ตอนที่แล้วบทที่ 7 จงลงชื่อในสัญญา (I)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ข่าวลือ (I)

บทที่ 8 – จงลงชื่อในสัญญา (II)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 8 – จงลงชื่อในสัญญา (II)

เมื่อเหมิงฉีลืมตาขึ้น ก็เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวทรมานของฉู่เทียนเฟิง นางไม่พูดอะไรแต่วางมือลงบนบ่าของเขาอีกครั้ง พวกเขาทำขั้นตอนนี้ซ้ำไปซ้ำมา เหมิงฉีขจัดพิษให้เขา จากนั้นก็ฟื้นฟูพลังลมปราณของตัวเอง ขั้นตอนที่น่าเบื่อและจำเจนี้กลายเป็นความเคยชินของนางไปนานแล้ว

ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ดูเหมือนจะเดินช้ามากเช่นกัน ดวงดาวสุกสกาวนับไม่ถ้วนเต็มท้องฟ้าภูเขา จากนั้นดวงอาทิตย์ก็ขึ้นอีกครั้ง วันใหม่มาถึงอย่างช้าๆ หนึ่งวันหนึ่งคืนก็ผ่านไปเช่นนี้

ฉู่เทียนเฟิงยังคงต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดราวกับเข็มหมื่นเล่มทิ่มแทงในทุกชั่วยาม แต่ในช่วงเวลานั้น เหมิงฉีก็ทายาสมุนไพรแล้วใช้คาถาชิงเฟิงที่บ่าของเขาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ

นางบรรเทาความเจ็บปวดของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ละครั้งความเจ็บปวดจากพิษก็ทุเลาลงกว่าเดิม

ในท้ายที่สุด ฉู่เทียนเฟิงสามารถใช้ความเย็นจากบ่อเหมันต์เพื่อต้านทานความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้ากระดูกโดยไม่ต้องกัดฟันด้วยซ้ำ

"พิษของท่านถูกขจัดไปแล้วครึ่งหนึ่ง" เหมิงฉีกล่าวพลางถอนมือของนางออก นางเซเล็กน้อยเมื่อยืนขึ้น เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยล้า ทว่าสีหน้าของนางผ่อนคลายลง

"ข้าไม่มีสมุนไพรที่เหลือที่ท่านต้องการ สำนักก็ไม่มีเช่นกัน" เหมิงฉียืนอยู่ข้างบ่อเหมันต์ "ยามนี้ท่านขึ้นมาได้แล้ว"

หลังจากนั้น เหมิงฉีก็เหยียดแขนขาและขยับร่างกาย หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ ถึงแม้จะยากลำบาก แต่การเก็บเกี่ยวของนางก็ยังมากโข

คาถาชิงเฟิงของนางที่เดิมทีอยู่ในขั้นที่สี่ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะนางใช้มันกับพิษขั้นห้ากระมัง

สายตาของเหมิงฉีมีร่องรอยของความเสียดายเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ฉู่เทียนเฟิง

เมื่อคาถาถึงขั้นที่สาม การเลื่อนขั้นสูงขึ้นไปอีกก็ยากมาก จากขั้นแรกไปสู่ขั้นที่สองอาจใช้เวลาเพียงครึ่งเดือน จากขั้นที่สองไปสู่ขั้นที่สามอาจใช้เวลาถึงสองเดือน

หากเหมิงฉีไม่มีประสบการณ์จากชาติก่อน ทำให้เกิดความเข้าใจในคาถาขั้นต่ำเหล่านี้ไปแล้ว ถึงนางจะฝึกฝนคาถาทั้งวันทั้งคืนโดยไม่สนใจพลังลมปราณของตัวเอง ก็อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามปีกว่าจะไปถึงขั้นสี่ และการไปให้ถึงเหนือขั้นที่สี่นั้นก็ยิ่งยากยิ่งกว่า

แต่คราวนี้ เพื่อรักษาพิษของฉู่เทียนเฟิง เหมิงฉีรู้สึกว่าคาถาชิงเฟิงของนางได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ด้วยความก้าวหน้านี้ นางอาจจะก้าวทะลวงอีกขั้นได้ภายในครึ่งเดือน

ฉู่เทียนเฟิงกลับขึ้นมาบนพื้นดินแล้ว ในสภาพที่ยังเปลือยท่อนบน ร่างกายของชายหนุ่มผอมเพรียวและตรง สวมอาภรณ์กลับไปอย่างเงียบ ๆ

อาภรณ์สีดำของเขาก็เป็นสมบัติวิเศษเช่นกัน ที่เขารอดจากกรงเล็บของอสูรร้ายได้ เพราะส่วนใหญ่อาภรณ์คลุมที่บิดาของเขามอบให้

ฉู่เทียนเฟิงเหลือบมองเหมิงฉี หนึ่งวันหนึ่งคืนที่พวกเขาใช้ร่วมกันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก

เมื่อวันก่อนตอนที่เขามาที่นี่ เขายังดูถูกเยาะเย้ยนางอย่างเต็มที่ เขาแค่อยากรู้ว่าสตรีผู้รักเงินตราผู้นี้จะเล่นกลอันใด หรือว่ามันเป็นเพียงอีกวิธีหนึ่งที่จะใช้ดึงดูดความสนใจของเขา?

ในตอนนั้น เขามั่นใจว่าเหมิงฉีไม่สามารถรักษาเขาได้

แต่ตอนนี้….

ฉู่เทียนเฟิงไม่รู้จะพูดอะไร

...นางรักษาเขาได้จริง ๆ

หากฉู่เทียนเฟิงยังไม่เข้าใจจุดนี้ เขาก็ไม่คู่ควรกับตำแหน่งท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียน

"เจ้า..." ฉู่เทียนเฟิงเม้มริมฝีปากแห้งของเขา ด้วยแรงกระตุ้นฉับพลัน เขาพูดว่า "เจ้าอยากมาวังสวรรค์เฟินเทียนหรือไม่?"

"เอ๊ะ?" เหมิงฉีหันศีรษะและมองไปที่ฉู่เทียนเฟิงด้วยความประหลาดใจ แน่นอนว่านางรู้จักวังสวรรค์เฟินเทียน สำนักหนึ่งในสิบขั้นแรกของแดนตะวันออก แตกต่างกับหุบเขาชิงเฟิงเหมือนฟ้ากับดิน

"มีผู้อาวุโสในสำนักของเราเชี่ยวชาญในการบำเพ็ญเพียรทางการแพทย์และเป็นที่เคารพนับถือของสำนักอื่น ๆ ด้วย" ถึงแม้จะเสียใจอยู่บ้าง แต่ฉู่เทียนเฟิงก็กัดฟันพูดต่อ "ถ้าเจ้าต้องการ ข้าสามารถแนะนำเจ้าได้"

เนื่องจากเขาเป็นท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียน เขาจึงมีสิทธิ์นี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในฐานะเจ้าสำนักในอนาคต ฉู่เทียนเฟิงไม่ต้องกังวลเรื่องในสำนักและเพียงแค่ตั้งใจฝึกฝนของตนก็พอ

แต่ตอนนี้ เขากลับรู้สึกจริง ๆ ว่าเหมิงฉีควรค่าแก่การถูกชักชวน เขาเป็นถึงท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียน เขาย่อมรู้ดีว่าการที่ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นพลังลมปราณสามารถขจัดพิษจากอสูรร้ายขั้นห้ามีค่าเพียงใด

ฉู่เทียนเฟิงเริ่มรู้สึกคิดว่าเรื่องนี้มันเหมาะสมยิ่ง เมื่อเขาพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก็ตื่ดูนเต้นเล็กน้อย: "มีคาถานับไม่ถ้วนพร้อมให้ศึกษาในวังสวรรค์เฟินเทียน และเรายังมีห้องสมุดทางการแพทย์โดยเฉพาะ หลังจากเจ้าเข้าร่วมสำนักของเราแล้ว เจ้าสามารถอ่านมันได้หมดเลย"

"ว่ายังไงนะเจ้าคะ?" ชั่วขณะหนึ่ง เหมิงฉีรู้สึกหวั่นไหว ผลประโยชน์ที่หัวหน้าสำนักสามารถมอบให้กับนางได้นั้นมีค่าอย่างยิ่ง

แต่...

นั่นก็ต่อเมื่อนางมีโชคที่จะไปถึงเท่านั้น

เหมิงฉีหยิบไม้ไผ่ออกมาจากอาภรณ์และเขียนบางอย่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็ยื่นไม้ไผ่นั้นให้กับฉู่เทียนเฟิง ผู้ซึ่งกำลังมองนางด้วยสายตาสงสัย

"ข้ารู้ว่าท่านไม่สามารถนำหินวิญญาณจำนวนมากออกมาได้ในตอนนี้" เหมิงฉีกล่าว หินวิญญาณขั้นห้าจำนวนห้าก้อนไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ และอุปกรณ์เก็บของของฉู่เทียนเฟิงถูกทำลายโดยอสูรร้ายไปแล้ว "เช่นนั้นช่วยลงชื่อในใบยืมเงินนี่ก่อนเถิด"

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด