บทที่ 14 – เสือขาวตัวน้อย (I)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 14 – เสือขาวตัวน้อย (I)
เหมิงฉีกระพริบตาปริบ ๆ นางรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยถูกต้อง นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "คราวนี้ข้าจะคิดค่ายาต่างหาก"
ใบหน้าของฉู่เทียนเฟิงหมองลง และแม้แต่ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีหม่น มือของเขาหลุดจากเข็มขัด ขนตายาวของเขาตก จนปิดกั้นแสงที่จะพุ่งเข้าตา
"อืม" ฉู่เทียนเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงหม่น ๆ ความขวยเขินก่อนหน้านี้ยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา แต่ชายหนุ่มในอาภรณ์คลุมสีดำ ซึ่งเมื่อครู่ยังยืนตัวตรง ตอนนี้กลับก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวังและหดหู่
เหมิงฉีคลายความกังวลลง แล้วพูดต่อว่า "ถึงแม้ลู่ชิงหรันจะเป็นศิษย์พี่ของข้า แต่นางก็ได้รับอันตรายเพราะท่าน ดังนั้นข้าจะคิดค่ายาที่ให้กับนางในใบแจ้งหนี้ของท่านด้วย"
ใบหน้าของฉู่เทียนเฟิงหดหู่ลงยิ่งกว่าเดิม ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเหมิงฉี ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดำเหมือนยางไม้ สะท้อนร่างเล็กของหญิงสาวผู้สวมอาภรณ์คลุมสีฟ้าหลวม ๆ ผมสีดำสวยสลวย เหมิงฉีผู้ยืนอยู่ริมบ่อเหมันต์เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่เดิมแม้ในสายตาที่ลำเอียงของฉู่เทียนเฟิง นางก็ดูสวยงามพอแล้ว แต่ยามนี้นางกลับดูเหมือนนางฟ้าก็มิปาน
"เข้าใจแล้ว" เขาพูดเบา ๆ น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีการดูถูกหรือเยาะเย้ยแม้แต่น้อย ฉู่เทียนเฟิงไม่รอให้เหมิงฉีพูดอีกและกล่าวเสริมไปว่า "ตอนนี้ข้าไม่มีหินวิญญาณ ข้าจะเขียนใบรับสัญญาเงินตราให้เจ้าก่อน"
หลังจากที่เขาพูดจบ ฉู่เทียนเฟิงก็หยิบแผ่นไม้ไผ่ออกมา เมื่อไม่กี่วันก่อน การที่นางทำแบบนี้กับเขามันทำให้เขาโกรธอย่างมาก แต่ตอนนี้ เขาไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาแม้แต่น้อย
ฉู่เทียนเฟิงถือแผ่นไม้ไผ่และเขียนใบรับสัญญาใช้เงินตราอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ประทับตราประสาทสัมผัสทางวิญญาณของเขาลงไป ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าเหมิงฉีจะนำแผ่นไม้ไผ่นี้ไปที่ใด ตราบใดที่ใช้มันกับสมาชิกของวังสวรรค์เฟินเทียน นางจะสามารถแลกใบรับสัญญาใช้เงินนี้เป็นจำนวนหินวิญญาณตามที่ระบุไว้ได้
เหมิงฉี: "..."
ชายหนุ่มในอาภรณ์คลุมสีดำยื่นแผ่นไม้ไผ่ให้นางอย่างเงียบๆ เมื่อนางเหลือบมอง ตัวเลขของหินวิญญาณก็ว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจเลยว่าเหมิงฉีจะเติมเท่าไหร่ สำหรับท่านชายแห่งวังสวรรค์เฟินเทียน หินวิญญาณนั้นเป็นของเล็กน้อยราวไม่มีค่าอะไร
ยิ่งกว่านั้น...
