บทที่ 32 – การประเมินโอสถ (II)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 32 – การประเมินโอสถ (II)
“โอสถขอบเขตแรกเหรอ?” เจ้าของร้านมองเหมิงฉีด้วยความประหลาดใจ “ขออภัยด้วย แต่ตำหนักแดนเหนือสวรรค์รับประมูลเฉพาะขอบเขตที่สี่ขึ้นไปเท่านั้น” เขายิ้มอย่างสุภาพ แต่ดูแล้วปฏิเสธอย่างชัดเจน “โอสถขอบเขตแรกค่อนข้างหาซื้อง่าย ดังนั้นคนส่วนใหญ่อาจจะไม่เสียเวลามายังเรือนประมูลเพื่อหามันหรอก”
“ข้าขอรบกวนท่านให้ข้าได้พบกับผู้รับผิดชอบในการประเมินโอสถที่ผ่านการกลั่นได้ไหม?” เหมิงฉีถามอย่างสุภาพ
“เอ่อ…” ชายคนนั้นลังเล เขามองไปที่เหมิงฉี ป้ายชื่อที่นางส่งมานั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวันนี้เป็นการมาเยือนตำหนักแดนเหนือสวรรค์ครั้งแรกของนางจริงๆ แต่…โอสถขอบเขตแรกหรือ? เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาซื้อสินค้าในระดับต่ำเช่นนี้ แต่ว่าในเมื่อหญิงสาวคนนี้สามารถเข้าสู่ตำหนักแดนเหนือสวรรค์ได้ นางย่อมไม่ใช่ผู้บ่มเพาะธรรมดาอย่างแน่นอน ผู้จัดการพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้าในที่สุด “ได้สิ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
“เชิญตามข้ามา” เขาพาเหมิงฉีไปยังที่ซึ่งมีเปลวไออยู่ นอกจากเปลวไอทั่วไปที่นำไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของเมืองแล้ว ยังมีอีกสองสามตัวที่มีสีต่างกัน เช่น อันนี้ เขาเดินเข้าไปในเปลวไอกับเหมิงฉี และหลังจากแสงวาบ พวกเขาก็ถูกส่งไปยังลานกว้าง
ลานกว้างค่อนข้างสง่างาม ดอกไม้และต้นไม้ทุกต้นได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน เมฆสีขาวดูเหมือนจะลอยอยู่รอบๆ พวกเขา สายลมที่สดชื่นพัดมาเบาๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
พวกเขาอยู่บนเกาะลอยน้ำแห่งหนึ่งงั้นหรือ?
เหมิงฉีมองไปที่เมฆที่ลอยอยู่และสังเกตทิวทัศน์โดยรอบอย่างเงียบๆ ตอนนี้ ความชื่นชมของนางที่มีต่อเจ้าของสถานที่แห่งนี้ได้ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างสถานที่แบบนี้ได้ เว้นแต่พวกเขาจะมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลและจินตนาการที่ยอดเยี่ยมคณานับ
ผู้จัดการพาเหมิงฉีไปที่ห้องใดห้องหนึ่งแล้วเคาะประตู “ผู้อาวุโส มีผู้บ่มเพาะต้องการให้ท่านประเมินโอสถ”
“เชิญเข้ามา” เสียงที่อ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิดังมาจากห้อง
“สหายเต๋า เชิญเข้ามาข้างใน” เจ้าของร้านเปิดประตูให้เหมิงฉีและทำท่าทางเชิญอย่างสุภาพ แต่เขายังคงอยู่ข้างนอก
ทันทีที่เหมิงฉีเข้าไปในห้อง นางเห็นชายคนหนึ่งในอาภรณ์คลุมสีฟ้าซึ่งนั่งอยู่หลังตู้ ห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของโอสถ สมุนไพร ชั้นหนังสือสูงสองแถวยืนอยู่ทั้งสองข้างของผนัง กระจัดกระจายไปด้วยไม้ไผ่และแผ่นหยกมากมาย
ชายอาภรณ์คลุมสีฟ้าดูเหมือนจะอายุสามสิบต้นๆ มีกลิ่นอายของนักปราชญ์ผู้สง่างาม ดูเหมือนเขาจะจดจ่ออยู่กับแผ่นไม้ไผ่ในมือ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น “ขอบเขตไหน?”
“ขอบเขตแรก” เหมิงฉีตอบอย่างใจเย็น
เจ้าของร้านที่ยืนอยู่หน้าประตูตัวแข็งทื่อ
ชายอาภรณ์คลุมสีฟ้าเงยหน้าขึ้นมองเหมิงฉีด้วยความประหลาดใจทันที “ขอบเขตไหนนะ?”
“ขอบเขตแรก” สีหน้าของเหมิงฉียังคงสงบ นางหยิบโอสถสีฟ้าออกมาจากกำไลเก็บของ วางไว้บนฝ่ามือ แล้วแสดงให้ชายคนนั้นดู
“ขอบเขตแรก?” ชายอาภรณ์คลุมสีฟ้าหัวเราะ เขาทิ้งแผ่นไม้ไผ่ในมือและมองเหมิงฉีด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ใช่รอยยิ้มแบบยินดี “หากเจ้าไปที่เมืองใดก็ได้ในสามภพ จะมีร้านชื่อตำหนักเซียนเมฆาที่ซื้อโอสถขอบเขตแรก ราคาของพวกเขาถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน และพวกเขาปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างเป็นธรรมเสมอ สหายเต๋าสามารถขายโอสถที่ร้านแห่งนั้นได้ตามราคาของมันเลย”
“ข้ารู้” สีหน้าของเหมิงฉียังคงไม่เปลี่ยนแปลง แน่นอนว่านางรู้ด้วยว่าในคำพูดของเขาแฝงประชดประชันเล็กน้อย
“แต่โอสถชิงเฟิงนี้แตกต่างจากโอสถชิงเฟิงที่ขายในตำหนักเซียนเมฆาเล็กน้อย” เหมิงฉีอธิบายด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นคง นางวางโอสถเม็ดสีฟ้าที่ส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ไว้ตรงหน้าชายคนนั้น
“...เป็นโอสถเม็ดสายลมบริสุทธิ์ แตกต่างจากโอสถเม็ดสายลมสะอาดที่ขายในตำหนักเซียนเมฆา” เหมิงฉีอธิบายด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นคง นางวางโอสถเม็ดสีฟ้าที่ส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ไว้ตรงหน้าชายคนนั้น ชายอาภรณ์คลุมสีฟ้ามองไปที่เหมิงฉี แล้วมองไปที่เจ้าของร้านที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาชื่อเสี่ยวหลินโม่ เป็นผู้บ่มเพาะที่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินวัสดุโอสถและโอสถที่ผ่านการกลั่นสำหรับโรงประมูล แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้บ่มเพาะในขั้นกำเนิดวิญญาณ แต่การบ่มเพาะวิชาแพทย์ของเขาได้ทะลุระดับที่ห้าแล้ว
เสี่ยวหลินโม่เดิมเป็นศิษย์จากสำนักแพทย์ธรรมดา อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ด้านการแพทย์ของเขาสูงมาก ทำให้สำนักของเขาไม่สามารถเลี้ยงดูเขาได้อีกต่อไป แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะรับการชักชวนจากสำนักที่ใหญ่กว่า ในเวลานี้เอง แดนเหนือสวรรค์ได้เชื้อเชิญเขา ที่นี่มีแผ่นไม้ไผ่ที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะทางการแพทย์นับไม่ถ้วน แม้ว่าเขาจะถูกห้ามไม่ให้ทำการคัดลอก แต่เขาก็สามารถอ่านทั้งหมดได้ตามต้องการ ในทางกลับกัน เขาต้องอยู่บนเกาะลอยน้ำในโรงประมูลห้วงลึกเป็นเวลาหกเดือนทุกปี หน้าที่คือต้องประเมินวัสดุโอสถและโอสถที่ผ่านการกลั่นเพื่อนำไปประมูล ส่วนเวลาที่เหลือ เขาเป็นอิสระ สามารถทำตามใจชอบได้เลย
เสี่ยวหลินโม่ชื่นชอบในด้านวิชาการแพทย์ สำหรับเขา ข้อเสนอนี้เป็นของขวัญจากสวรรค์อย่างแท้จริง เขาทำงานที่นี่มาเกือบเจ็ดปีแล้ว และยังเคยเห็นโอสถเม็ดขอบเขตแปดที่ยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ ทว่า หญิงสาวคนนี้กลับเป็นคนแรกที่กล้านำโอสถเม็ดขอบเขตแรกมาที่สถานที่ประมูลแห่งนี้
“ได้” เสี่ยวหลินโม่เอื้อมมือไปหยิบโอสถของเหมิงฉี “ให้ข้าดูหน่อยว่ามันต่างกันตรงไหน”
“ในตำหนักเซียนเมฆา โอสถระดับสามถือว่าสูงที่สุดแล้ว ขั้นที่สี่ ที่ห้านั้นยากที่จะกลั่น แม้แต่ผู้บ่มเพาะทางการแพทย์ที่มีระดับการบ่มเพาะทางการแพทย์สูงก็ยังยาก เว้นแต่ฐานการบ่มเพาะหลักของพวกเขาจะสูงพอๆ กัน” เสี่ยวหลินโม่ไม่สามารถมองเห็นระดับการบ่มเพาะของเหมิงฉีได้ แต่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทักษะการแพทย์ เพียงแค่เหลือบมอง เขาก็เห็นว่าผู้กลั่นที่ทำโอสถชิงเฟิงขอบเขตแรกนี้มีการบ่มเพาะต่ำมาก การบ่มเพาะทางการแพทย์ของนาง มากที่สุดคงอยู่แค่ในระดับสอง
ระหว่างกล่าวออกมา เสี่ยวหลินโม่หยิบโอสถขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ “สูตรถูกต้อง คุณสมบัติของโอสถก็ถูกต้อง สามารถล้างพิษของระดับสามลงไปได้ แต่ประสิทธิภาพของมันสำหรับพิษระดับสองนั้นต่ำและแทบจะไร้ประโยชน์สำหรับพิษระดับสาม ก็แค่ของทั่วไป…” ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และสายตาของเขาก็มองไปที่เหมิงฉี หญิงสาวนั้นสง่างามและสวยงามราวกับภาพวาด สีหน้าของนางยังคงสงบ ราวกับไม่สนใจคำเยาะเย้ยจางๆ ในคำพูดของเขา
“ฮะๆ” เสี่ยวหลินโม่หัวเราะคิกคักและเน้นทีละคำ “เป็นโอสถ ขอบเขต แรก ชิง เฟิง โดยแท้ ไม่มีสิ่งใดพิเศษ”
“ท่านมองไม่ออกอย่างอื่นเลยหรือ?” เหมิงฉีถาม
“ข้าต้องดูอะไรอีก?!” เสี่ยวหลินโม่หัวเราะอย่างโกรธเคือง หญิงสาวคนนี้สามารถเข้าสู่ตำหนักแดนเหนือสวรรค์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และนางก็งดงามนัก แต่ที่นี่คือตำหนักแดนเหนือสวรรค์ ไม่มีใครมาเอาใจนางเพราะใบหน้าที่สวยของนางหรอก
อย่างน้อยก็เขา เสี่ยวหลินโม่ผู้นี้ จะไม่มีวันโอนอ่อนให้ผู้ใดเด็ดขาด!
“ไม่ว่าข้าจะดูนานแค่ไหน โอสถขอบเขตแรกก็จะไม่วันเปลี่ยนเป็นขอบเขตที่เก้าหรอก... เอ๊ะ?” พูดไปได้ครึ่งทาง ดวงตาของเสี่ยวหลินโม่ก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “นี่มัน?!”
เขามองไปที่โอสถชิงเฟิงด้วยความไม่เชื่อ สีหน้าของเขาราวกับว่ามันกลายเป็นโอสถเม็ดขอบเขตที่เก้าจริงๆ “นี่...นี่มัน...” เสี่ยวหลินโม่อ้าปากค้าง พูดไม่ออก ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงก่ำในทันที แต่ในไม่ช้า แสงแห่งความตื่นเต้นก็พลุ่งพล่านในดวงตาของเขา “เจ้าทำได้อย่างไร?!”
“ข้าบอกไม่ได้ว่าข้าทำมันได้อย่างไร แต่โอสถชิงเฟิงขอบเขตแรกนี้ขายในการประมูลได้ไหม?” เหมิงฉีถามอีกครั้ง
“ขายได้ ขายได้สิ แน่นอนว่าเจ้าขายได้!” เสี่ยวหลินโม่รีบคว้าป้ายชื่อของเขาและตะโกนใส่เจ้าของร้านที่ยืนอยู่หน้าประตู “ข้าจะซื้อมัน!”
ในไม่ช้า เขาก็หันไปหาเหมิงฉีและพูดอย่างระมัดระวัง “หินวิญญาณระดับห้าหนึ่งร้อยก้อน ราคานี้พอรับได้ไหม?”