บทที่ 17 – เขาไม่ใช่...อาจารย์ของนางหรือ?! (I)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 17 – เขาไม่ใช่...อาจารย์ของนางหรือ?! (I)
ลูกเสือขาวน้อย "..."
มันยื่นอุ้งเท้าออกไปโดยไม่รู้ตัว ใช้เท้าทั้งสี่ที่มีขนปุยสีขาวจับแขนของเหมิงฉี กรงเล็บของมันไม่ได้ดูก้าวร้าว นางได้แต่รู้สึกว่ามีอุ้งเท้านุ่ม ๆ มาโดนแขนของนางเท่านั้นเอง
เหมิงฉียิ้ม นางลูบท้องของมัน จากนั้นก็ปล่อยให้มันไปและยืนขึ้น เสือขาวตัวนี้ดูเล็กและอ้วนท้วนยิ่ง แน่นอนว่าอาจเพราะมันยังเป็นเพียงแค่ลูกเสืออยู่ เมื่อครู่นี้ นางพลิกตัวมันและเห็นท้องขาวนุ่มๆ ของมัน จนอยากจะเอานิ้วมือไปลูบไล้
เพียงแต่...
เสือตัวน้อยคงตกใจนางอยู่ ขนทั่วตัวมันตั้งชันก่อนจะห่อเหี่ยวลง ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็ง ในส่วนลึกของดวงตาที่เหมือนมหาสมุทร ดวงดาวสีเงินจาง ๆ ก่อตัวเป็นกลุ่มดาวกระบวยใหญ่
เหมิงฉีไม่เพียงแต่ตรวจสอบเพศของเสือเท่านั้น เมื่อนางกอดเสือขาวตัวน้อย นางยังใช้อาคมเพื่อสำรวจสภาพภายในของมันด้วย
ซับซ้อนมาก! นอกจากอาการบาดเจ็บที่เกิดจากอาคมมารแล้ว ร่างกายภายในของเสือยังดูเหมือนจะมีพลังที่เหมิงฉีไม่เคยรู้จักมาก่อน มันทั้งดูลึกลับและทรงพลัง
เมื่อนางพยายามตรวจสอบให้ลึกลงไป อาคมของนางก็ถูกพลังลึกลับกลืนกินจนหมดสิ้น นอกจากนี้ เหมิงฉีรู้สึกเลือนรางว่าร่างกายภายในของเสือดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ปราณของนางแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมัน ก็เหมือนกับว่านางกำลังเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ดวงดาวนับไม่ถ้วนส่องแสงในความมืด ลึกลับและแปลกประหลาด
เหมิงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้กระทั่งก่อนที่นางจะเกิดใหม่ เมื่อระดับการบ่มเพาะทางการแพทย์ของนางผ่านเกณฑ์ขั้นที่ห้า สภาพของเสือตัวน้อยนี้ก็คงยังยากที่จะรักษา เหมิงฉีเหลือบมองอุ้งเท้าหน้าซ้าย นี่เป็นรอยบาดแผลที่มองเห็นได้เพียงรอยเดียวบนร่างกายของมัน ซึ่งดูเหมือนจะเกิดจากอาวุธที่คมกริบ กระทั่งตอนนี้ เลือดก็ยังไหลออกมาจากบาดแผลไม่หยุด
เหมิงฉีไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการบ่มเพาะของมาร เสือขาวตัวน้อยตัวนี้อาจดูอ่อนแอและน่ารัก แต่อาการบาดเจ็บของมันซับซ้อนมาก ไม่น่าแปลกใจที่มันจะทำได้แค่นอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถดิ้นรนได้
อ่อนแอ น่าสงสาร ไร้ทางสู้ และน่ารัก
“เจ้าตัวน้อย” เหมิงฉีลังเล นางมีสมุนไพรมากมายในกำไลเก็บของ เหมิงฉีก้มลงแล้วค่อย ๆ จับอุ้งเท้าหน้าของเสือขาวตัวน้อยเพื่อดูให้ละเอียดขึ้น: "นี่..."
