ตอนที่แล้วบทที่ 18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20

บทที่ 19


อู่หลานกินไปเพียงชามเดียวก็ต้องหยุดกิน ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่เต็มท้องดีนักก็ตาม เนื่องจากขนาดกระเพาะอาหารของคนในครอบครัวแต่ละคนเธอจะปล่อยให้มันร้อง ‘จ๊อกจ๊อก’ ไม่ได้  ต้องมั่นใจก่อนว่ามื้อเช้าตรู่นี้ทุกคนจะต้องได้อิ่มจนจุก ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธไปทันทีว่า "เดี๋ยวแม่ค่อยกินต่อ เช้านี้เรามาลองผักป่าที่เพิ่งเก็บกันก่อนดีกว่า! ยังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลยนี่นา"

เธอหยิบผักที่เป็นหัวปลี ผักโขม และผักกาดหอม เพื่อความสะดวกและเพื่อชิมรสชาติก่อนด้วย เธอจึงนำไปลวกน้ำร้อนแล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงชนิดเดียวกัน

ในขณะนี้ พริกแดงสด งาสีขาว ซอสปรุงรสสีน้ำตาลเข้ม และใบอ่อนกับลำต้นสีเขียวผสมผสานกัน ส่งกลิ่นหอมเปรี้ยวจนแสบลิ้นและเผ็ดฉุนมาแตะจมูก ซ่งซานเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป รีบใช้ตะเกียบคีบใส่ปากทันที

"อืม! "

รสชาติอร่อย เผ็ดร้อน เปรี้ยว ซ่า กรุบกรอบ... รสชาติต่างๆ ผสมผสานกันจนซ่งซานเฉินหยุดกินไม่ได้ ตะเกียบหนึ่งคู่คีบกินผักไปได้เกือบครึ่งจาน

"มันช่างน่ากินดีจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้จะหุงข้าวสักเต็มหม้อแล้ว" เขารู้สึกเสียดายมาก

แต่ว่าอู่หลานกลับมองไปที่ท้องของเขา "อย่ากินอีกเลย มันมากไปเดี๋ยวจะจุกเสียก่อน... เดี๋ยวแม่ลองชิมดูบ้าง"

หลังจากที่ได้ชิมดู คนในครอบครัวก็เงียบกันหมด ครู่หนึ่ง อู่หลานจึงถามอย่างลังเลว่า "ถ้าเราขายแค่ยี่สิบหยวนมันจะขายถูกไปหรือเปล่า"

ซ่งถานตัดสินใจทันที "ถูกมากเถอะแม่... เชื่อหนูสิ สามสิบหยวนต่อมัดก็ยังขายได้ด้วยซ้ำ! " ขายตอนเช้า ถ้าขายไม่หมดก็ไม่ต้องกลัว เพราะลูกค้าที่เพิ่งซื้อไปหลังจากที่กินข้าวอิ่มแล้ว ก็จะต้องกลับมาซื้อเอากลับไปทำมื้อเที่ยงอีกแน่นอน!

ตอนนี้ หาเงินเป็นเรื่องสำคัญ

อู่หลานก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที "รู้อย่างนี้ฉันน่าจะดึงมากินแค่ไม่กี่ต้นก็พอ"

ลูกสาวถือตะกร้าใหญ่ๆ ไปใบหนึ่ง ส่วนเฉียวเฉียวก็อุ้มอีกตะกร้าหนึ่ง ผักป่าเจ็ดสิบแปดสิบมัดก็ขนขึ้นรถเรียบร้อย

"ไม่ต้องให้พ่อไปด้วยจริงเหรอลูก"

"ไม่ต้องหรอก แค่มีเฉียวเฉียวก็พอแล้ว เฉียวเฉียวช่วยได้ใช่ไหม" ซ่งถานหันไปถามน้องชาย

เฉียวเฉียวที่อยู่ข้างๆ ก็ตอบรับเสียงดังมาก "ใช่แล้ว เฉียวเฉียวช่วยได้! "

ซ่งซานเฉินยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับกำลังจะยื่นมือออกไปช่วย ก็ต้องชักกลับมาอย่างงงๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันทีเพราะรู้สึกว่าตัวเองคงถูกมองว่าแก่แล้ว จนกระทั่งอู่หลานเรียกเขาอีกครั้ง "ในกระทะยังเหลืออีกนิดหน่อย พ่อจะกินไหม..."

