บทที่ 78: การขยายตัว (7)
บทที่ 78: การขยายตัว (7)
"······ไม่โอเคเหรอครับ?"
จากคำตอบที่หนักแน่นของรยูจองมิน ผู้กำกับควอนกีแท็กก็ได้แต่เกาคางด้วยความสงสัยและกอดอกมองอย่างจริงจัง
"คุณกำลังบอกว่าการที่คุณมาแสดงนี้เหมือนกำลังฝืนตัวเองงั้นเหรอครับ?"
"คุณจะมองแบบนั้นก็ได้ พูดตามตรง ผมน่ะมีความกังวลมากมายในใจ"
"แต่คุณมาแสดงเรื่องนี้เพราะมันคืองานของผมงั้นสินะ? คนแบบคุณไม่น่าจะมีความทะเยอทะยานจนสนแค่เรื่องว่าใครคนไหนเป็นผู้กำกับชื่อดังไม่ใช่เหรอ?"
เมื่อถูกถามคำถามนี้ รยูจองมินก็ยืดตัวตรงและนึกถึงช่วงเวลาถ่ายทำที่ผ่านมากับวูจิน
"······"
ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็พูดอีกครั้ง
"ผู้กำกับครับ เมื่อนักแสดงรู้สึกถึงขีดจำกัดของความสามารถในช่วงต้นอาชีพการงาน พวกเขาจะเลือกที่จะฝ่าฟันมัน พวกเขาเต็มไปด้วยพลัง ผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อการงานเริ่มเข้าที่เข้าทาง แทนที่จะฝ่าฟันมันอีกคร้ง พวกเขามักจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อถึงขีดจำกัด มันเหมือนความรู้สึกพ่ายแพ้อะไรทำนองนั้นแหละมั้งครับ?"
"···อืม"
"แต่ทุกคนต่างมองว่าผมเป็นนักแสดงอันดับต้นๆ ความกลัวความล้มเหลวและความรู้สึกสูญเสียของผมมันจึงเหมือนขยายใหญ่ขึ้น ปัญหาคือเมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้เข้าสู่สถานะที่เหมือนถึงขีดจำกัดอีกแล้ว ซึ่งคนที่กระตุ้นมันก็คือสัตว์ประหลาดที่แกล้งทำเป็นมือใหม่"
รยูจองมินยิ้มแหยๆ
"อดีตของสัตว์ประหลาดตัวนั้นผมไม่รู้อะไรมากนักหรอก แม้ว่าอาชีพนักแสดงของเขาในเกาหลีจะน้อยกว่าผมมาก แต่ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาก็เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถทำลายอาชีพการงานทั้งหมดของผมได้"
"คุณกำลังพูดถึงวูจินอยู่สินะ"
"คุณถามว่าผมโอเคจริงๆ ไหม ใช่ไหมครับ? คังวูจิน เขาน่ะเก่งกาจ จนผมมองไม่เห็นขีดจำกัดของเขา ทุกครั้งที่เจอเขา เขาเติบโตขึ้น เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเขาขณะแสดง เขาเหมือนรู้สึกห่างไกลมาก ผมดิ้นรนพยายามลดช่องว่าง และเมื่อผมรู้สึกว่าฉันตามทัน เขาก็อยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว"
"อืม"
ผู้กำกับควอนกีแท็กพยักหน้าอย่างช้าๆ เขาเองก็พอเข้าใจความรู้สึกภายในใจของนักแสดงอันดับต้นๆ อย่างรยูจองมินแบบถ่องแท้ เขาได้เห็นการถ่ายทำในกองถ่ายระหว่างรยูจองมินและคังวูจินด้วยตาของเขาเอง การแสดงของพวกเขาอาจดูเหมือนคล้ายกันเมื่อมองแวบแรก แต่มันมีความแตกต่างในเชิงลึก เป็นความเหลื่อมล้ำที่มีแต่ผู้มากฝีมือจะมองออก
จากนั้นรอยยิ้มอันขมขื่นของรยูจองมินก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
"แต่มันก็แปลกดี ในช่วงเวลาที่ผมรู้สึกถึงวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดในอาชีพนักแสดงที่ยาวนานถึงทศวรรษ งานนั้นกลับกลายเป็นความสำเร็จทางประวัติศาสตร์ การแสดงและเทคนิคของผมดีกว่าที่เคยแสดงมาก"
"คุณมีพัฒนาการสินะครับ เหมือนการหลุดพ้นจากเปลือก"
"ใช่ครับ ทำไปโดยไม่รู้ตัวเลย ผมปล่อยวางภาระในการเป็นผู้นำ นักแสดงอันดับต้น ๆ และแข่งขันการแสดงกับเขา ถึงแม้ว่าวูจินอาจจะไม่รู้สึกแบบเดียวกันก็ตาม"
ผู้กำกับควอนกีแท็กได้แต่ตอบในใจ
'นั่นเป็นไปได้หรอกที่จะแข่งกับคังวูจิน ก็ในเรื่องนิติจิตวิทยาเสเพล คังวูจินเล่นบทบาทสมทบนิ'
แต่ต้องขอบคุณเขาเลย รยูจองมินจึงสามารถจดจ่ออยู่กับการแสดงได้
"เมื่อวูจินทำส่วนของเขาเสร็จแล้วก็จากไป ผมรู้สึกว่างเปล่า ในทางกลับกัน ผมเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เมื่ออยู่กับเขา ทุกสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมามันรู้สึกไม่มีความหมาย ทุกครั้งที่เราพบกัน ความคิดที่จะวิ่งหนีได้ผุดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ"
"······"
"หลายสิ่งหลายอย่างพังทลาย ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจหรือความหลงใหล"
จากนั้นสีหน้าของรยูจองมินก็จริงจังขึ้น
"แต่มันทำให้เหมือนผมกลายเป็นคนที่บริสุทธิ์ขึ้น ความปรารถนา ความโลภ ความริษยา ความกระตือรือร้น ทุกคำเหมือนประดับคำว่า 'บริสุทธิ์' เขาเปิดเผยจุดอ่อนของผม และในขณะที่ผมกำลังรู้สึกสิ้นหวัง มันก็ทำให้ผมได้เห็นศักยภาพว่าผมจะเติบโตได้มาดขึ้นแค่ไหน”
"มันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ"
"ครับ ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไงกัน? ผมคิดว่าเขาน่ากลัว แต่ผมเปลี่ยนความคิดแล้ว ผมจะใช้ความกลัวนั้นให้เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของผมเอง"
ในไม่ช้า รยูจองมินก็เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย สบกับสายตาของผู้กำกับควอนกีแท็ก แล้วก็ยิ้มบางๆ
"ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้บทระหว่างเราสองไม่ได้มีความแตกต่างกันมากแล้ว ศึกครั้งนี้คงจะรุนแรงมากขึ้น ตอนนี้ผมตั้งตารอมันเลย วูจินจะใหญ่โตได้แค่ไหน แล้วผมจะเก่งขึ้นแค่ไหนกัน?"
ผู้กำกับชื่อดังควอนกีแท็กก็ได้แต่หัวเราะคิกคักอยู่ในใจ
'ดูเหมือนรยูจองมินก็เป็นสัตว์ประหลาดเหมือนกันสินะ แต่ว่าเขาอยู่ในระดับที่แตกต่างจากคังวูจินไปอย่างสิ้นเชิงเลย'
กลับมาที่กองถ่าย 'พ่อค้ายาเสพติด'
ผู้กำกับคิมโดฮีหมกมุ่นอยู่กับจอมอนิเตอร์ จับจ้องไปที่จอตรงหน้า ขณะที่นักแสดงนำและนักแสดงสมทบเองก็กำลังรอการแสดงของคังวูจิน
'ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะด้นสด¹ ที่นี่ ถึงการแสดงของเขาก่อนหน้านี้มันจะสุดยอดมาก แต่ไอ้นี้มันน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว'
'หรือเพราะเขาคิดว่าการแสดงครั้งแรกของเขามันขาดอะไรไปหรือเปล่า? แต่สำหรับฉันแล้ว มันดูดีเกินพอเลยนะ'
ด้วยอิมแพคอันรุนแรงที่เกิดจากการแสดงครั้งแรกของวูจิน จึงไม่มีใครยกเว้นวูจินคิดว่าการโอบกอดที่กำลังเกิดอยู่ในฉากเป็นแค่ความผิดพลาด
ซึ่งในตอนนั้นเอง
'หืม? บรรยากาศแบบนี้…เหมือนที่ฉันเคยรู้สึกมาก่อนเลยแฮะ?'
ในช่วงเวลาที่เงียบสงัดอย่างแปลกประหลาด คังวูจินคิดถึงอดีต เขานึกถึงตอนที่เขาล้มลงจริงๆ ระหว่างการถ่ายทำ 'สำนักงานนักสืบ' แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนกลับมองว่าความผิดพลาดของวูจินเป็นการด้นสด
เขาเริ่มรู้สึกถึงความรู้สึกแบบเดียวกันนั้นอีกครั้ง
'โอเค งั้นทำให้มันไหลไปตามเนื้อเรื่องดีกว่า'
ต้องดึงความกล้าออกมา
ด้วยประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาก่อน วูจินจึงสามารถความนิ่งและจดจ่อกับบทบาทของเขาในฐานะอีซังมันได้อีกครั้ง ดังนั้นการถ่ายทำจึงดำเนินต่อไปโดยไม่มีการหยุดชะงักใดๆ
แน่นอนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดพลาดของวูจินเลย แม้ภายนอกสงบนิ่ง แต่ภายในเขากำลังกำหมัดแน่น
"ดีเลย ดูท่าจะผ่านไปอย่างราบรื่นใช่ไหม?"
พวกเขาลงเอยด้วยการถ่ายซ้ำฉากเดิมประมาณสี่ครั้งก่อนที่จะถ่ายฉากต่อไป ส่วนช็อตต่อไปเป็นฉากที่อีซังมันอยู่คนเดียว ยอมจำนนต่อยาเสพติด เป็นฉากสำคัญในการสร้างบทบาทตัวละครของอีซังมันหลังจากปรากฏตัวครั้งแรกในฐานะผู้ค้ายา ซึ่ในฉากนี้จึงไม่มีนักแสดงคนอื่นเข้าใกล้วูจิน
ทุกคนดูเหมือนอยากรู้อยากเห็นกันมาก แต่ก็ได้แต่อดทนไว้
"คุณวูจิน คุณพร้อมที่จะถ่ายต่อหรือยัง? ถ้าคุณต้องการพัก คุณก็พักได้เลยนะคะ"
ผู้กำกับคิมโดฮี ซึ่งกำลังพูดคุยกับวูจินเพื่อซ้อม นั้นมีความกังวลอยู่พอสมควร แต่อีกด้านหนึ่ง วูจินคิดว่ารอไปก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนักหรอก มันจะแค่ทำให้เขาต้องอยู่ที่นี่นานขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น
"ไม่ครับ ผมไหว เราไปต่อได้เลย"
วูจินมองไปรอบๆ ฉากออฟฟิศของอีซังมันอย่างเย็นชา ทางกองถ่ายกำลังเตรียมการ หลังจากสังเกตห้องโดยรอบแล้ว เขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้นโดยไม่มีใครเห็น เข้าสู่ช่องว่างมิติก่อนการถ่ายทำเพื่อทบทวน
– ตุบ!
พูดให้ถูกคือ เขากำลังเตรียมตัวลดความรู้สึกของตัวเขาอง เพราะมันเป็นฉากที่น่าสะอิดสะเอียนมาก แต่หากทำซ้ำ ๆ บ่อยครั้งไป มันก็จะไม่ได้น่ากลัวนัก
ในไม่ช้า คังวูจินก็กลับมาจากการสัมผัสโลกของอีซังมัน
สำหรับ ‘อีซังมัน’ เขาเหมือนมีสองโลกอยู่ร่วมกัน โลกความเป็นจริงและความตาย วูจินแบกอารมณ์เหนียวแน่นนั้นไว้ นั่งลงบนโซฟา พยายามทำให้การมีอยู่ของอีซังมันรุนแรงขึ้น จากนั้นจึงดึงอารมณ์ออกมา เขาสวมบทบาทอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขายังต้องการมากกว่านี้
‘อีกหน่อย ทำให้มันสมจริงกว่านี้หน่อย’
เขาเป็นอีซังมันอยู่แล้ว แต่เขาพยายามลืมมันและจดจ่ออีกครั้ง เขาต้องสวมไปกับบทบาทอย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้ สภาพแวดล้อมไม่สำคัญแล้ว เพราะฉากนี้ทั้งฉากจะเป็นสิ่งที่แสดงตัวตนของอีซังมันทั้งหมดออกมา
จากนั้น
“พร้อม-”
ผู้กำกับคิมโดฮี ที่เตรียมการเสร็จแล้ว ตะโกนผ่านโทรโข่ง
“แอ็คชั่น!”
ในทันใดนั้นเอง คังวูจินเหมือนได้แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงเส้นทางแห่งความตายที่อีซังมันได้พาดผ่าน กลิ่นเหม็นหืนปรากฏชัดบนใบหน้าของเขา
“อึก- ฮู-”
ดวงตา จมูก และปากของเขาขยับอย่างไม่ต่อเนื่อง มีบางอย่างดึงอีซังมัน หรือบางทีมันอาจจะผลักเขาออกไป พื้นที่โดยรอบดูเหมือนจะเลือนหายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
โลกของอีซังมันเต็มไปด้วยสิ่งที่อธิบายไม่ได้
มันรุนแรงมากแต่ก็คลุมเครือมาก กล้องจับภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเขา ความสุขและความเศร้าได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีซังมันอย่างชัดจน จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแค่การแสดง
ทีมงานกว่า 60 คนเฝ้าดูสิ่งนี้ตรงหน้าพวกเขา
ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นอะไร ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขณะดูการแสดงนั้น การแสดงนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะพูดอะไรได้เลย
ฉากนี้กินเวลาไม่นานนัก
“…คัท! อ-โอเค!!”
ทันทีที่สัญญาณหยุดลง ใบหน้าของวูจินซึ่งอยู่ในภวังค์ก็กลับมาไร้อารมณ์ในทันที อาการเสพติดที่แผ่ออกมาจากเขาเมื่อครู่ดูเหมือนจะหายไปทันตาเห็น คังวูจินจัดการกับอุปกรณ์ประกอบฉาก เพราะเขาคิดว่ามันอาจจะต้องถ่ายซ้ำ เขาจึงส่งมอบให้กับทีมประกอบฉาก
จากนั้นเอง นักแสดงบางคนก็กระซิบกันเอง
“มันบ้ามาก แบบโคตรบ้า”
“ขนลุกเลย เขาแสดงเหมือนมีอาการชักจริง ๆ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”
ผู้กำกับคิมโดฮีถือโทรโข่ง ดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อย แน่นอนว่าสายตาของเธอกำลังจับจ้องไปที่วูจินบนจอมอนิเตอร์
‘เขาไม่ใช่มือใหม่แน่ เขาเป็นนักแสดง นักแสดงตัวจริงเสียงจริง’
เขาโดดเด่น นั่นแหละเป็นคำเดียวที่ใช้อธิบายได้ ฉากที่พวกเขาเพิ่งถ่ายทำนั้น ผู้กำกับคิมโดฮีเป็นผู้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน เธอได้สัมภาษณ์ผู้ติดยาเสพติดจริงๆ และรวบรวมภาพเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหมดที่มีอยู่สำหรับฉากนั้น
ถึงมาตรฐานการแสดงนั้นสูงมาก แต่คังวูจินกลับทำได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น ในขณะนั้น ผู้บริหารบริษัทผู้ผลิตรายหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ผู้กำกับคิมโดฮีก็พูดขึ้นอย่างลังเล
“…อืม- ผมกังวลจริงๆ ถ้าผมถามเรื่องนี้ แต่เอ่อ คังวูจินเขาเคยลองยาเสพติดหรืออะไรทำนองนั้นหรือเปล่า? ผมรู้ว่าฟังดูบ้ามาก แต่คือแบบ การแสดงนั้นมันสมจริงเกินไปแล้ว”
“ก็จริง แต่คงไม่น่าเป็นไปได้หรอกมั้งครับ”
เจ้าหน้าที่บางคนจากบริษัทผู้ผลิตก็พูดขึ้นอย่างกังวลเช่นกัน
“แต่เขาแสดงออกมาได้สมจริงมากเลยนะ…”
“···มันก็เคยมีเหตุการณ์แบบนั้นมาก่อนนิ”
“โอ้ คุณหมายถึง โจโฮแจ งั้นเหรอ?”
มันเป็นฉากที่แปลกประหลาดมาก การแสดงของนักแสดงนี้โดดเด่นมากจนทีมผู้ผลิตเริ่มสับสนระหว่างความเป็นจริงกับการแสดงแล้ว ทำให้ผู้กำกับคิมโดฮีรีบเข้ามาแทรกแซง
“มีใครที่นี่เคยลองยาเสพติดจริง ๆ บ้างไหมคะ?”
“ไม่เลย”
“แล้วจะตัดสินได้ยังไงว่าการแสดงของวูจินเมื่อครู่ว่ามันสมจริงกันคะ?”
“······”
“ถ้าจะตั้งคำถาม ฉันเป็นคนเขียนบท ดังนั้นบางทีพวกคุณควรตรวจสอบฉันก่อนสิค่ะ”
“ขอโทษด้วยครับ คุณผู้กำกับ”
“อย่าคิดเข้าใกล้วูจินด้วยคำถามนั้นเด็ดขาด ถ้าคุณไม่เคารพนักแสดงที่มีความสามารถอย่างเขา ฉันสาบานเลยว่าทั้งกองถ่ายจะยุบวันนี้แหละ”
ทีมผู้ผลิตและจัดจำหน่ายก็ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว อย่าลืมสิว่า ถ้าผู้กำกับคิมโดฮีบอกว่าเธอจะทำอะไร เธอก็จะทำตามใจทันที ซึ่งอีกด้านหนึ่งในใจ เธอก็พอเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาอยู่
‘แต่ในทางกลับกัน มันก็หมายความว่า การแสดงของคังวูจินนั้นเหลือเชื่อมากจนไอ้พวกนี้จะพูดเรื่องโง่ๆ แบบนี้ออกมาจากปาก’
หน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการได้ไม่กี่เดือน ทำให้คนวงในหลัก ๆ ของอุตสาหกรรมพากันสับสนกับการแสดงของเขา มันน่าประทับใจจนน่าขันเชียว ไม่นานหลังจากนั้น ผู้กำกับคิมโดฮีก็ยืนขึ้นและพูดกับทีมผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอย่างเย็นชา
“เอาล่ะ ทุกคนควรออกไปได้แล้ว พวกเราได้เห็นการแสดงของคังวูจินแล้ว ฉากถ่ายเรียบร้อยแล้ว พวกคุณกำลังรบกวนการถ่ายทำนะ”
ผู้กำกับคิมโดฮีเดินไปหาวูจินในกองถ่าย วูจินดูเหมือนกำลังคุยอะไรบางอย่างกับตากล้อง
“คุณวูจิน คุณโอเคไหม?”
วูจินซึ่งเหนื่อยเล็กน้อยได้ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ครับ ผมสบายดี”
“เอาล่ะ ไปพักกันก่อนเถอะค่ะ ฉากที่ตึงเครียดเมื่อครู่นี้คงทำให้ทุกคนเหนื่อยแล้ว ภาพที่เราได้มาก็ดีมาก ดังนั้นเราคงไม่จำเป็นต้องถ่ายซ้ำ แค่พักผ่อนและไปสงบอารมณ์ก่อนได้เลยค่ะ”
ผู้กำกับคิมโดฮีตบไหล่วูจิน และหลังจากสบตากับตากล้องแล้ว
“ไปสูบบุหรี่กันเถอะค่ะ คุณวูจิน”
ผู้กำกับคิมโดฮีหยิบบุหรี่หนึ่งซองออกจากกระเป๋า วูจินส่ายหัวปฏิเสธทันที
“ไม่ครับ ผมไม่สูบบุหรี่ครับ”
“···โอ้? คุณไม่สูบบุหรี่เหรอคะ?”
“ครับ ผมไม่สูบ”
ในเวลานั้น ทั้งผู้กำกับคิมโดฮีและตากล้องต่างดูประหลาดใจ ผู้กำกับคิมโดฮีจึงถาม
“แต่คุณสูบบุหรี่อย่างเป็นธรรมชาติมากเลยนะคะระหว่างถ่ายทำบท ‘อีซังมัน’? ฉันคิดว่าคุณเป็นคนสูบบุหรี่ประจำเสียอีก”
วูจินก็ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ
“มันก็แค่การแสดงครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้กำกับคิมโดฮีจึงอดหัวเราะไม่ได้
“…ฮ่าฮ่า ฉันโดนเขาหลอกเต็มๆ เปาเลย”
เธอรู้สึกได้เลยว่า ตัวเธอเองก็ไม่ได้แตกต่างจากทีมงานฝ่ายผลิตและจัดจำหน่ายมากนักหรอก
เช้าวันรุ่งขึ้น
รอบๆ โกดังโทรมๆ ในฉากกว้างใหญ่ของ 'พ่อค้ายาเสพติด' มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำ
"ทีมศิลป์! ผู้กำกับบอกว่าเราต้องการคราบเลือดเพิ่มบนเก้าอี้นี้!"
"มากแค่ไหน?!"
"มาก! มากแบบเยอะเลย!"
"ปิดหน้าต่างตรงนั้น! ม่านบังแสงอยู่ไหน?!"
"เราจะไปเอามันมาให้เดี๋ยวนี้แหละ!"
บรรยากาศเหมือนโกดังร้างทุกประการ มีขนาดค่อนข้างกว้างขวาง เสาหินมีร่องรอยของอายุ และขยะก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ในมุมต่างๆ มีแผ่นไวนิลเปื้อนเลือดจำนวนมาก ท่ามกลางฉากหลังนี้ ทีมงานหลายสิบคนกำลังวิ่งไปมาอย่างขะมักเขม้น
-คลิก
ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าตรงกลางโกดัง เขากำลังอ่านบท คนนี้คือจินแจจุน นักแสดงนำชายของ 'พ่อค้ายาเสพติด' เขาหนึ่งในนักแสดงชั้นนำของประเทศและมีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงที่ใช้วิธีแบบ method acting (สวมบทบาทเป็นตัวละครเลย จินตนาการเป็นตัวละคร)
ใน 'พ่อค้ายาเสพติด' เขารับบทเป็น 'จองซองฮุน' นักสืบสายลับ
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ
"ฮู-"
ความตึงเครียดปรากฏบนใบหน้าของนักแสดงนำจินแจจุน พวกเขาถ่ายทำ 'พ่อค้ายาเสพติด' ไปได้ครึ่งทางแล้ว และเขาก็ได้ปรับตัวให้เข้ากับบทบาทของเขาได้นานแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่กำลังถ่วงจิตใจจินแจจุนอยู่
'มันเป็นเพราะคังวูจินเลย-'
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะคังวูจิน น้องใหม่ผู้ก่งกาจที่ปรากฏตัวเมื่อวันก่อน ด้วยแค่ฉากเดียว หน้าใหม่คนนี้กลับพลิกทั้งฉากกลับตาลปัตร หลังจากถ่ายทำเมื่อวานเสร็จ นักแสดงทุกคนที่พักต่างพูดถึงคังวูจินกันทั้งนั้น
และจินแจจุนก็คิดว่า
'ตรงกับที่รยูจองมินบอกฉันทุกประการเลย'
เขาเคยถามรยูจองมินเกี่ยวกับคังวูจิน อยากรู้ว่าเขาเป็นนักแสดงแบบไหน คำตอบของรยูจองมินนั้นสั้นและตรงประเด็น
'นายแสดงออกมาให้ดีที่สุดเถอะ ไม่งั้นนายจะถูกเขาบดบังโดยไม่รู้ตัวแน่'
ความจริงแล้ว จินแจจุนก็ยังไม่อยากเชื่อนัก ถึงจะเป็นคำแนะนำจากนักแสดงระดับท็อปอย่างรยูจองมิน แต่การถูกบดบังรัศมีด้วยนักแสดงหน้าใหม่นั้น มันช่าง...แต่หลังจากเมื่อวาน จินแจจุนก็เชื่อคำพูดของรยูจองมินอย่างสนิทใจ
'พวกเขานำตัวสำรองเข้ามา แต่เขาดันกลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดเสียได้'
แม้เพียงแค่ดูผ่านจอมอนิเตอร์ของผู้กำกับ มันก็ทำให้เขาขนลุกไปทั้งตัวแล้ว โดยเฉพาะไอ้ฉากเสพยาของคังวูจิน มันดูเคลิบเคลิ้มจนแทบทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะเทือน วันนี้ จินแจจุนมีกำหนดถ่ายทำฉากเผชิญหน้าครั้งแรกกับคังวูจิน ในบท 'จองซองฮุน' ผู้ทะเยอทะยานที่จะเข้าสู่ญี่ปุ่น จนได้จัดให้มีการพบปะกับ 'อีซังมัน' ผ่านทางแก๊งนักเลงของเขา
อีซังมันเป็นหัวหน้าองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในปูซานอยู่แล้ว
ถ้าพลาดเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าเขาจะวางแผนสำหรับญี่ปุ่นยังไง จองซองฮุนอาจจะตายโดยไม่มีใครรู้โดยเงื้อมมือของอีซังมัน แต่ตอนนี้ คนเดียวที่มีคอนเนคชั่นที่เหมาะสมในญี่ปุ่นคืออีซังมัน ดังนั้นจองซองฮุนต้องทำให้เขาพอใจให้ได้
ปัญหาคือสถานที่นัดพบ
ไม่ใช่สำนักงาน แต่เป็นโกดังร้าง ในบทภาพยนตร์จริง มีฉากที่รุนแรงมากมายระหว่างจองซองฮุนและอีซังมันในโกดังนี้
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็เกิดจากอีซังมันทั้งนั้น
จากนั้นเอง
ครืด
"สวัสดีครับ"
คังวูจิน พอแต่งหน้าและแต่งตัวเสร็จก็เข้ามาในโกดัง เขาพักอยู่ในที่พักใกล้แถวนี้ และวันนี้เขาดูมีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ส่วนน้ำเสียงของเขายังคงทุ้มอยู่เหมือนเคย
หลังจากทักทายผู้กำกับคิมโดฮีและทีมงาน วูจินก็พูดว่า
"สวัสดีครับ พี่"
จากนั้นเขาก็โค้งคำนับให้จินแจจุนที่รออยู่ จินแจจุนที่รออยู่ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยและยื่นมือออกไป
"เมื่อวานเรายังไม่ได้ทักทายกันเลย ผมเองก็หวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ ผมเดาว่าเราคงจะได้เจอกันบ่อยๆ ใช่ไหม?"
"ครับ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เลย"
เมื่อเห็นคังวูจินอย่างใกล้ชิด จินแจจุนก็รู้สึกว่าบรรยากาศของคังวูจินนั้นไม่เหมือนใคร
'เรียกว่าสงบหรือเย็นชาดีนะ? ชักน่าสับสนแล้วสิ แต่ว่าอุปนิสัยของเขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับการแสดงหรอก'
ในขณะเดียวกัน วูจินปล่อยมือจากจินแจจุนและกำลังคิดในใจ
'ว้าว จินแจจุน เขาดูเด็กมาก หล่อ ตัวเล็ก นักแสดงระดับท็อปนี่คนละระดับเลยจริงๆ'
อีกไม่กี่สิบนาทีต่อมา การเตรียมการถ่ายทำก็เสร็จสิ้น และนักแสดงที่ไม่ได้อยู่ในกำหนดการถ่ายทำในวันนี้ก็มารวมตัวกันในโกดัง
"โอ้? ศาสตราจารย์ คุณมาที่นี่ด้วยเหรอ?"
"ผมมีฉากกับอีซังมันอยู่สองสามฉาก พอดีผมอยากรู้เกี่ยวกับการแสดงของเขาตอนที่ไม่ได้ถ่ายฉากถ่ายคนเดียวน่ะ"
"อ๋อ จริงสิ อีซังเป็นคนฆ่าศาสตราจารย์คิมไม่ใช่เหรอ?"
พวกเขาตอนนี้เหมือนเป็นผู้ชมมากกว่านักแสดง แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ ตอนนี้คังวูจินและจินแจจุนนั่งหันหน้าเข้าหากันกลางโกดัง โดยมีผู้กำกับคิมโดฮีถือบทอยู่ระหว่างพวกเขา
"ตอนนี้ สมมุติว่าเราถ่ายฉากที่อีซังมันทรมานลูกน้องของเขาเสร็จแล้ว เราจะซ้อมฉากหลังจากนั้นนะ คุณวูจิน นี่มีด"
ในไม่ช้า มีดซาชิมิก็ถูกส่งไปให้คังวูจิน ซึ่งตอนนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตเท่านั้น ใบมีดยังสะอาดอยู่ แต่ระหว่างการถ่ายทำจริง มันจะเปื้อนเลือด คังวูจินยกมีดขึ้นแล้วเช็ดที่แขนเสื้อ
จากนั้นเขาก็โยนมีดลงบนโต๊ะตรงกลาง
มีดกลิ้งและหยุดอยู่หน้าจินแจจุน หรือหากพูดให้ถูก มันอยู่หน้า 'จองซองฮุน' จากนั้นอีซังมันก็เอนตัวเข้ามาและพูดว่า
"แกต้องการอะไร?"
จองซองฮุนพยายามสงบสติอารมณ์ตอบไปว่า
"ผมมาขายยา ปูทางให้ผมในญี่ปุ่นสิ"
"ไอ้ยุ่นพวกนี้มันยุ่งยากนะ รู้ไหม?"
"ผมรู้ครับ แต่ถ้าคุณรับผมไว้ มันจะไม่มีปัญหาแน่ นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่"
"งั้นทำให้ฉันดูสิว่าแกมีดีอะไร?"
จองซองฮุนหยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะ เมื่อมองดูของขนาดเล็ก อีซังมันก็พูดออกมาทันที
"เพชร"
ทันใดนั้น
-กึก!
อีซังมันหยิบมีดซาชิมิที่อยู่ตรงหน้าจองซองฮุนอย่างรวดเร็วแล้วถือไว้ใกล้ตาขวาของเขา ใบมีดที่คมกริบประชันอยู่ต่อหน้าต่อตาจองซองฮุน จนเขาเองก็ถึงกับสะดุ้ง
ในทางกลับกัน อีซังมันเอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดว่า
"ดวงตาของแกดูไม่เหมือนคนค้ายาเลยนะ"
เขาจ้องลึกเข้าไปในรูม่านตาของจองซองฮุนด้วยสายตาที่รุนแรง
"แกมีสายตาของคนขี้ฟ้อง แกเป็นคนขี้ฟ้องใช่ไหม?"
จินแจจุนไม่รู้ตัวสักนิด เขาได้แต่กลืนน้ำลายที่หืดอยู่ในลำคออย่างยากลำบาก
***
ด้นสด: ก็แสดงนอกบทแหละ
(*หมายเหตุ 31-3 ขอหยุดชั่วคราวนะครับ จะเร่งแปลเรื่องขุนนางให้จบ จากนั้นจะกลับมาลงเรื่องอื่นวันละ 5 ตอนจริง ๆ ครับ*)
***