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย บาดแผลนี้ไม่ได้เกิดจากอาวุธธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแผลเล็ก ๆ แบบนี้ก็น่าจะหยุดเลือดได้เองนานแล้ว
นางอยากรักษาเสือตัวนี้! นางไม่เคยเห็นอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกที่ซับซ้อนเช่นนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าจะมีอาการบาดเจ็บภายในที่หลงเหลือจากอาคมมาร บาดแผลจากอาวุธพิษ ความเสียหายที่เกิดจากเขตแดน และพลังลึกลับนั้น แม้แต่ปราณวิญญาณในร่างของเสือขาวตัวน้อยตัวนี้ก็ปั่นป่วนไปหมด
นางอยากลอง! นางอยากรักษามัน!
นิ้วของเหมิงฉีอดไม่ได้ที่จะงอเล็กน้อย แต่มันเป็นเสือตัวผู้...บางทีในอนาคตมันอาจไปเกี่ยวข้องกับลู่ชิงหรันก็เป็นได้…
ไม่สิ นางจำไม่ได้สักหน่อยว่าลู่ชิงหรันมีเสือขาวตัวน้อยเช่นนี้อยู่เคียงข้าง เท่าที่นางจำได้ เผ่ามารสวรรค์ที่ลู่ชิงหรันสนิทชิดเชื้อด้วยมีเพียงมารจิ้งจอกขาวไม่ใช่หรือ?
เหมิงฉีลังเล: "เอ่อ..."
นางไอสองครั้ง: "เจ้าตัวน้อย เจ้ายังเด็กอยู่ใช่ไหม?"
“อ๊าว” เสือขาวตัวน้อยร้องอย่างอ่อนแรง มันดูเหมือนจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ภายในดวงตาสีฟ้าของมันยังคงมองเห็นกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ได้อย่างเลือนราง
“อืม...” เหมิงฉีเรียกมันอีกครั้ง “เจ้าอายุหนึ่งปีหรือยัง?”
ดวงตาสีฟ้าดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อย
“เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดงั้นหรือ?” เหมิงฉีไม่แปลกใจ นางไม่เคยไปอาณาจักรมาร แต่นางพอรู้ว่าตัวตนระดับสูงของเผ่ามารสวรรค์นั้นแข็งแกร่งมาก อาจจะเทียบได้กับอาจารย์ผู้ลึกลับของนางเลย
“อืม...” เหมิงฉีมองไปที่เสือขาวตัวน้อยและถามคำถามเดิมซ้ำ "เจ้าอายุหนึ่งขวบหรือยัง?"
เสือขาวตัวน้อยร้องเบา ๆ ว่า "อ๊าง"
แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาตอบว่าใช่หรือไม่ใช่
"เจ้ายังเด็กอยู่สินะ"
เหมิงฉีถือว่ามันเป็น 'ใช่'
"เพราะถ้าในวันข้างหน้าเจ้าพบกับสตรีสาวมนุษย์ ผู้ฝึกตนจากสามภพ จำไว้ว่าให้อยู่ห่างจากนาง นางและคนรอบข้างนางน่ากลัวมากเลยนะ"
เสือขาวน้อยเข้าใจคำพูดของนาง แต่มันเพียงจ้องมองเหมิงฉีอย่างหดหู่ ดวงตาสีฟ้าของมันเปล่งประกายความเฉยเมย มันคงรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดที่มันเคยพบในชีวิตคือคนที่อยู่ตรงหน้ามันต่างหาก
เมื่อครู่นี้ทั้งที่เพิ่งพบหน้ากัน นางถึงขั้น... ทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เสือขาวตัวน้อยก็กำลังจะระเบิดอารมณ์อีกครั้ง มันไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน! ไม่มีทาง! ไม่เคย! ไม่มีวันเลย!
เหมิงฉีรู้สึกพอใจ นางจึงนั่งยอง ๆ ลง จากนั้นนางก็เอื้อมมือไปจับอุ้งเท้าหน้าซ้ายของเจ้าตัวน้อยอีกครั้ง มือขวาของนางร่ายอาคม และแสงสีเขียวซีดก็ตกลงบนบาดแผลของมัน แม้ว่านางจะใช้เพียงอาคมฟื้นฟูที่ง่ายที่สุด แต่มันก็อยู่ในขั้นที่สี่แล้ว แต่แม้หลังจากแสงจางหายไป บาดแผลก็ยังคงมีเลือดไหลรินออกมา
เหมิงฉีพยายามนึกถึงเนื้อหาของบันทึกมากมายในความทรงจำของนาง ในชีวิตก่อนหน้านี้ นางได้ก้าวเข้าสู่การบ่มเพาะทางการแพทย์ระดับห้า แม้แต่ในสามภพนี้ นางก็มีชื่อเสียงเล็กน้อยอยู่แล้ว นางไม่ได้มาจากสำนักใหญ่ แต่เป็นอดีตศิษย์ของสำนักเล็ก ๆ เช่นหุบเขาชิงเฟิง แต่ทุกย่างก้าวของนางบนเส้นทางการแพทย์นั้นมั่นคงและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ความรู้ของนางกว้างขวางและอยู่ในระดับเดียวกับผู้ฝึกตนสายรักษาที่ได้รับการฝึกฝนจากสำนักใหญ่หลายแห่ง
แต่ตอนนี้ แม้แต่เหมิงฉีก็ไม่สามารถบอกได้ว่าอาวุธชนิดใดที่ทำให้อุ้งเท้าหน้าของเสือขาวน้อยได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นพิษ แต่มันก็ไม่ได้เกิดจากพิษโดยสิ้นเชิง แต่ยังได้รับอิทธิพลจากอาคมสะกดและอาคมบางอย่าง อาวุธที่ทำร้ายมันได้ต้องไม่ธรรมดาแน่
เหมิงฉีขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวและเอียงศีรษะเล็กน้อย พอดีกับที่เสือขาวน้อยก็หันมามองนาง ดูเหมือนว่ามันจะสร่างจากความตกใจครั้งใหญ่ที่เพิ่งได้รับ ม่านตาสีฟ้าใสสองดวงจ้องตรงไปที่ดวงตาของเหมิงฉี เผยให้เห็นกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ ในช่วงเวลาหนึ่ง เงาของดวงดาวดูเหมือนจะกะพริบเป็นช่วงสั้น ๆ ก่อนที่จะหรี่แสงลงอีกครั้ง
"ระวัง!"
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมาจากด้านหลัง ทันใดนั้น ชายชุดดำก็ปรากฏตัวข้าง ๆ นาง
ฉู่เทียนเฟิงโน้มตัวลง ดึงเหมิงฉีออกไปและยกมือขึ้นทันทีเพื่อร่ายอาคม เปลวไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กั้นพวกเขาออกจากเสือขาวตัวน้อยที่ยังไม่สามารถขยับตัวได้
“คุณชายฉู่?” เหมิงฉีถูกเขาลากออกไป นางมองชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน "ท่าน..."
ฉู่เทียนเฟิงขวางเหมิงฉีไว้ด้านหลังด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เขายังคงจ้องมองไปที่เสือตัวน้อย
"มันเป็นเผ่ามาร"
เสียงของเขาเย็นยะเยือก ทุกคำถูกบีบออกมาจากฟันที่ขบแน่นด้วยความหนาวเหน็บที่หยั่งรากลึก
ก่อนหน้านี้ฉู่เทียนเฟิงรักษาระยะห่าง แต่ก็เพียงพอที่จะสังเกตการกระทำทุกอย่างของเหมิงฉี เขาก้มตาลงโดยไม่รู้ตัวและเห็นนิ้วเรียวของเหมิงฉีเมื่อครู่นี้กำลัง...
ฉู่เทียนเฟิงเบือนสายตาไปทันใด มีร่องรอยของความแดงระเรื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชาของเขา