เหลือผักกาดหอมอีกสามมัด
เงินสด 1,560 หยวน โอนเงินผ่านมือถือ 750 หยวน
พอลองดูกลุ่มไลน์ QR Code ที่ให้ลูกค้าไปกันก่อนหน้านี้ ก็น่าเสียดายที่คุณป้าเก่งในการเลือกผักสดก็จริง แต่การสแกน QR Code เพื่อเข้ากลุ่มนั้นดูยากและลำบากเกินไปสำหรับพวกเขา ปัจจุบันในกลุ่มมีเพียง 15 คนเท่านั้น
แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเช่นกัน!
ซ่งถานตั้งค่ากลุ่มและโพสต์ประกาศ
“ขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ช่วยอุดหนุนผักป่าในเช้าวันนี้นะคะ หากไม่อร่อยรับประกันคืนเงิน! โปรดวางใจ นอกจากนี้ จะมีการแจ้งล่วงหน้าในกลุ่มก่อนการขายผักทุกครั้ง หวังว่าทุกคนจะไม่พลาดนะคะ...”
ยังไม่ทันได้โพสต์ออกไป ก็ได้ยินเสียงที่ไม่น่าเชื่อดังจากข้างๆ ตัวเธอ “ซ่งถาน?”
ซ่งถานเงยหน้าขึ้นมา เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเกาะแขนชายหนุ่มอยู่ สายตาเหลือบมองเธอด้วยความประหลาดใจ
ซ่งถานคิดอยู่นานกว่าจะนึกออกว่าคนคนนี้คือใคร “อู่เฉียนเฉียน!”
เพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของเธอ
“ใช่” อู่เฉียนเฉียนมองชุดของเธอและเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดเก่า รองเท้าผ้าใบ และผมยาวที่รวบง่ายๆ ด้วยหนังยางสีดำ ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอาง แม้ว่าผิวจะเนียนไร้ที่ติ แต่ใบหน้าก็ดูสบายตาและสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ...
แต่จะมีประโยชน์อะไรล่ะ
ดูสิ ในเมื่อตอนนี้เธอกลับต้องมาพกตะกร้าใบใหญ่ๆ เสื้อผ้าติดเศษใบไม้เศษดินคลุกกับตัวจนมอมแมมไปหมด รวมถึงผักกาดหอมสามมัดที่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรกันแน่ด้วย
คิดไปมาก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผักที่เหลือจากการขาย…
แววตาของอู่เฉียนเฉียนแสดงความไม่น่าเชื่อและความเห็นใจอย่างสุดซึ้งแก่เพื่อนเธอ “ฉันได้ยินมาว่าเธอทำงานที่หนิงเฉิง แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาขายผักที่ตลาดได้ล่ะ?”
ตอนนั้นซ่งถานรูปร่างหน้าตาดีและสวยงาม อีกทั้งยังอ่อนโยนอีกด้วย นักเรียนชายหลายคนในชั้นเรียนจึงปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพอ่อนโยนด้วยตลอด ตรงกันข้ามกับอู่เฉียนเฉียนที่ค่อนข้างเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ดังนั้นเธอจึงมักต่อว่าทุกคนและชอบดูถูกซ่งถานอยู่เสมอ กระทั่งเมื่อจบชั้นมัธยมปลายต่างคนจึงต่างแยกย้ายไปตามสายการเรียนของตัวเอง เธอได้เข้าเรียนในระดับชั้นมหาวิทยาลัยในเมืองข้างๆ ทำให้มีโอกาสได้พบเจอชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยกันตอนนี้ และคบหากับแฟนหนุ่มคนนั้นเรื่อยมาจนถึงในปัจจุบัน
และไหนๆ เขาก็แวะมาเที่ยวถึงถิ่นบ้านเธอแล้ว อู่เฉียนเฉียนจึงตั้งใจทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี พาแฟนหนุ่มมาเดินเล่นที่ตลาดสดตอนเช้าในวันนี้
แต่คาดไม่ถึง ไม่คิดเลยว่าจะ ‘เซอร์ไพรส์’ ได้เจอเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนอย่างซ่งถาน
ซ่งถานยิ้มเล็กน้อย "ใช่ อยู่ในเมืองหลวงมันกดดันเกินไปน่ะ ฉันเลยลองกลับบ้านมาอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า นี่..สนใจซื้อผักไปด้วยเลยไหม ผักกาดหอมเพิ่งจะเก็บมาเมื่อวานยังสดๆ อยู่เลยนะ อร่อยมากเลยเธอลองเอาไปทำอาหารที่บ้านดูสิ"
เธอพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา กลับทำให้อู่เฉียนเฉียนอึ้งไป แต่เเฟนหนุ่มของเธอ กลับมองผักในตะกร้าอย่างจริงจัง "นี่คือผักกาดหอมเหรอครับ กินยังไง อร่อยไหม"
ซ่งถานยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ เฉียวเฉียวก็วิ่งกลับมาแต่ไกลพร้อมกังหันลมสีสันสดใส เมื่อเห็นว่ามีคนจะซื้อผักก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น "อร่อย อร่อยมากเลย เฉียวเฉียวกินได้ตั้งสามชามเลย"
ไม่ว่าจะเป็นผักกาดขาวหรือผักกาดหอม ในสายตาของเขามันก็อร่อยเหมือนกันทั้งหมด ดวงตาของเขามีความไร้เดียงสาอย่างบริสุทธิ์ เเละเมื่อยิ้มก็ยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กน้อยห้าหกขวบมากขึ้นไปอีก ทำให้บนใบหน้าอู่เฉียนเฉียนยิ่งแสดงท่าทีสงสารเพื่อนเธอมากขึ้น "อ๋อ ใช่ ตอนเรียนเธอบอกว่ามีน้องชายอยู่คนหนึ่ง สมองไม่ค่อย..."
ยังไม่ทันพูดจบ แฟนหนุ่มข้างๆ เธอก็ ‘ไอ’ กระแอมออกมาขัดจังหวะ อู่เฉียนเฉียนจึงรีบหุบปากลงทันที เเละยิ้มอย่างเกรงใจ จากนั้นเขาก็ใช้ปลายนิ้วคีบหญ้าที่มัดผักกาดหอมขึ้นมาอย่างทำท่ารังเกียจเล็กน้อย เเละยกขึ้นมาดู
"จริงๆ ก็ไม่ง่ายเลยนะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าชนบทมักจะลำเอียงรักลูกชายมากกว่าลูกสาว...เอ่อ ไม่ครับๆ ผมหมายความว่า อ่า..เดี๋ยวเอาผักทั้งหมดนี่แหละ"
เเต่ซ่งถานกลับไม่สนใจ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการโดนเหน็บแนมเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การบำเพ็ญเพียรมาเป็นร้อยปี ฝึกจิตใจเธอให้ไม่รู้สึกอ่อนไหวอะไรง่ายๆ มานานมากแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงปฏิบัติต่อแฟนหนุ่มของอู่เฉียนเฉียนเสมือนลูกค้าคนหนึ่งทั่วไปเท่านั้น
"ไม่จำเป็นต้องซื้อสามมัดหรอกค่ะ ผักกาดหอมเป็นผักป่า คนที่ไม่เคยกินอาจจะทำไม่อร่อย ถ้าคุณอยากลองชิมดู ซื้อไปเเค่มัดเดียวก็พอมั้งคะ กลับบ้านไปทอดพริกไทยน้ำมัน ใช้ซอสพริก เกลือ น้ำส้มสายชู อีกนิดหน่อย ลวกน้ำร้อนแล้วคลุก..."
แฟนหนุ่มที่อยู่ข้างๆ อู่เฉียนเฉียนฟังอย่างตั้งใจ จนอยู่ดีๆ ก็เริ่มเคลิบเคลิ้มรู้สึกอยากกินขึ้นมาเล็กน้อยเสียอย่างนั้น
"ได้ครับ…งั้นเราเอาไปมัดนึงเนอะ ลองชิมดู ราคาเท่าไหร่ครับ"