บทที่ 9 ข่าวลือ (I)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 9 ข่าวลือ (I)
สัญญาเงินกู้?
ฉู่เทียนเฟิงรับแผ่นไม้ไผ่มา มันมีความยาวเพียงหนึ่งนิ้วมือ เรียบเนียนราวกับหยก และรู้สึกสบายมากเมื่อถือไว้ในฝ่ามือ เพียงแค่เหลือบมอง เขาก็สามารถอ่านข้อความทั้งหมดที่เขียนอยู่บนนั้นได้
‘ในวันนี้ ฉู่เทียนเฟิงเป็นหนี้หินวิญญาณระดับหกจำนวน 5 ชิ้น และหินวิญญาณขั้นหนึ่งจำนวน 9 ชิ้น กำหนดเวลาชำระคือหนึ่งเดือน และทุก ๆ เดือนที่เกินกำหนดจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 50 เท่า'
นี่เป็นสัญญาเงินกู้แผ่นแรกที่ท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนเคยเห็นในชีวิตของเขา
มันคล้ายกับมีเสียง ‘แกร็ก’ ดังขึ้นมา ความตื่นเต้นและความชื่นชมที่เพิ่งจะจุดประกายขึ้นในใจของเขาได้ถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นเชิง เขาขบฟันแน่นแล้วทิ้งอารมณ์ทุกอย่างของเขาไว้บนแผ่นไม้ไผ่
ฉู่เทียนเฟิงคืนแผ่นไม้ไผ่ให้กับเหมิงฉี จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินไปยังเขตที่พักอาศัยของหุบเขาชิงเฟิง
เหมิงฉีเก็บแผ่นไม้ไผ่คืนเข้ากำไลเก็บของของนาง นางไม่ได้จากไปในทันที หลังจากกินโอสถบำรุงพลังวสันต์อีกเม็ดหนึ่ง นางนั่งไขว่ห้างข้างทะเลสาบเย็นยะเยือก การรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนได้ใช้พลังงานของนางไปมาก แต่นางก็ได้รับอะไรมามากเช่นกัน โลกใบนี้ไม่เคยสงบสุขสักนิดเดียว ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
...
ดวงจันทร์เคลื่อนตัว และดวงดาวเอียง จากนั้นวันใหม่ก็มาถึง ขนตาที่ยาวของเหมิงฉีกะพริบสองครั้งแล้วค่อย ๆ เปิดตาขึ้น แสงแดดส่องลงบนแก้มขาวของนาง
เมื่อวานนางใช้พลังวิญญาณซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหมดสิ้น จากนั้นรอจนกว่ามันจะเติมเต็มก่อนที่จะทำให้มันว่างเปล่าอีกครั้ง อาจเพราะคู่ต่อสู้ของนางก็คือพิษจากสัตว์อสูรขั้นห้า หลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืน พลังของนางซึ่งเดิมอยู่ในขั้นแปดของขั้นกลั่นพลังลมปราณก็มาถึงจุดสูงสุด มันเลื่อนขั้นโดยตรงมาสู่ระดับเก้า
เหมิงฉีพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและลุกขึ้นยืน พิษของฉู่เทียนเฟิงยังไม่หายขาด นางต้องการสมุนไพรหลายชนิด ซึ่งสามารถพบได้ในบริเวณภูเขารอบ ๆ หุบเขาชิงเฟิง ใกล้กับชายแดนอาณาจักรมาร
ตอนนี้พื้นที่นั้นยังสามารถสำรวจได้อย่างปลอดภัย
เหมิงฉีเคยทำการรักษาที่คล้ายคลึงกันแบบนี้ในชีวิตก่อนของนาง แต่ในเวลานั้น นางไม่มีประสบการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น คาถาชิงเฟิงของนางยังต่ำกว่าในชีวิตปัจจุบันหนึ่งระดับ ดังนั้นนางจึงใช้เวลาสิบวันสิบคืนในการรักษาฉู่เทียนเฟิง ส่วนครั้งนี้มันใช้เวลาไปเพียงห้าวันเท่านั้น
แต่ก่อนอื่น เหมิงฉีกลับไปที่สำนัก หุบเขาชิงเฟิงเงียบสงบสุขยิ่ง ก่อนเที่ยงเป็นเวลาสำหรับห้องเรียนตอนเช้า และเหล่าศิษย์ก็ฝึกฝนกันเป็นรายบุคคล เหมิงฉีมีบ้านไผ่เล็ก ๆ ส่วนตัวตั้งอยู่ครึ่งทางไปยังยอดเขา
นางเก็บสัมภาระเดินทางง่าย ๆ ของนางและเตรียมที่จะไปหาสมุนไพร ทันทีที่นางออกไป ศิษย์พี่หญิงของนางอย่างหลานจูฉวนก็หยุดนางไว้
"ศิษย์น้องเหมิง" หลานจูฉวนกอดอกและสำรวจเหมิงฉีตั้งแต่หัวจรดเท้า "เจ้าไม่ได้กลับมาเมื่อคืนนี้เหรอ?"
สายตาของนางจับจ้องไปที่อาภรณ์สีน้ำเงินบนร่างของเหมิงฉี หลานจูฉวนยกริมฝีปากขึ้นและหัวเราะอย่างสะใจ: "ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้ ท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนกลับมาคนเดียว"
"งั้นเหรอ?" เหมิงฉีตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"ใช่แล้ว" หลานจูฉวนกลอกตา "ทันทีที่เขากลับมา เขาก็ไปเยี่ยมศิษย์น้องลู่ชิงหรันทันที"
"เจ้ารู้ไหม ศิษย์น้องลู่ยังไม่ตื่นเลย และคุณชายฉู่ก็อยู่ข้าง ๆ นางตลอดทั้งคืน" นางกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม "ทุกคนบอกว่าคุณชายฉู่ชอบศิษย์น้องลู่จริง ๆ "
"อืม" เหมิงฉีพยักหน้า แน่นอน นางก็รู้เรื่องนั้น มิเช่นนั้นนางคงไม่รีดไถฉู่เทียนเฟิงเป็นสิบเท่าของราคาปกติหรอก
"ศิษย์น้องจะไปที่ไหน?" ใบหน้านิ่งเฉยของเหมิงฉีทำให้หลานจูฉวนรำคาญ "อย่าบอกว่าไม่ได้ยินที่ศิษย์พี่คนนี้บอกเจ้า ตอนนี้ท่านชายฉู่ยังคงพักอยู่ในห้องของศิษย์น้องลู่ แม้ว่าเจ้าจะไปตามหาเขา ข้าเกรงว่าเจ้าจะทำให้เขารำคาญเท่านั้น"
หลานจูฉวนเชิดคางขึ้น "ดูเหมือนว่าศิษย์น้องยังไม่สามารถรักษาท่านชายฉู่ได้สินะ ข้าได้ยินเจ้าสำนักและท่านผู้อาวุโสเหยียนพูดว่าท่านชายยังคงโดนพิษอยู่"
"ศิษย์น้องฉลาดจริง ๆ ในตอนนั้นเมื่อเจ้าก้าวออกมา ไม่ว่าเจ้าจะสามารถรักษาท่านชายฉู่ได้หรือไม่ เขาก็จะประทับใจในตัวเจ้า แค่เพียงว่า…" หลานจูฉวนหัวเราะ: "ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นความประทับใจที่ดีหรือไม่ดีกันแน่?"
"ศิษย์พี่หลาน" เหมิงฉีเข้าใจความตั้งใจของนางอย่างถ่องแท้ "สามภพนี้เต็มไปด้วยอันตราย หากท่านมีเวลา ศิษย์พี่ควรจดจ่อกับการฝึกบำเพ็ญเพียรพลังและทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น"
นางกล่าวเสริมด้วยความจริงใจ: "มิเช่นนั้น ท่านจะอยู่รอดในอนาคตได้ยาก"
เหมิงฉีพยักหน้าให้หลานจูฉวน "ข้ามีธุระต้องไป ดังนั้นข้าคงต้องออกจากสำนักไปหนึ่งวัน ข้าขอตัว"
"ฮึ่ม!" หลานจูฉวนมองไปที่ด้านหลังของเหมิงฉี "นางเป็นอะไรของนางกัน?!"
นางเม้มริมฝีปากและเล่นผมของนาง ในใจของหลานจูฉวนมั่นใจว่าศิษย์น้องคนนี้ไม่สามารถรักษาท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนได้ สีหน้าของชายหนุ่มดูไม่ดีขึ้นเลย
แสดงว่าเขาอาจกำลังตำหนิเหมิงฉีอยู่ ดังนั้นในยามที่อีกฝ่ายยังอยู่ในสำนักนี้ นางจึงอับอายเกินกว่าที่จะเผชิญหน้ากับเขา จึงคิดออกไปหลบซ่อนสินะ
หลานจูฉวนบี้ปาก นางจะไม่ยอมให้มันเป็นไปตามความตั้งใจของเหมิงฉี นางหันหลังกลับ และหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็พบกับศิษย์ชายคนหนึ่ง ทั้งสองคนค่อนข้างคุ้นเคย หลังจากทักทายกันอย่างเรียบง่าย หลานจูฉวนก็พูดขึ้นทันที: "ข้าเห็นศิษย์น้องเหมิงฉีรีบออกจากสำนัก เจ้ารู้ไหมว่านางจะไปที่ไหน?"
นางแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและพูดต่อ: "ข้ามีเรื่องต้องหาศิษย์น้องเหมิง แต่ถึงข้าจะเรียกนางหลายครั้ง นางก็ไม่หยุด"
"ข้าไม่รู้" ศิษย์ชายส่ายหัว
"ไม่ใช่ว่า…" หลานจูฉวนกระพริบตา "เพราะเจ้าสำนักและท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนรู้ว่านางโกหกพวกเขา นางจึงกลัวและหนีไปเพื่อหลีกเลี่ยงการตำหนิหรือ?"
"เหอะ" ศิษย์คนนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "ก็อาจเป็นไปได้จริง ๆ สองวันก่อน ข้าเห็นศิษย์น้องเหมิงฉีมั่นใจมาก ถึงขั้นลุกขึ้นยืนและบอกว่านางต้องการรับค่าตอบแทน ข้าจนเผลอคิดว่านางมีความสามารถจริง ๆ ไปแล้ว"
"เฮ้อ! อย่าพูดแบบนั้นสิ ท่านผู้อาวุโสเหยียนนั้นภูมิใจในพรสวรรค์ของศิษย์น้องเราเชียวนะไม่ใช่หรือ? บางทีนางอาจจะคิดจริง ๆ ว่าผู้ฝึกตนระดับกลั่นพลังลมปราณสามารถรักษาพิษที่ทำให้เจ้าสำนักของเราหมดหนทางได้"
"ฮ่า ๆ ข้าว่านางกำลังหมายตาท่านชายฉู่อยู่ต่างหาก ท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนนั้นทั้งหล่อเหลาและมาจากสำนักใหญ่ ไม่แปลกใจที่นางจะหลงใหลเขาถึงขั้นทำเช่นนี้"
"ข้าไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องจะเป็นคนแบบนั้น … " ทั้งสองยังคงพูดคุยกันไปเรื่อย ๆ
เหมิงฉีไม่รู้ว่าในเวลาเพียงหนึ่งวันที่นางไม่อยู่ นางกลายเป็นผู้หญิงไร้ยางอายที่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับท่านชายน้อยแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนโดยหลอกลวงเขาและเจ้าสำนัก ข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วหุบเขาชิงเฟิงในทันที