บทที่ 18 – เขาไม่ใช่...อาจารย์ของนางหรือ?! (II)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 18 – เขาไม่ใช่...อาจารย์ของนางหรือ?! (II)
"เจ้าเสือขาวน้อยตัวนี้เหรอ?" เหมิงฉีสังเกตเห็นความระแวดระวังของฉู่เทียนเฟิงเช่นกัน อันที่จริงการกระทำของนางเมื่อครู่นี้ถือได้ว่าค่อนข้างประมาท
เหมิงฉีไม่เคยเป็นคนที่แสร้งทำเป็นรู้ในสิ่งที่นางไม่รู้ ดังนั้นนางจึงถามอย่างสุภาพ: "ขอถามท่านชายฉู่หน่อยได้ไหมว่า เสือขาวตัวน้อยตัวนี้เป็นมารที่ทรงพลังมากหรือไม่?"
ฉู่เทียนเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และทำท่าทางอีกครั้งเพื่อร่ายอาคมอื่น ชื่อของวังสวรรค์เฟินเทียนมีที่มา มันคือสำนักที่เชี่ยวชาญด้านอาคมที่ใช้เปลวไฟเป็นหลัก เปลวไฟสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วของเขาและเต้นเป็นวงกลม ล้อมรอบเสือขาวตัวน้อยที่ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว จากนั้นเขาก็ถามว่า: "เจ้ารู้เรื่องอาณาจักรมารอยู่บ้างใช่ไหม?"
"รู้เพียงนิดหน่อย" เหมิงฉีพยักหน้า
“หุบเขาชิงเฟิงเป็นสถานที่ที่อาณาจักรมาร อาณาจักรปีศาจ และสามภพมาบรรจบกัน” ฉู่เทียนเฟิงกล่าวต่อ "เขตแดนนี้แยกดินแดนมนุษย์ออกจากอีกสองดินแดน แต่บางครั้งมารหรือปีศาจที่หลบหนีสามารถเข้าสู่สามภพได้"
“แต่พวกมันยังไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามมากพอ” ทันทีที่เขาพูดจบ ฉู่เทียนเฟิงก็นึกถึงตอนที่เขาถูกสัตว์อสูรมารทุบตีอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง
เขาเหลือบมองหญิงสาว โชคดีที่เหมิงฉีพยักหน้า "ข้ารู้"
“อาณาจักรมารเป็นดินแดนของผู้บำเพ็ญมาร เมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์ พวกเขาฝึกฝนวิธีการบำเพ็ญเพียรที่แตกต่างกัน นั่นคือมารชั้นสูง....พวกมันมักถูกเรียกว่ามารสวรรค์โดยผู้บำเพ็ญมารที่ระดับต่ำกว่า โดยพวกมันจะพึ่งพาพลังเงาดาราเพื่อช่วยให้พวกมันใช้แสงดาวในการบำเพ็ญเพียร” ฉู่เทียนเฟิงหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองเสือขาวตัวน้อยที่ติดอยู่ในเปลวไฟ: "เผ่าเสือขาว ในบรรดามารสวรรค์ มันถือได้ว่าเป็นราชวงศ์"
เหมิงฉี : "..."
แน่นอนนางไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่นางเคยได้ยินมาว่าเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนของมนุษย์ ขั้นของผู้ฝึกตนมารนั้นเข้มงวดกว่ามาก ลูกหลานของผู้ฝึกตนมารขั้นสูงมักจะเกิดมาพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสายเลือดระดับสูงของเผ่ามารสวรรค์ ตัวอย่างเช่น จิ้งจอกขาวที่หลงรักลู่ชิงหรัน มีข่าวลือว่าเขาเป็นถึงขุนนางระดับสูงในหมู่มารสวรรค์ มีฐานะสูงส่ง มีเกียรติ และมีอำนาจมากพอ
ฉู่เทียนเฟิงดูเหมือนจะกังวลว่านางจะไม่เชื่อคำอธิบายของเขา เขาจึงยกมือซ้ายขึ้น เปลวเพลิงสีแดงก็พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือ เปลวเพลิงลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ และลุกโชนยิ่งขึ้น ก่อนที่จะกลายเป็นม่านเปลวเพลิงสูงเท่าคนสองคนและมีความกว้างเท่ากัน
เปลวเพลิงยังคงลุกไหม้อยู่ ช้า ๆ ภาพหนึ่งก่อตัวขึ้นบนนั้นและชัดเจนขึ้นในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป
เหมิงฉีไม่แปลกใจ นางเคยเห็นคนของวังสวรรค์เฟินเทียนใช้และเรียนรู้คาถานี้มาก่อน นางยังรู้ด้วยว่านี่เป็นวิชาพิเศษเฉพาะของวังสวรรค์เฟินเทียน มันเหมือนกับแผ่นไม้ไผ่หรือหยกที่สามารถใช้บันทึกคาถาได้ นอกจากนี้ ตัวเหมิงฉียังรู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งใดก็ตามที่บันทึกด้วยวิชานี้จะต้องวิชาที่เป็นความลับที่สำคัญมากของวังสวรรค์เฟินเทียน นางจึงหันกลับไปมองฉู่เทียนเฟิงด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มในอาภรณ์สีดำจ้องมองไปที่เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้และพูดเบา ๆ ว่า “ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา เหล่ามารรุกรานสามภพโลกเป็นครั้งคราว และเขตแดนที่แยกสามอาณาจักรก็ไม่มั่นคงมากขึ้น บิดาของข้าและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ในสำนักของเราต่างกังวลเกี่ยวกับการรุกรานของสองอาณาจักรมานานแล้ว นี่คือบันทึกที่ทำโดยผู้อาวุโสในขั้นตัดวิญญาณ เขาเสียสละขอบเขตการบ่มเพาะหนึ่งขั้นเพื่อส่งส่วนหนึ่งของวิญญาณที่แยกจากกันไปยังอาณาจักรมารเพื่อทำการลาดตระเวน”
ขณะที่เขาพูด ดวงตาที่เย็นชาของฉู่เทียนเฟิงก็มองไปที่เสือขาวตัวน้อยที่นอนอยู่บนพื้น
เปลวเพลิงยังคงริบหรี่ ภาพค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เทือกเขาอันกว้างใหญ่ทอดยาวออกไปในระยะไกล เต็มไปด้วยแมกไม้เขียวขจี มันเป็นโลกอันงดงามที่เหมิงฉีไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพตรงหน้าไม่แพ้สามภพที่มนุษย์อาศัยอยู่เลย ภาพค่อย ๆ เข้าใกล้ภูเขามากขึ้น และต้นไม้สูงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ภูเขาสูงและหุบเขาลึก น้ำตกเป็นประกาย ทิวทัศน์งดงามและสวยงาม
เสือขาวตัวน้อยหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าใสของมันกวาดมองฉู่เทียนเฟิง ท่าทางเฉยเมยนั้นไม่เข้ากับรูปลักษณ์ที่น่ารักและน่าดึงดูดของมันเลย
ในม่านเปลวเพลิง ทิวทัศน์ที่งดงามราวกับภาพวาดถูกทำลายลงในทันใด ผู้บำเพ็ญเพียรอาภรณ์สีดำพลันบินเข้ามา
“นั่นคือผู้อาวุโสของสำนักพวกเรา” ฉู่เทียนเฟิงกล่าว
เหมิงฉีพยักหน้า ผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณในสามภพเป็นบุคคลที่ทรงพลังมาก ควบคุมพลังลมปราณ สร้างรากฐานแก่นทองคำ วิญญาณปฐพี แล้วก็ตัดวิญญาณ ยิ่งบำเพ็ญเพียรสูงเท่าใด การทะลวงก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น จากวิญญาณปฐพีสู่ตัดวิญญาณ บางคนอาจไม่มีวันไปถึงได้แม้แต่ชั่วชีวิต
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่วังสวรรค์เฟินเทียนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในสิบอันดับแรกของแดนบูรพา นอกจากจะมีบุคคลที่ทรงพลังเช่นนี้ในสำนักแล้ว พวกเขายังมีวิสัยทัศน์ระยะยาว คิดดูสิ กระทั่งผู้อาวุโสผู้ทรงพลังผู้นี้ยังยินดีเสียสละส่วนหนึ่งของการบ่มเพาะเพื่อรวบรวมข้อมูลจากอาณาจักรมาร
ในการบันทึก ผู้อาวุโสของวังสวรรค์เฟินเทียนดูเหมือนจะวิ่งหนีอะไรบางอย่าง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงวิญญาณที่แยกจากกันที่ถูกส่งไปยังอาณาจักรมาร ทว่าพลังของเขาก็เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรในขั้นวิญญาณปฐพี กระนั้นเขากลับ...วิ่งหนีงั้นเหรอ?
เขากำลังบินเร็วมาก เหมือนลมกระโชกแรง และในทันทีก็ทิ้งเทือกเขาไว้ข้างหลัง ผู้อาวุโสดูโทรมเล็กน้อย ม่านเปลวเพลิงก็วาบขึ้น และร่างขาวอีกคนก็ปรากฏขึ้น เมื่อครู่นี้ คนๆ นั้นยังอยู่ไกลออกไปเล็กน้อย แต่ทันทีที่เหมิงฉีกระพริบตา เขาก็ปรากฏตัวข้างๆ ผู้อาวุโสทันที เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสที่มีร่างกายอ่อนแอและพยายามหลบหนีอย่างสิ้นหวัง ชายอีกคนกลับดูไม่สนใจอะไรเลย
ในระยะที่ใกล้กว่านี้ เหมิงฉีสามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน ชายผู้นั้นสวมอาภรณ์คลุมสีขาว ผมดำยาวพาดไหล่ ทุกย่างก้าวของเขาเหมือนการเดินเล่นในสวนสาธารณะ ขี้เกียจและดูผ่อนคลายยิ่ง ทว่าผู้อาวุโสแห่งวังสวรรค์เฟินเทียนที่มีพลังเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นวิญญาณปฐพี กลับไม่สามารถหนีจากเขาได้แม้จะวิ่งหนีสุดกำลัง
ชายอาภรณ์สีขาวดูไม่รีบร้อน เหมือนแมวจับหนู เขาแกล้งเหยื่อด้วยความสนใจอย่างยิ่ง เขาดูเหมือนจะสังเกตเห็นคาถาบันทึกและจึงหันกลับมาอย่างเกียจคร้าน มองไปในทิศทางของเหมิงฉี
"อ๊ะ!" เหมิงฉีอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัวด้วยเสียงดัง
ม่านเปลวเพลิงสว่างวาบ เผยให้เห็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของชายคนนั้น แม้แต่ในสามภพที่ไม่เคยขาดแคลนผู้มีใบหน้าหล่อเหลา เขาก็ยังหล่อเหลามาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...
"เขาถูกกล่าวขานว่าเป็นเจ้าแห่งเสือขาวแห่งอาณาจักรมาร ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเสือขาวรุ่นนี้" ฉู่เทียนเฟิงกำมือโดยไม่รู้ตัว เปลวเพลิงทำให้ดวงตาของเขาดูแดงเล็กน้อย และยังมีความตื่นเต้นในสายตาคู่นั้น "วันหนึ่ง ข้าจะเอาชนะเขาให้ได้!"
เจ้าแห่งเสือขาว... เหมิงฉีพึมพำ ทวนวลีนี้ในใจ วังสวรรค์เฟินเทียนต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ เพราะผู้ชายคนนี้คือ...
แม้จะคุ้นเคยกับการได้ใบหน้านี้มาสามปีแล้ว แต่ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นก็ยังทำให้เหมิงฉีรู้สึกทึ่งกับความงามที่สมบูรณ์แบบของเขา ท่าทางเกียจคร้าน แต่ดูเหมือนจะไม่แยแสสิ่งใด...
เขาเป็น...อาจารย์ของนางไม่ใช่หรือ?!