ฉู่เทียนเฟิงมองไปที่เหมิงฉี อารมณ์แปลก ๆ พลันเต็มหัวใจของเขา ดวงตาของเขาค่อย ๆ อ่อนลง และเมื่อเขาพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
"เริ่มกันเลยเถอะ" เขากล่าวเสริมไปอีกว่า "ข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว"
เหมิงฉี: "ได้...ได้ ไม่มีปัญหา ข้าคิดค่ายารักษาท่านแล้วนะ เช่นนั้นพวกเราถือว่าหายกัน"
ในขณะที่ยังพูดตะกุกตะกัก เหมิงฉีก็เห็นฉู่เทียนเฟิงปลดเข็มขัดและเผยให้เห็นร่างกายที่งดงามและแข็งแรงของเขาอีกครั้ง
ชายหนุ่มร่างสูง ไหล่กว้าง และเอวแคบ บาดแผลบนไหล่ของเขาเปล่งรัศมีสีดำจาง ๆ ซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้ดูน่ากลัวเล็กน้อย
ฉู่เทียนเฟิงนั้นถือเป็นบุตรแห่งโชคอย่างแท้จริง ทุกอย่างของร่างกายเขาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เขาโยนอาภรณ์คลุมลงบนพื้นอย่างคล่องแคล่วและจุ่มร่างกายลงไปในบ่อเหมันต์
เหมิงฉียื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัวและสัมผัสใบหน้าของตัวเอง นางยืนอยู่ข้างบ่อน้ำเหมันต์ น้ำใสภายในบ่อสะท้อนร่างของนาง ถ้าหากนางไม่ยืนยันว่ารูปร่างหน้าตาของนางยังคงเดิม เหมิงฉีคงเกือบจะคิดไปแล้วว่าตนได้เข้ามาสิงอยู่ในร่างลู่ชิงหรัน
ไม่ได้…จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้เด็ดขาด
เหมิงฉีส่ายหัว เห็นได้ชัดว่านางกลัวการถูกขังเป็นเวลาสามเดือนยิ่ง
ความคิดของฉู่เทียนเฟิงจะเปลี่ยนไปแล้ว ดูเหมือนวิธีการตัดขาดบ่วงกรรมของนางจะใช้ได้จริง
แทนที่จะเสียเวลาไปยุ่งเกี่ยวกับเขา นางควรจะตั้งสมาธิกับการฝึกฝนการแพทย์และการบำเพ็ญเพียรเสียจะดีกว่า
ขณะยังคงครุ่นคิดอยู่ เหมิงฉีหยิบสมุนไพรที่นางเพิ่งเก็บเมื่อวานนี้จากกำไลมิติ จากนั้นนางก็หันไปหาฉู่เทียนเฟิงและกดไหล่ของเขา นิ้วของนางขาวและเรียว เหมือนต้นหอม มีเล็บที่ตัดอย่างเรียบร้อย
ระหว่างการรักษาก่อนหน้านี้ ฉู่เทียนเฟิงขี้เกียจเกินกว่าจะมองเหมิงฉี แต่คราวนี้ เมื่อนิ้วที่เย็นเหยียบเล็กน้อยของหญิงสาวปล่อยกลิ่นอายสมุนไพรลงบนไหล่ของเขา เขาก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาทันทีและหดตัวโดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกว่าความร้อนระอุไหลไปตามนิ้วของเหมิงฉี แทรกซึมเข้าไปในบาดแผลของเขา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความอบอุ่นที่สบาย ความอบอุ่นนี้คุ้นเคยอย่างยิ่ง มันขับไล่ความเจ็บปวดที่เสียดแทงออกจากร่างกายของฉู่เทียนเฟิง นำมาซึ่งสัมผัสที่สบายและอบอุ่น
เหมิงฉีค่อย ๆ หลับตาลง สำหรับนางแล้ว นี่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนเช่นกัน
รักษาและฟื้นฟู นางทำขั้นตอนเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก คราวนี้การใช้พลังปราณวิญญาณของนางหมดลงเร็วมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด บ่อยครั้งในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป นางก็ใช้ปราณวิญญาณหมดจนต้องนั่งลงเพื่อรอการฟื้นพลัง
...
อีกครั้งที่ปราณของนางหมด เหมิงฉีนั่งไขว่ห้างข้างบ่อทันที เหงื่อบาง ๆ เปียกอยู่เต็มบนหน้าผาก ฉู่เทียนเฟิงซึ่งยังคงแช่อยู่ในบ่อเหมันต์กำลังจ้องมองนาง แสงอาทิตย์ส่องลงมาที่ใบหน้าของเหมิงฉีพอดี
ถ้าเขาได้เห็นสิ่งนี้เมื่อหลายวันก่อน เขาคงไม่มีทางคิดหรอกว่าสตรีผู้นี้จะงดงามอย่างยิ่งเหมือนเทพธิดา แม้แต่เม็ดเหงื่อละเอียดบนหน้าผากที่สะอาดและเรียบเนียนของนางกลับดูน่ารักอย่างยิ่ง
ฉู่เทียนเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ภายใต้แสงแดด สตรีผู้นี้ผู้มีเรือนผมสีดำ อาภรณ์คลุมสีฟ้า ผิวขาว และดวงตาที่สดใส ดูเหมือนเทพธิดายิ่ง จนกระทั่งเหมิงฉีฟื้นพลังปราณวิญญาณได้ ชายหนุ่มก็ยังคงจ้องมองนางโดยไม่กระพริบตา
เหมิงฉีลุกขึ้นและเดินไปหาเขา
"เจ้า..." ฉู่เทียนเฟิงลังเล "พักหน่อยเถอะ"
ตั้งแต่เหมิงฉีกลับมาจากการเก็บสมุนไพร สองวันหนึ่งคืนผ่านไป ฉู่เทียนเฟิงนั้นรู้ได้ทันทีว่าเหมิงฉีถึงขีดจำกัดแล้ว
"ข้าไม่เป็นไร" เหมิงฉีส่ายหัว แม้ว่านางจะดูเหนื่อยมาก แต่ร่างกายของนางกลับเต็มไปด้วยปราณวิญญาณ ในสายตาของนาง ฉู่เทียนเฟิงไม่ใช่อัจฉริยะผู้ฝึกตนหนุ่มจากสำนักที่มีชื่อเสียง แต่เป็นเครื่องมือมนุษย์ไว้ซ้อมรักษาต่างหาก
นางจะเสียโอกาสอันดีเช่นนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด