บทที่ 152 ปลิดชีวิตตนไปซะ
หลัวเฉิงหยิบป้ายหยกประจำตัวของเขาออกมาแล้วแช่มันลงไปในโลหิตอสูร ไม่ช้าอักขระเลขสี่ก็ปรากฏขึ้นบนป้ายหยก
สี่แต้ม!
หมายความว่างูเหลือมยักษ์ตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับกลางสองดาว แต่การดำรงอยู่ของมันมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าสัตว์อสูรระดับกลางสองดาวทั่วไป!
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่ ก็ยังต้องปวดเศียรเวียนเกล้าหากได้เผชิญหน้ากับมัน!
แม้นจะเป็นเช่นนั้น แต่หลัวเฉิงใช้เพียงสองหมัดก็สามารถสยบมันได้ทันที!
ระหว่างที่หลัวเฉิงกำลังจะหยิบหญ้างูหยก ธรรมใดกลิ่นอายความอาฆาตมาดร้ายก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เสียงร่ำคำรามต่ำดังขึ้น พร้อมกับปรากฏร่างหมาป่าอสูรห้าตัวที่มีขนสีเขียวมรกต ยืนลายล้อมอยู่รอบพุ่มไม้ ในตาแดงฉันเหล่านั้นจับจ้องหลัวเฉิงอย่างกระหายเลือด
“สัตว์อสูรระดับต่ำสองดาวหมาป่าอสูรมรกต! ฮ่าฮ่า! นี่มันช่างเยี่ยมนัก!”
หลัวเฉิงเผยสีหน้ามีความสุขยิ่ง แม้นเขาจะรู้ว่าบนเกาะชิงอวิ๋นจะมีสัตว์อสูรมากมายก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะมีมากมายขนาดนี้ หลังจากสังหารไปหนึ่งก็มีอีกหนึ่งมาแทนที่ นี่นับว่าเป็นสรวงสวรรค์แห่งการฝึกเคล็ดวิชามังกรแท้อย่างแท้จริง!
“ตาย! สะท้านขุนเขา!”
หลัวเฉิงรีบวิ่งเข้าใส่โดยไม่ครั่นคร้าม มุมปากปรากฏรอยยิ้มปีติยิ่ง
ปัง! ปัง! ปัง!…
เพียงแค่สัตว์อสูรระดับต่ำสองดาว ไหนเลยจะต่อกรกับหลัวเฉิงได้
ครั้นได้เผชิญหน้าเพียงครั้งเดียว หมาป่าอสูรมรกตทั้งห้าตัวก็ถูกกระแทกล้มไปกองบนพื้น ร่างของพวกมันล้วนบิดเบี้ยวไปอย่างน่าอนาถนัก หลังสัมผัสหมัดของหลัวเฉิงพวกมันก็สิ้นใจตายทันที
หลังรวบรวมคะแนนแล้ว หลัวเฉิงก็เข้าฌานสมาธิเริ่มกลืนกินวิญญาณสัตว์อสูร!
เมื่อวิญญาณสัตว์อสูรทั้งห้าเข้าสู่ร่าง ดวงดาวในวิญญาณยุทธ์ของหลัวเฉิงก็เริ่มส่องแสงระยิบระยับ
ปราณมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างหลัวเฉิงอย่างต่อเนื่อง และปราณมังกรในวังวนของปราณแท้ก็กระโจนไปมาคล้ายกับตื่นเต้น ประหนึ่งว่ามันกำลังจะได้รับการเปลี่ยนแปลง!
“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าข้าต้องรีบขัดเกลาปราณมังกรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองโดยเร็วที่สุด!”
หลังจากการกลืนกินเสร็จสิ้น หลัวเฉิงก็ลืมตาขึ้นก่อนใบหน้าจะเผยให้เห็นความประหลาดใจ
การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของวิชามังกรแท้ทำให้เขาได้รับพลังหมื่นจิน!
หากเขาสามารถขัดเกลาปราณมังกรจนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองสำเร็จ พลังที่ได้นั้นเกรงว่าคงไม่ต่ำกว่าหกหมื่นจินเป็นแน่!
ช่างเป็นวิชาที่ร้ายกาจอะไรเยี่ยงนี้!
เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับห้า ก็คงไม่อาจรับมือกับเขาได้เป็นแน่!
“ต้องรีบแล้ว!”
หลัวเฉิงระงับอารมณ์ตื่นเต้นเอาไว้ให้สงบ แล้วลุกขึ้นเตรียมจะไปคว้าหญ้างูหยก ก่อนบุกลึกเข้าไปในป่าเพื่อหาสัตว์อสูร
แต่ยังไม่ทันได้เด็ดหญ้างูหยกเลย จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากป่าทึบด้านข้าง
“มีคนมา!”
หลัวเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับคนอื่นรวดเร็วถึงขนาดนี้ จึงหยุดการกระทำแล้วมองยังป่าทึบที่มีเสียงสะท้านออกมา
หลังผ่านไปเพียงสองสามลมหายใจ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากป่าทึบ
เขาเป็นชายหนุ่มที่สวมอาภรณ์เขียว ดูท่าแล้วคงมีอายุสิบห้าหรือสิบหกปี
“หญ้างูหยก!”
เมื่อสังเกตเห็นหญ้างูหยก ชายหนุ่มในชุดเขียวก็มีแววตาโลกขึ้นมาทันที เขาเหลือบมองหลัวเฉิง ด้วยดวงตาประกายแสงเย็นเยียบ
“เจ้า! หลัวเฉิงมิใช่หรือ?”
“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร”
หลัวเฉิงรู้สึกแปลกใจพิกลนัก
ไม่รู้ว่าตัวเขานั้นกลายเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
“แน่นอนว่าข้าต้องรู้จักอยู่แล้ว ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนดังที่ไม่ว่าใครก็ต่างตามหาเจ้ากันให้ควัก”
บุรุษหนุ่มชุดเขียวยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆ “ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะกลายเป็นผู้ที่โชคดีขนาดนี้ ไม่เพียงหาเจ้าพบก่อนคนอื่นหนำซ้ำยังได้พบหญ้างูหยกอีกต่างหาก! ดูท่าว่าครั้งนี้สวรรค์คงเมตตาข้าแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปข้าหนานเฉิงจะกลายเป็นผู้ยืนอยู่จุดสูงสุด!”
“มีคนตามหาข้ามากมายถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?”
หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจกับวาจานี้ทันที
หนานเฉิงสืบเท้าเข้าหาหลัวเฉิงทีละก้าว ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างลำพองแล้วกล่าวสุ้มเสียงแผ่วเบา
“หากเจ้าปลิดชีวิตตนไปซะจะช่วยข้าได้มากทีเดียว กลับเป็นการดีที่ข้าจะไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแรงลงมือ”
หลัวเฉิงผงะตกตะลึง
ชายผู้นี้อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามเท่านั้น กลับกล้ากล่าววาจาใหญ่โตถึงเพียงนี้โดยขอให้เขาฆ่าตัวตาย!
“เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรืออย่างไรกัน?”
หลัวเฉิงแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
“ข้าหรือล้อเจ้าเล่น?”
หนานเฉิงหรี่ตาลงแล้วกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจเปี่ยมล้น “หากเจ้ายังคงรักศักดิ์ศรีตนก็จงปลิดชีวิตตนไปซะ หากปล่อยให้ข้าลงมือเอง จะมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเจ้าอยู่!”
“มันจะแน่หรือ?”
ดวงตาหลัวเฉิงเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขากระชับมัดแน่นแล้วเริ่มสืบเท้าไปข้างหน้า ก่อนพุ่งถลาเข้าหาชายชุดเขียวด้วยหมัดอันแข็งแกร่ง
เขารู้สึกรำคาญกับการโต้ตอบวาจาไร้สาระกับคนเช่นนี้มาโดยตลอด!
“ไม่รู้จักประมาณตน!”
หนานเฉิงเย้ยหยันแล้วกระชับหมัดสวนออกไปทันที
ปัง!
เสียงร้องโหยหวนครวญครางต้องดังไปทั่วป่าลึก กระดูกกำปั้นของหนานเฉิงนั้นแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ และหมัดของหลัวเฉิงยังพาดผ่านเข้าไปกระแทกเข้าใส่อกของหนานเฉิงอย่างแรง
ปัง!
หนานเฉิงกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างลอยลิ่วพุ่งไปประหนึ่งดาวตก ก่อนกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง ครั้นร่างร่วงลงสู่พื้นเลือดก็หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด
“เจ้า... เจ้าไม่ได้อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามงั้นรึ… ข้า…”
เมื่อมองยังหลัวเฉิง แววตาของหนานเฉิงก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันประกายความเสียใจออกมาอย่างสุดซึ้ง ลั่นเสียงออกมาได้เพียงไม่กี่คำก็เอียงศีรษะสิ้นใจตายในทันที!