"กิน! " เขาโยนความรู้สึกเศร้าโศกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทิ้งไปในทันที

ลุงหวังที่ขับรถตู้เป็นคนคุ้นเคยในหมู่บ้าน ขณะนี้กำลังมองถนนไปด้วยพลางนึกสงสัยไปด้วย "ถานถาน กำลังจะไปขายผักที่ในเมืองใช่ไหม"

ซ่งถานพยักหน้า "ใช่ค่ะ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาว กินของสดๆ สิคะ ขายไม่หมดก็เอาไปกินเอง ไม่เปลืองอะไรเลย"

นั่นก็จริง

ลุงหวังพยักหน้า "ดีมาก เดี๋ยวนี้คนหนุ่มสาวไม่ยอมลำบากแบบนี้หรอก พ่อแม่ของหนูโชคดีจริงๆ "

ทั้งสองฝ่ายก็พูดจาอวยกันไปกันมาสลับกัน จนกระทั่งรถมาจอดถึงริมตลาดสดที่มีชื่อเสียงในเขตเมืองเก่า ซึ่งเวลานั้นยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้า แม้จะเรียกว่าตลาดสด แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีเจ้าของตลาดเปิดให้จับจองที่ขายเป็นเรื่องเป็นราวเท่าไรนัก แค่อยู่ริมแม่น้ำ มีทางสัญจรไปมาสี่ทิศ และทุกคนต่างก็มาตั้งหาบเร่แผงลอยขายของกันที่นี่โดยปริยาย

ซ่งถานไม่ต้องเสียค่าซื้อแผงลอยด้วยซ้ำ แค่เอาตะกร้ามาวางไว้ข้างหน้าตัวเอง แล้วก็หยิบเก้าอี้พับได้สองตัว ถุงพลาสติกหนึ่งมัด ก็ถือว่าครบแล้ว

"พี่สาว ให้เฉียวเฉียวขาย"

เฉียวเฉียวอดใจรอไม่ไหวแล้ว ซ่งถานรีบหลีกทางให้ "ได้ เฉียวเฉียวขาย... รู้ไหมว่าขายเท่าไหร่"

"รู้! "

เฉียวเฉียวชูหมัด "สามสิบหยวนต่อมัด ไม่ลดราคา! "

รู้แค่นี้ก็พอแล้ว

ซ่งถานคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ติด QR Code สองแผ่นที่เพิ่งพิมพ์จากร้านในหมู่บ้านเมื่อวานนี้... QR Code สำหรับรับชำระเงินแผ่นหนึ่ง ส่วนอีกแผ่นคือกลุ่มไลน์แจ้งเตือนผักป่าสดใหม่ ให้ลูกค้าสแกน QR Code เพื่อเข้าร่วมกลุ่มการแจ้งล่วงหน้า

เธอยอมสาบานด้วยชีวิตการบำเพ็ญเพียรของตนเองเลยว่า ใครก็ตามที่ได้กินผักป่าของเธอวันนี้ จะต้องกลับมาซื้ออีกอย่างแน่นอน

วันนี้สภาพอากาศดีมาก แม้ว่าพระอาทิตย์จะยังไม่ขึ้นในเวลาเจ็ดโมงเช้าเช่นนี้ แต่ขอบฟ้าก็เริ่มมีแสงสีส้มอ่อนๆ แล้ว ตลาดสดมีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา มีแม่บ้านหลายคนสวมชุดนอนกำมะหยี่หรือเสื้อขนเป็ดตัวเก่าเดินไปมา พี่น้องทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้พับอย่างเรียบร้อย ทั้งคู่มีหน้าตาคล้ายกัน ดวงตาดำขลับ ผิวขาวราวหิมะ ทั้งสวยทั้งน่ารัก เป็นโหงวเฮ้งที่ดูเป็นมิตรที่สุด

และยังเด็กมากอีกด้วย…

เมื่อมองไปที่ตลาดผักแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนขายเนื้อหรือคนขายผัก ต่างก็มีอายุมากแล้วทั้งนั้น คนที่เดินไปมาซื้อผักก็อดที่จะหันมามองไม่ได้ แล้วก็ต้องหยุดที่ตะกร้าข้างหน้า... โอ้ โห นี่ฤดูอะไรกันนะ ทำไมถึงได้มีผักป่าที่สดอ่อนขนาดนี้ แถมยังเก็บมาอย่างเรียบร้อยด้วย!

"น้องสาว ผักโขมนี้ขายยังไงจ๊ะ"

ผักเขียวในช่วงตรุษจีนแพงมาก บวกกับการที่ต้องใช้ทำอาหารต้อนรับแขกที่เข้ามาเยี่ยมเยือนมากมาย เมื่อทุกคนเห็นผักโขมก็จะนึกถึงเกี๊ยวน้ำที่สดและนุ่มก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อคุณป้าถามคำถามนี้ ก็เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นจุดชนวนให้ผู้คนรอบข้างเริ่มสงสัยและค่อยๆ มารวมตัวกัน

"ฉันรู้ ฉันรู้! ผักโขม สามสิบหยวนต่อมัด หนึ่งกิโลกรัม! "

เฉียวเฉียวตอบอย่างใจจดใจจ่อ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นมองคุณป้าตรงหน้าอย่างน่ารักและขี้อ้อน ศีรษะที่เกรียนเกลี้ยงเกลาและเป็นขนฟู ไม่มีคุณป้าคนไหนจะต้านทานได้

การพูดคุยของผู้ใหญ่นั้นแตกต่างจากการพูดคุยของเด็กๆ คุณป้าที่ถามคำถามมองเขาอย่างประหลาดใจราวกับว่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าเฉียวเฉียวยังคงจ้องเธออยู่ไม่ละสายตา จึงลองขมวดคิ้วดู

"แพงเกินไปแล้ว สิบหยวนได้ไหม"

"ไม่ได้ไม่ได้" เฉียวเฉียวส่ายหัวเหมือนโฆษกโฆษณาขายผักสด แล้วเน้นย้ำอีกครั้ง "เกี๊ยวผักโขม ผมกินไปสามชาม" เขาใช้มือทำท่าเป็นเลขสาม ซ่งถานก็หัวเราะตาม "ใช่แล้วค่ะป้า นี่หนูไปขุดสดๆ มาเมื่อวานเลยนะ กินแล้วสดกรอบมาก สามสิบหยวนไม่แพงจริงๆ ค่ะ"

"แล้วหนึ่งมัดหนึ่งกิโลกรัมนี่ มีแต่จะได้คุ้มกว่าที่ร้านอื่นนะคะ ผักในโรงเรือนเดี๋ยวนี้แพงจะตายค่ะ ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ลองหาผักสดๆ กินแต่เช้าก็สดชื่นดีนะคะคุณป้า"

แล้วก็ชี้ไปที่คิวอาร์โค้ดข้างๆ "ถ้าป้าไม่สบายใจก็สแกนเข้ากลุ่มได้เลยค่ะ ถ้าไม่อร่อยทักมาในกลุ่มไลน์ได้เลย เดี๋ยวหนูคืนเงินให้ค่ะ" คำพูดนี้พูดได้อย่างมั่นใจมาก ป้าตรงหน้าตัดสินใจได้ในทันที

แต่ในแผงขายผักตรงหน้าเธอ มีให้เลือกเยอะเกินไปแล้ว

จะซื้ออันไหนดีนะ เธอคิดหนัก…

แต่คุณป้าลังเลไปสักพักเดียว เฉียวเฉียวก็ทำหน้าเศร้าๆ เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาน่าสงสาร "ป้าไม่อยากซื้อเหรอ เฉียวเฉียวขุดเองนะ"

คุณป้าเห็นก็ใจอ่อนขึ้นทันที คนที่อยู่ในตลาดบริเวณใกล้ๆ แถวนั้นก็มองออก เธอจึงตอบตกลง "ซื้อสิป้าซื้อ! "

"แต่ป้าแค่ไม่รู้จะซื้อผักไหนดีต่างหากล่ะ"

เฉียวเฉียวขยิบตาอย่างสับสน "ซื้อทุกอัน" บางทีเวลาซื้อขนมเขาก็เลือกลำบากแบบนี้เหมือนกัน

"โอ้โห" คนที่อยู่หน้าแผงขายผักหัวเราะกันครื้นเครง "หนูยังเด็กก็จริงแต่โลภอยู่นะเนี้ย กำละสามสิบหยวนให้ป้าซื้อทีทุกอย่างเลยเหรอ" จากนั้นเสียงหัวเราะก็ตามกันมาอีกหลายระลอกใหญ่ๆ

ซ่งถานรีบเอื้อมมือไปลูบหัวเขา "เฉียวเฉียวเก่งมาก"

จากนั้นก็หยิบผักขึ้นมาให้ทุกคนดูอย่างคล่องแคล่ว "ผักโขมจีนจะผัดหมูหรือยำก็อร่อย ผักกาดหอมก็สดใหม่ หรือ ผักเบี้ยใหญ่แบบนี้ยิ่งช่วยดับร้อนดีเลยนะคะ..."

"ผักป่าของเราที่บ้านนี้ รับรองว่ากินแล้วจะอยากกินอีก" ผักเหล่านี้ถูกนำออกมาให้ทุกคนดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต้นไหนก็สด ใบก็เขียว ไม่มีร่องรอยความเน่าเสียหายแม้แต่น้อย ประกอบกับคนรอบๆ ข้างล้วนเป็นนักช้อปผักอยู่แล้วด้วย เมื่อได้สัมผัสก็รู้ได้ทันทีว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้หลอกน้ำหนัก ผักหนึ่งมัดหนักหนึ่งกิโลกรัมจริงๆ  พูดถึงสามสิบหยวนต่อกิโลกรัม ผักป่าที่ขุดสดๆ จากหมู่บ้านก็ถือว่าไม่แพงเลย

ทุกคนยิ่งดูก็ยิ่งใจเต้น เมื่อมองไปที่ผักป่าสดที่ถืออยู่ในมือตัวเอง

"เอาล่ะ ผักกาดหอมให้ฉันสองกิโล ลูกชายฉันชอบกินมาก"

"ฉันก็เอาสองกิโล เอาต้นหอมป่ามาด้วย เฮ้อ เป็นของป่าแท้ๆ เลยนะเนี่ย กลิ่นแรงแบบนี้ชัวร์เลย! ฉันไม่ได้กินมาสิบกว่าปีแล้ว"

"ฉันก็เอา! ขอผักเบี้ยใหญ่ให้ฉันอีกกำหนึ่ง เจ้านี่มันช่วยลดการอักเสบและขับปัสสาวะดีมาก...ฉันเคยกินอยู่"

"ผักโขมจีนก็ช่วยดับร้อน ฉันเอาอันนี้ ให้ฉันสองมัดจ้ะ”

“ฉันก็เอาผักกาดหอมด้วย”

"ผักกาดหอม! ผักกาดหอมอ่อนมาก ฉันเอาสามกำ ให้ลูกสาวฉันกำนึง"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด